ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ - 22 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | คุยกับทูต |
ผู้เขียน | ชนัดดา ชินะโยธิน [email protected] |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
วันครบรอบ 80 ปี ของมหาสงคราม
เพื่อปิตุภูมิของประชาชนชาวโซเวียต
วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2564 เป็นวันครบรอบ 80 ปีของการเกิดขึ้นของมหาสงครามเพื่อปิตุภูมิของประชาชนชาวโซเวียตที่ต่อสู้กับลัทธินาซีเยอรมัน ซึ่งเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซีย นับเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งสำคัญที่สุดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
นายเยฟกินี โทมิคิน (Evgeny Tomikhin) เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย เล่าถึงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์แห่งความทรงจำและความโศกเศร้า
รุ่งเช้าของวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2484 กองทัพนาซีเยอรมันได้บุกเข้าสหภาพโซเวียตโดยไม่มีการแจ้งถึงการประกาศสงครามใดๆ เครื่องบินทิ้งระเบิดของเยอรมันได้ทำลายสนามบิน สถานีรถไฟ ที่ทำการของกองทัพเรือ ฐานทัพทางทหาร และอีกหลายเมืองได้ถูกทำลายไปกว่า 250 – 300 กิโลเมตรในดินแดนของสหภาพโซเวียต
ในขณะเดียวกันกองทัพนาซีเยอรมันได้เข้ายึดครองหลายประเทศในยุโรป เช่น โปแลนด์, เดนมาร์ก, นอร์เวย์, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์, ลักเซมเบิร์ก, ฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศ โดยสหภาพโซเวียตได้โต้กลับอย่างรุนแรง
ส่วนประเทศอิตาลี, สโลวาเกีย, ฟินแลนด์, ฮังการี และประเทศสุดท้าย นอร์เวย์ ได้เข้าร่วมการต่อต้านสหภาพโซเวียตกลางเดือนสิงหาคม ชาวโซเวียตได้ต่อต้านศัตรูด้วยความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ยืนหยัดต่อความตาย เพื่อปกป้องปิตุภูมิ
การรุกรานของกองทัพนาซี ในขณะที่สหภาพโซเวียตยังไม่ทันได้ระวัง เราจึงไม่พร้อมที่จะต่อสู้กับศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ อีกทั้งรถถังและเครื่องบินรุ่นใหม่ๆ ก็ยังไม่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้มีส่วนทำให้เกิดค่าใช้จ่ายมหาศาลที่ประเทศต้องยอมแลกเพื่อชัยชนะ
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับสหภาพโซเวียตตลอดระยะเวลาสี่ปีนั้น เป็นการทดสอบความกล้าหาญอย่างมากในการฟื้นฟูสันติภาพ ซึ่งได้กลายเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมและน่าสะพรึงกลัวในเวลาเดียวกัน
ความสูญเสียที่เกิดขึ้นแก่สหภาพโซเวียตเพียงประเทศเดียว คือ 40% ของการบาดเจ็บล้มตายทั้งหมดในสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารโซเวียตประมาณหนึ่งล้านนายได้สละชีวิตในระหว่างการปลดปล่อยประชาชนยุโรป การสูญเสียผู้คนรวมกันของสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามเท่ากับ 27 ล้านคน
โดยมากกว่า 8.7 ล้านคนได้เสียชีวิตลงในสนามรบ
อีก 7.42 ล้านคนถูกฆ่าโดยพวกนาซีในพื้นที่ที่ถูกกองทัพนาซียึดครอง
มากกว่า 4.1 ล้านคนเสียชีวิตจากสภาพที่โหดร้ายของพื้นที่ที่ถูกยึดครอง
และอีก 5.27 ล้านคน ถูกนำตัวไปใช้แรงงานอย่างหนักในเยอรมนีและประเทศข้างเคียงซึ่งอยู่ภายใต้การยึดครองของเยอรมนีเช่นกัน
มีประมาณ 2.65 ล้านคน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งได้กลับบ้าน และมีผู้อพยพมากกว่า 450,000 คน และ 2.16 ล้านคนได้เสียชีวิตลงหรือไม่ก็เสียชีวิตในกรงขัง
ความสูญเสียชีวิตของผู้คนและสิ่งปลูกสร้าง ที่สหภาพโซเวียตได้รับจากการรุกรานของกองทัพนาซีนั้นหาที่เปรียบมิได้ ประวัติศาสตร์ไม่เคยได้รู้จักกับการทำลายล้าง ความป่าเถื่อน และความไร้มนุษยธรรมเช่นนี้มาก่อน ดังที่เห็นได้จากการกระทำอันโหดร้ายของพวกนาซีในดินแดนโซเวียต
ทุกวันนี้เราได้แต่เห็นถึงความพยายามต่อการบิดเบือนประวัติศาสตร์ของสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่มขึ้นจากการดูถูก หรือนิ่งเฉยกับบทบาทของสหภาพโซเวียตในการเอาชนะลัทธินาซี การจับคนร้าย ทำให้ผู้ที่ถูกสังหารชีวิตและเหยื่อของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน และการตั้งคำถามถึงผลลัพธ์ของสงครามและคำตัดสินของศาลนูเรมเบิร์ก
เป้าหมายของการกระทำดังกล่าวมีความชัดเจน เป็นการดูหมิ่นประเทศรัสเซียยุคใหม่ในฐานะผู้สืบทอดของอดีตสหภาพโซเวียต และยังเป็นการปกปิดบทบาทที่ไม่เหมาะสมของการกระทำโดยสมรู้ร่วมคิดของรัฐตนกับระบอบฮิตเลอร์เพื่อพิสูจน์ความน่ารังเกียจของลัทธินีโอนาซีและสงครามที่ไร้ความอายต่ออนุสาวรีย์ของทหารผู้ปลดปล่อยครั้งนั้น
เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การย้ำเตือนทุกคนว่าประเทศของเรานั้นได้มีส่วนสำคัญในการเอาชนะเครื่องจักรสงครามของฮิตเลอร์ ได้ปลดปล่อยยุโรปและโลกจากลัทธินาซี
วันที่ 22 มิถุนายน ของทุกปี จึงเป็นที่รู้จักกันในประเทศรัสเซียว่า เป็นวันแห่งความทรงจำและความโศกเศร้า โดยตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 เป็นต้นมา วันนี้ได้กลายเป็นวันที่รำลึกถึงอย่างเป็นทางการ
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2550 ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ลงนามแก้ไขกฎหมาย “ในวันแห่งความรุ่งโรจน์ทางทหารและวันครบรอบของประเทศรัสเซีย” ซึ่งได้เพิ่มวันครบรอบเข้าไปทำให้วันที่ 22 มิถุนายน ของทุกปีเป็นวันแห่งความทรงจำและความโศกเศร้า
ในวันนี้ของทุกปี ธงชาติของประเทศรัสเซียจะถูกลดระดับลง กิจกรรมบันเทิงและรายการต่างๆ จะถูกระงับหรือทำให้สั้นลง ผู้นำประเทศรัสเซียจะวางพวงมาลาไว้ทุกข์ที่สุสานทหารนิรนามในกรุงมอสโก ชาวรัสเซียจะคร่ำครวญถึงเพื่อนร่วมชาติทุกคนที่ได้ปกป้องบ้านเกิดด้วยชีวิต หรือตกเป็นเหยื่อของสงครามโดยเฉพาะมหาสงครามแห่งเพื่อปิตุภูมิในปี พ.ศ. 2484-2488
ประวัติศาสตร์มีไว้เพื่อให้เราได้รู้บทเรียนจากมัน หนึ่งในนั้นคือ ความปรารถนาที่จะครองโลกย่อมจบลงด้วยความล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การรับประกันความปลอดภัยของตนย่อมแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายของอีกฝ่าย มันเป็นความไว้วางใจ ที่มาพร้อมกับความเป็นจริงในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่จะรับประกันสันติภาพอันยั่งยืนในโลก
ในโอกาสนี้ สถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย จึงขอเชิญชมนิทรรศการโปสเตอร์สงครามของสหภาพโซเวียตในนิทรรศการ “ความรุ่งโรจน์สู่ชัยชนะของทหารโซเวียต” ระหว่างนี้ จนวันที่ 9 สิงหาคม 2564 ณ ห้องจัดแสดง RCB ชั้น 1 ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้กรุงเทพฯ