ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 มิถุนายน 2564 |
---|---|
เผยแพร่ |
จดหมาย
โควิด (1)
เรียนบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กำลังดำเนินการนำกล่องพัสดุ ซอง และลังกระดาษจากคนไทยกว่า 23,500 กิโลกรัม กลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิลผ่านโครงการ “ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซองไม่ใช้แล้ว เป็นสิ่งจำเป็นทางการแพทย์”
โดยได้ส่งต่อไปยังบริษัท เอสซีจี แพ็กเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) เพื่อแปรรูปเป็นเตียงกระดาษ สำหรับรองรับผู้ป่วย COVID-19 ในโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ
พร้อมทั้งเดินหน้าเปลี่ยนกล่อง/ซอง เป็นหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ บรรจุรวมใน “กล่อง BOX บุญ” เพื่อส่งต่อให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเดือนแรกของโครงการ
ได้รับการตอบรับจากคนไทยเป็นอย่างดี โดยมีกล่องพัสดุและลังกระดาษไม่ใช้แล้วกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิลรวมกว่า 23,500 กิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม การระบาดของเชื้อ COVID-19 ที่ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง
ไปรษณีย์ไทยจึงขอเชิญชวนคนไทยนำกล่องพัสดุ ลังกระดาษ และซองกระดาษทุกประเภท มาให้ในโครงการ ไปรษณีย์ reBOX เปลี่ยนกล่อง/ซอง เป็นสิ่งจำเป็นของโรงพยาบาล คือหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อส่งมอบให้แก่โรงพยาบาล ตั้งแต่วันนี้-31 ตุลาคม 2564 ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ รวมทั้งจุดรับรวบรวมอื่นๆ
เช่น กองบัญชาการกองทัพไทย กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (สำนักงานใหญ่) มูลนิธิสถาบันแวดล้อมไทย Shippop เป็นต้น
สามารถติดตามข่าวสารไปรษณีย์ไทยเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ : www.thailandpost.co.th
เฟซบุ๊ก : บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
ทวิตเตอร์ : @Thailand_Post
ไลน์ออฟฟิเชียล : @Thailand Post
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด
มีแต่ข่าวร้ายๆ เมื่อพูดถึงโควิด-19
มองหามุมดีๆ พูดถึงบ้าง
เมื่อบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ฝากให้ประชาสัมพันธ์เรื่องนี้
ก็พร้อมนำเสนอให้โดยเต็มใจ
เพราะนอกจากลดปริมาณของใช้แล้ว
ยังสามารถนำสิ่งนี้ไปเป็นประโยชน์รับมือโควิด-19 ได้อีก
ใครสนใจร่วมเชิญ
โควิด (2)
– รัฐบาลสหรัฐประกาศกรอบความร่วมมือเพื่อแบ่งปันวัคซีนจำนวน 80 ล้านโดสทั่วโลกภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
ในแผนการส่งมอบวัคซีน 25 ล้านโดสแรก จะมีวัคซีนจำนวน 7 ล้านโดสที่มอบให้กับประเทศต่างๆ ในเอเชีย รวมถึงประเทศไทย โดยเพิ่มเติมจากความช่วยเหลือมูลค่า 4,000 ล้านเหรียญที่สหรัฐ ได้ประกาศว่าจะมอบให้กับโครงการ COVAX
– รัฐบาลสหรัฐมอบความช่วยเหลือให้ไทยเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 รวมมูลค่า 30 ล้านเหรียญ
โดยในจำนวนนี้เป็นการบริจาคเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากอนามัย แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันรวมมูลค่า 17.5 ล้านเหรียญให้กับแพทย์และพยาบาลไทย รวมทั้งความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยในค่ายตามแนวชายแดน
– ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐ (U.S. CDC) ได้มอบความช่วยเหลือเพิ่มเติมมูลค่า 13 ล้านเหรียญ โดยทำงานเคียงบ่าเคียงไหลกับกระทรวงสาธารณสุขของไทย
– องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ตลอดจน U.S. CDC และกองทัพสหรัฐ ได้ช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการเสริมสร้างศักยภาพการตรวจวินิจฉัย โดย USAID ช่วยไทยยืนยันผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกที่เดินทางมาจากต่างประเทศเมื่อเดือนมกราคม 2563
– U.S. CDC พัฒนาศักยภาพโครงการเฝ้าระวังในค่ายอพยพ 9 แห่งตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในตัวอย่างส่งตรวจไปแล้วกว่า 1,500 ตัวอย่าง และตรวจพบการระบาด 3 แห่ง ซึ่งช่วยให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในค่ายตระหนักถึงสถานการณ์การระบาดได้โดยเร็วและป้องกันการแพร่กระจายของโรคในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง
– USAID สนับสนุนการให้คำปรึกษาทางออนไลน์และมอบเครื่องวัดออกซิเจนในเลือดเพื่อช่วยให้กลุ่มประชากรหลักที่ได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น โดยรวมไปถึงกลุ่มผู้อพยพ
– นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทหารของสหรัฐกำลังร่วมมือกับภาคีชาวไทยศึกษาวิจัยวัคซีนในประเทศเพื่อเร่งรัดความพยายามในการปกป้องคนไทยในอนาคต
– การบริจาคชุด PPE : รัฐบาลสหรัฐได้บริจาคเครื่องช่วยหายใจ หน้ากากช่วยหายใจ หน้ากากอนามัย แว่นตานิรภัย และอุปกรณ์ป้องกันรวมมูลค่า 17.5 ล้านเหรียญให้กับแพทย์และพยาบาลไทย รวมทั้งมอบความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยในค่ายตามแนวชายแดน
– โครงการให้ความรู้กับผู้อพยพ : U.S. CDC และ USAID ดำเนินกิจกรรมกับชุมชนผู้อพยพ โดยให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการรักษาความสะอาดเพื่อยุติหรือลดการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 แก่ผู้อพยพและประชากรกลุ่มเปราะบางจำนวนกว่า 117,601 คน
– USAID ร่วมพัฒนาแอพพลิเคชั่น “พ้นภัย” สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อช่วยให้ประชาชนที่ต้องกักตัวอยู่ใน 69 จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยได้รับการแจกจ่ายชุดยังชีพ 188,203 ชุด พร้อมทั้งน้ำดื่ม (มูลค่าเกือบ 4 ล้านเหรียญ) ได้โดยตรงและรวดเร็ว
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ สหรัฐ ในประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขของไทยศึกษาวิจัยโครงการการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อประเมินความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตนในการฉีดวัคซีนในกลุ่มประชากรหลัก
สถานทูตสหัฐอเมริกา
ประจำประเทศไทย
ข้อมูล “อวย” มะกัน ชุดนี้คงผ่านสายตาหลายคนมาแล้ว
แต่อยากลง
ลงเพื่อให้เห็นการทูตวัคซีนกำลังเข้มข้น
หลังจากปล่อยให้ “จีน” รุกและนำหน้า
ในฐานะ “ผู้ให้” กรณีโรคระบาดโควิด-19
สหรัฐจึงจับมือกับกลุ่มจี-7 รุกกลับ
โดยจะทุ่มบริจาควัคซีน 1,000 ล้านโดสให้ชาติต่างๆ
ทั้งให้โดยตรงและให้ผ่านโครงการโคแวกซ์
ซึ่งก็หวังว่า ไทยซึ่งประกาศไม่ร่วม “โคแวกซ์” คงไม่ได้แค่ยืนดูตาปริบๆ
เราน่าจะได้อานิสงส์จากการ “ช่วยโดยตรง” จากมหามิตรบ้าง–เฮ้อ