ปาเลสไตน์-ฮามาส และอิสราเอล ความขัดแย้งครั้งที่ 4 (5)/มุมมุสลิม จรัญ มะลูลีม

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม

จรัญ มะลูลีม

 

ปาเลสไตน์-ฮามาส และอิสราเอล

ความขัดแย้งครั้งที่ 4 (5)

 

แม้ว่าความขัดแย้งที่มีขึ้นจะเริ่มต้นด้วยการประท้วง การบีบบังคับชาวปาเลสไตน์ให้ออกจากบ้านเรือนของตนด้วยการใช้กำลังก็ตาม พื้นที่ของนครเยรูซาเลมตะวันออกก็ได้กลายเป็นการประลองกำลังครั้งใหญ่ระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลไปเรียบร้อยแล้ว

ถ้าสถานการณ์ในพื้นที่อื่นๆ ย่ำแย่ลงไปอีก ประสบการณ์ที่ชัยค์ ญัรเราะฮ์ ก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้นอีกในดินแดนยึดครองอื่นๆ ถึงเวลานี้ชาวปาเลสไตน์ต้องติดอยู่ระหว่างความน่าหวาดหวั่นของโรคระบาดและความหวาดหวั่นของการไร้ที่อยู่อาศัย

สิ่งนี้ถูกนำมากล่าวถึงโดยองค์กร Lancet (Lancet Platestiman Health Alliance) ที่วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ในดินแดนแห่งการยึดครองว่า

เมืองกาซาตกอยู่ภายใต้การปิดล้อมอย่างเข้มแข็งโดยอิสราเอลมาเป็นเวลายาวนานก่อให้เกิดการขาดแคลนยารักษาโรคและความสามารถด้านการแพทย์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนที่นี่อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

 

จุดยืนของอินเดีย

ในวันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม 2021 ที่คณะมนตรีความมั่นคง อินเดียซึ่งมิได้เป็นสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติยืนยันว่าอินเดียสนับสนุนปาเลสไตน์ แต่ก็ไม่ได้กล่าวถึงสถานะของนครเยรูซาเลมตรงๆ หรืออนาคตของชายแดนอิสราเอล ปาเลสไตน์แต่อย่างใด

ตรีมุรติ (T.S. Tirmurti) ตัวแทนถาวรของอินเดียในสหประชาชาติ ได้กล่าวสรุปเป็นเวลา 4 นาทีที่คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติว่า “อินเดียขอย้ำถึงการสนับสนุนภารกิจของชาวปาเลสไตน์และยืนกรานอย่างไม่เปลี่ยนแปลงในเรื่องการหาทางออกด้วยการมีสองรัฐ”

อินเดียมีความสนใจในความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่นครเยรูซาเลม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หะรอม อัล-ชารีฟ / Temple Mount ในระหว่างเดือนเราะมะฎอนและกระบวนการรื้อถอนบ้านเรือนของชาวปาเลสไตน์ในชัยค์ อัลญัรเราะฮ์ และที่สิลวาน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใกล้ชิดกับนครเยรูซาเลม

ครอบครัวชาวอาหรับปาเลสไตน์ 12 ครอบครัวในดินแดนยึดครองเยรูซาเลมตะวันออกต้องเผชิญกับการถูกรื้อถอนบ้านเรือนของตัวเองโดยกองกำลังของอิสราเอล ซึ่งเป็นหนึ่งในการเริ่มต้นการประท้วงของชาวอาหรับในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน

อินเดียสนับสนุนให้สองฝ่ายหลีกเลี่ยงจากการใช้ความพยายามที่จะเปลี่ยนสถานะเดิมของพื้นที่ รวมทั้งนครเยรูซาเลมตะวันออกและดินแดนที่อยู่ติดกัน

อินเดียจึงเรียกร้องให้มีการเคารพสถานะทางประวัติศาสตร์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนครเยรูซาเลม รวมถึงหะรอม อัล-ชารีฟ / Temple Mount

ดังนั้น โดยปราศจากการพูดถึงประเทศใดๆ อินเดียได้เรียกร้องให้มีการยุติการรื้อถอนและรื้อฟื้นสถานะเดิมของพื้นที่

 

ประเทศอาหรับซึ่งหันไปมีความสัมพันธ์ขั้นปกติกับอิสราเอลอย่างซูดาน อาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน ก็คงขาดน้ำหนักในการหยุดยั้งความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ หากเปรียบเทียบกับอียิปต์ที่ทั้งขบวนการฮามาสและอิสราเอลให้การรับฟังมากกว่า

อาจกล่าวได้ว่าความรุนแรงและความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับความผันแปรทางการเมืองในประเทศโดยสถานะทางการเมืองของอิสราเอลและปาเลสไตน์ไม่มีความมั่นคง ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของเนทันยาฮูและตำแหน่งประธานาธิบดีของอับบาสก็มีความอ่อนแอทั้งสองฝ่าย

ในขณะที่องค์การปาเลสไตน์แห่งชาติ (Palatines National Authority) ที่มีกองกำลังฟาตะห์เป็นกำลังหลักได้สูญเสียพื้นที่ความนิยมให้กับขบวนการฮามาส

ทั้งนี้ ผู้นำอิสราเอลผู้นำขบวนการฮามาสและประธานาธิบดีอับบาส ต่างก็พยายามหาความนิยมด้วยมาตรการที่หลากหลายเพื่อหวังการสนับสนุนจากประชาชน

 

ในระหว่าง 11 วันของความขัดแย้ง ประธานาธิบดี Biden ได้รับแรงกัดมาจากพรรคของเขาเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มก้าวหน้าที่วิพากษ์อิสราเอลและต้องการให้ Biden ทำอะไรให้มากขึ้น

ในความเห็นของ Biden การมีสองรัฐเป็นทางออกที่เป็นคำตอบในความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ซึ่งมีการเน้นย้ำอย่างต่อเนื่องและเป็นที่รับรู้มามากกว่าทศวรรษแล้ว

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวมิได้รับความสนใจจาก Trump อดีตประธานาธิบดีที่เวลานี้หมดอำนาจลงไปแล้วแต่อย่างใด

ในวันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม Biden ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าจะไม่มีสันติภาพเกิดขึ้นในภูมิภาค หากว่าสิทธิของอิสราเอลในฐานะรัฐเอกราชของชาวยิวไม่เป็นที่รับรู้และเป็นที่ยอมรับของปาเลสไตน์

Biden ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ขณะที่เขาได้ออกมาแถลงการณ์ร่วมกับ Moon Jae-in ประธานาธิบดีของเกาหลีหนึ่งวันก่อนที่อิสราเอลและฮามาสจะออกประกาศยอมรับการหยุดยิง โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งทำให้ความขัดแย้ง 11 วันจบลง โดยสหรัฐเป็นหนึ่งในประเทศที่ใช้ความพยายามทางการทูตมาระยะหนึ่งก่อนที่จะมีการหยุดยิงในที่สุด

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของสหรัฐได้ติดต่อทางโทรศัพท์กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคหลายครั้งและ 6 ครั้งเป็นการพูดคุยระหว่าง Biden กับ Natanyahu

Biden ยืนยันว่าความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อความมั่นคงของอิสราเอลไม่เคยเปลี่ยนและจะไม่เปลี่ยนอย่างแน่นอน Biden กล่าวเพื่อขานรับคำถามที่ว่ามีความเปลี่ยนแปลงในนโยบายของพรรคเดโมแครตที่มีต่ออิสราเอลหรือไม่?

“การเปลี่ยนแปลงก็คือเรายังคงต้องการให้มีทางออกว่าด้วยสองรัฐ ซึ่งเป็นคำตอบเดียว”

เขากล่าวเพิ่มเติมและกล่าวต่อไปว่า “พรรคของผมยังคงสนับสนุนอิสราเอล” และขอให้มีการพูดอย่างตรงไปตรงมาที่นี่ว่าในภูมิภาคนี้สิทธิของอิสราเอลที่มีอยู่ในฐานะรัฐยิวอิสระจะต้องได้รับการยอมรับอย่างแท้จริง หาไม่แล้วก็จะไม่มีสันติภาพ

ารยืนยันในเรื่องข้อเสนอให้มีสองรัฐของสหรัฐเพื่อให้อิสราเอลกับปาเลสไตน์อยู่ร่วมกันในฐานะสองรัฐที่แยกออกจากกันได้ลดความสำคัญลงอย่างมากภายใต้ Trump ซึ่งทำให้สหรัฐเข้าชิดใกล้อิสราเอลมากยิ่งขึ้นโดยเปลี่ยนแปลงนโยบายที่มีมาแล้วหลายทศวรรษ อย่างเช่น การยอมรับว่านครเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล

ในปี 2020 Trump เปิดเผยถึงแผนการที่เขานำเสนอ “ทางออกของสองรัฐที่เป็นจริง” ที่ทำให้นครเยรูซาเลม ซึ่งถูกอ้างการเป็นเจ้าของจากทั้งสองฝ่ายให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลที่ “ไม่อาจแบ่งแยก” ได้

Trump จึงเป็นประธานาธิบดีที่อยู่เคียงข้างอิสราเอลอย่างที่สุดไม่ต่างไปจากโรนัลด์ เรแกน