ล้อมคอกรับน้องมรณะ รุ่นพี่โหดรุมเตะจนตาย อุเทนฯ ไล่ออก-พักเรียน แม่จี้ดำเนินคดีถึงที่สุด/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

ล้อมคอกรับน้องมรณะ

รุ่นพี่โหดรุมเตะจนตาย

อุเทนฯ ไล่ออก-พักเรียน

แม่จี้ดำเนินคดีถึงที่สุด

 

กลายเป็นความสูญเสียที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย สำหรับความตายของน้องปลื้ม นักศึกษาชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก อุเทนถวาย

ที่ต้องเสียชีวิตจากเงื้อมมือของคนที่เรียกตัวเองว่ารุ่นพี่ จากกิจกรรมเตรียมพร้อมการรับน้อง

ลงโทษเพราะคิดว่าไม่ใส่ใจในการประชุมรับน้องใหม่ ด้วยการสลับกันเตะไปที่หน้าอก!??

แม้จะไม่ใช่เรื่องการจงใจฆ่า แต่ก็น่าสนใจว่าการทำร้ายร่างกายด้วยความรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้น สามารถเรียกได้ว่าเป็นความเมตตาที่รุ่นพี่พึงมีต่อรุ่นน้องหรือไม่

ไม่เพียงแค่นั้น ยังพบว่ามีการปกปิดการกระทำความผิด ไม่กล้ายอมรับว่าเป็นกลุ่มคนที่ลงมือ จนรุ่นน้องบาดเจ็บและเสียชีวิต

จนกระทั่งเรื่องราวถูกเผยแพร่ตามสื่อต่างๆ ด้วยการเรียกร้องขอความเป็นธรรมของครอบครัว

มีการตั้งคำถามทั้งตัวรุ่นพี่เอง ตลอดจนสถาบันการศึกษา นำมาซึ่งการยอมรับผิด ซึ่งก็มีทั้งโทษจากสถาบัน และโทษจากกฎหมาย

แต่ประเด็นสำคัญก็คือจะทำอย่างไรให้ปัญหาการรับน้องที่บานปลายเป็นความรุนแรง และสูญเสียเช่นนี้

ให้หมดสิ้นไปเสียที!??

แม่โวยลูกตายปริศนา

เหตุการณ์นี้ปรากฏเป็นที่รับทราบของสังคมเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน เมื่อนางมนัสนันท์ ตามกลาง อายุ 57 ปี ชาว ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน ระบุว่า ลูกชาย นายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือน้องปลื้ม อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย รุ่น 89 เสียชีวิตหลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาล 8 วัน ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุเกิดจากรุ่นพี่รุมทำร้ายร่างกาย และเกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรณีดังกล่าว

โดยนางมนัสนันท์เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้เมื่อเช้ามืดวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีเพื่อนของลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่าน้องปลื้มล้มจากเก้าอี้ แล้วเกิดอาการชักเกร็งขณะคุยกับเพื่อนที่คณะ เมื่อคืนวันที่ 27 พฤษภาคม เพื่อนๆ นำตัวส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว กรุงเทพฯ

จึงโทรศัพท์ไปบอกพี่ชายที่ทำงานอยู่ กทม.ให้ไปดูน้องที่โรงพยาบาล ก่อนที่ตนจะเดินทางไป เมื่อถึงโรงพยาบาล พบน้องปลื้มรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู สภาพถูกมัดมือมัดเท้าเพราะมีอาการชักเกร็ง ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารได้ เพราะต้องใส่ท่อช่วยหายใจ โดยน้องปลื้มรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหัวเฉียว 5 วัน ก็ตัดสินใจส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา แต่เมื่อมารักษาตัวต่อได้ 3 วันก็เสียชีวิตลงในวันที่ 5 มิถุนายน เวลา 22.00 น.

ซึ่งจากการตรวจสอบของแพทย์ ระบุว่าซี่โครงซี่ที่ 3 หัก หน้าอกช้ำ ปอดติดเชื้อ จึงเชื่อว่าไม่ใช่เกิดจากการตกเก้าอี้ตามที่เพื่อนบอก แต่น่าจะเกิดจากการถูกทำร้ายร่างกาย จากนั้นลูกชายคนโตจึงไปติดตามจนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าคณะ เห็นชัดเจนว่าก่อนเกิดเหตุลูกชายตนเดินเข้าไปในตึกคณะ แต่เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงก็ออกมาในสภาพถูกหาม

รวมทั้งมีข้อความทางแชตกลุ่มไลน์ ระบุว่าน้องปลื้มถูกทำร้าย จึงอยากขอความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสถานศึกษา ให้หาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้จงได้

ทั้งนี้ นางมนัสนันท์ยังระบุต่อว่า น้องปลื้มมุ่งมั่นที่จะเรียนที่อุเทนถวายมาก แม้ครอบครัวจะไม่เห็นด้วย โดยน้องปลื้มแอบไปสอบเมื่อเรียนจบ ปวช. แม่ก็ไปขอร้องให้เรียนต่อใน จ.นครราชสีมา จนกระทั่งจบ ปวส. พอไปฝึกงานเจอรุ่นพี่ที่จบจากอุเทนถวาย ก็จุดประกายความฝันให้ไปเรียนที่อุเทนฯ ให้ได้ เมื่อเป็นความฝันของลูกก็เลยยอม

“ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะทำให้สูญเสียลูก ลูกบอกเสมอว่ารับได้ ที่อุเทนฯ เขารักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ปลอดภัยแน่นอน ลูกชายยอมรับเงื่อนไขทุกอย่าง และเหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกทำร้ายร่างกาย จึงอยากขอความเป็นธรรม ขอทำหน้าที่แม่คนหนึ่งที่เจ็บปวดจากการสูญเสียลูกโดยไม่มีอะไรมาทดแทนได้”

เป็นคำเรียกร้องจากแม่ผู้สูญเสีย

รับรุมเตะ-ปมงานรับน้อง

ด้านนายพรชัย อัจฉริยเมธากร รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลตะวันออก วิทยาเขตอุเทนถวาย ที่เดินทางไปร่วมงานศพนายวีรพัฒน์ ถึงจ.บุรีรัมย์ ระบุว่า ภายหลังทราบเรื่องที่เกิดขึ้น มหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีสั่งตั้งกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงจนทราบว่ามีใครเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จนได้ข้อเท็จจริงว่าอาการบาดเจ็บดังกล่าวเกิดจากการลงมือของรุ่นพี่ ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องเป็นรุ่นพี่ 12 คน สอบสวนแล้วทุกคนยอมรับสารภาพว่าได้ทำร้ายน้องปลื้มจริง ส่วนใครจะทำร้ายลักษณะไหนข้อมูลก็อยู่ในสำนวนของตำรวจแล้ว ในส่วนของทางมหาวิทยาลัยจะดำเนินการตามระเบียบ โดยขณะนี้ได้มีการเสนอชื่อนักศึกษาทั้งหมดให้อธิการบดีลงนามลงโทษขั้นสูงสุดคือไล่ออก

ส่วนการเยียวยาช่วยเหลือทางมหาวิทยาลัยก็พร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวที่ต้องสูญเสียลูกชาย ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยก็จะร่วมกันหามาตรการป้องกันและแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์ในลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก

ด้าน น.ส.กิตติยารัตน์ หาญชัย อายุ 21 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ แฟนสาวของน้องปลื้ม เล่าว่า เบื้องต้นจากการสอบถามน้องปลื้มก่อนเสียชีวิต บอกว่าถูกรุ่นพี่รุ่นที่ 88 เวียนเตะคนละครั้ง เพื่อเป็นการลงโทษ ที่ไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในการจัดกิจกรรมรับน้องใหม่ที่ใกล้จะถึงนี้ เพราะเป็นหัวหน้าห้อง ยืนยันว่าน้องปลื้มเป็นคนแข็งแรง คงจะไม่เสียชีวิตเพราะจากสาเหตุอื่นนอกจากการถูกทำร้าย

ขณะที่มีรายงานข่าวแจ้งว่า นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปี 2 ขึ้นปี 3 ทั้งหมด 12 ราย ถูกให้พักการเรียนทั้งหมด 11 ราย และมี 1 รายที่ถูกไล่ออก

ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุมีการประชุมเพื่อเตรียมงานรับน้อง โดยน้องปลื้มเข้าร่วมด้วยในฐานะหัวหน้าห้องของชั้นปีที่ 1 ที่กำลังขึ้นชั้นปีที่ 2 โดยระหว่างประชุมกันอยู่ รุ่นพี่มีคำถาม แต่น้องปลื้มตอบไม่ได้ จึงถูกลงโทษด้วยการเวียนกันเตะ จนกระทั่งล้มฟุบ และเพื่อนพาไปส่งโรงพยาบาล

รุ่นพี่ขอขมา

เป็นการกระทำของ “รุ่นพี่” ต่อ “รุ่นน้อง”

รุ่นพี่ขอขมา-ตร.ดำเนินคดี

หลังจากเรื่องราวกระจ่าง เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 9 มิถุนายน ในการสวดพระอภิธรรมศพน้องปลื้ม รุ่นพี่ 12 คนที่รุมเตะน้องปลื้ม เดินทางมาขอขมาศพน้องปลื้ม ต่อหน้านางมนัสนันท์ แม่น้องปลื้ม ท่ามกลางญาติและเพื่อนน้องปลื้ม รวมถึงชาวบ้านได้มาคอยดูกันเป็นจำนวนมาก

โดยกลุ่มรุ่นพี่ทั้ง 12 คน ไหว้ขอโทษแม่น้องปลื้ม ระบุว่า ที่ทำไปเพราะไม่ได้ตั้งใจให้ถึงชีวิต ขณะแม่น้องปลื้มได้ถามกลับถึงการกระทำดังกล่าว ว่ารุนแรงไปหรือไม่ “ถ้าเป็นเขาเป็นเราโดนแบบนี้พ่อ-แม่จะเสียใจแค่ไหน” หลังจากนี้คงจะต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการต่อไป โดยกลุ่มรุ่นพี่ 12 คนใช้เวลาอยู่ในงานประมาณ 15 นาที ก่อนจะขอเดินทางกลับ

ต่อมาในงานฌาปณกิจในวันที่ 10 มิถุนายน มีเพื่อนร่วมสถาบัน และรุ่นพี่จากอุเทนถวายมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยญาติน้องปลื้มระบุว่า เรื่องคดีปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเชื่อว่าคงจะได้รับความยุติธรรม

ในส่วนของนายวีรพงษ์ ตามกลาง อายุ 27 ปี พี่ชายน้องปลื้ม กล่าวว่า ศพน้องปลื้มจะทำการฌาปนกิจศพในวันที่ 10 มิถุนายน เวลาประมาณ 14.00 น. โดยหลังจากเผาก็จะทำพิธีทางศาสนาต่อไป ส่วนทางด้านคดีต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต่อไป ถึงเวลานี้ครอบครัวมั่นใจว่าน้องปลื้มจะได้รับความยุติธรรมแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เปิดเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า มีนักศึกษาเข้าร่วมทั้งชั้นปีที่ 1 และชั้นปีที่ 2 ทั้งหมด 47 คน เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ทั้งหมด 12 คน นักศึกษาชั้นปี 1 ทั้งหมด 35 คน ทางมหาวิทยาลัยตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นการจัดกิจกรรมดังกล่าวทางมหาวิทยาลัยไม่ทราบว่ามีการจัดกิจกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด แต่การจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดกับคำสั่งของกรุงเทพมหานคร เรื่องเกี่ยวกับการควบคุมโรค และขัดคำสั่งมหาวิทยาลัยไม่มีการให้ทำกิจกรรม

ส่วนผลการพิจารณาของทางมหาวิทยาลัยทราบว่า ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 12 ราย มีมติไล่ออกนักศึกษา 1 ราย อีก 11 ราย มีคำสั่งให้พักการเรียน 2 ภาคการศึกษา

เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน สอบปากคำไปทั้งหมด 14 ราย มีทั้งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ รปภ. นักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรม เบื้องต้นมีการดำเนินคดีความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รุ่นพี่ปี 2 ขึ้นปี 3 ทั้งหมด 12 คน ที่เกี่ยวข้องกับการจัดกิจกรรมดังกล่าว

ส่วนกรณีของผู้เสียชีวิตอยู่ระหว่างการชันสูตรพลิกศพ พร้อมกับความเห็นของทางแพทย์ว่าสาเหตุจากการตายเกิดจากสาเหตุใด ถ้ามีพยานหลักฐานพบว่าบุคคลใดเป็นผู้ก่อเหตุก็จะดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหา

เป็นคดีความที่ต้องดำเนินให้ถึงที่สุด!??