“แม่บ้านคนใหม่” ผลัดใบ “4 ช.” ปะทะกับ “5 ว.”/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

“แม่บ้านคนใหม่” ผลัดใบ “4 ช.” ปะทะกับ “5 ว.”

 

วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน “พลังประชารัฐ” พรรคแกนนำรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” มีประเด็นใหญ่ต้องมาให้เคลียร์กันอีกระลอก ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ณ เวทีประลองกำลังที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น

ทั้งนี้ มีผลสืบเนื่องจาก “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร.มีหนังสือถึงมวลสมาชิกเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปีครั้งที่ 1/2564 ในวันที่ 18 มีนาคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ แต่ติดไฟแดงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบที่ 3 กทม.ถูกขึ้นกระดานเป็น “พื้นที่สีแดง” เลยปรับเปลี่ยนเวทีไปทำศึกกันที่ขอนแก่นสืบแทน

ตามโปรแกรมทั่วไป การประชุมใหญ่สามัญประจำปี นำร่องด้วยเรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ ตามด้วยการรับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว -กิจกรรมของพรรคในรอบปี -รายงานทางการเงิน และเรื่องอื่นๆ “ถ้ามี”

ปรากฏว่า มีปมติดติ่ง “พึงมี” ต่อยอดมาจาก “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” กับ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” 2 แกนนำ กปปส.เก่า และกรรมการบริหารพรรค พปชร.ถูกศาลจำคุกในคดีชุมนุม เลยหมดสภาพนักศึกษา หลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี และต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนราษฎร ล่าสุด “เสี่ยตั้น” ประกาศไขก๊อกจากพรรค

เลยเกิดฟาสต์แทร็ก ห้อยโหนการพิจารณาบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคแทน 2 อดีตแกนนำ กปปส. ด้วยการเสนอเปลี่ยนแปลงเลขาธิการพรรค ที่ “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นั่งกุมบังเหงียนอยู่ ควบไปในโอกาสเดียวกันด้วย

โดยคนที่จะมาดำรงตำแหน่ง “แม่บ้านคนใหม่” จะผลัดใบมาจาก “กลุ่ม 4 ช.” ที่ประกอบด้วย

1. “สันติ พร้อมพัฒน์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

2. “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

3. “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รัฐมนตรีช่วยกระทรวงแรงงาน

และ 4. “นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลูกเลิฟของ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิป

หัสเดิม “กลุ่ม 4 ช.” จะดันหลัง “เสี่ยสันติ” ขึ้นนั่งเก้าอี้เลขาฯ พรรค เพราะชั่วโมงบินสูง ประสบการณ์โชกโชนกว่าใครเพื่อน กอปรกับเป็นผู้อนุเคราะห์ที่ทำการพรรค พปชร.ถนนรัชดาฯ แบบให้ฟรี มีภาษีดีที่สุด

แต่โค้งหลังๆ “ผู้กองธรรมนัส” มาแรงแซงทางโค้ง พลันที่หลุดออกจากเขาวงกต ล่าสุดจึงมีข่าวว่า จะเป็นตัวแทนกลุ่ม 4 ช.เบียดแทรกขึ้นมานั่งแม่บ้านพรรค

อย่างไรก็ตาม “เสี่ยแฮงค์-อนุชา นาคาศัย” ที่กำลังถูกแซะเก้าอี้แบบรายวัน ก็มิใช่หมูสามชั้นมันอร่อย…แมลงหวี่ริต่อสู้ช้างสารแต่ประการใด มีของดีพอตัว อาวุธหลากหลาย เขี่ยไม่ง่าย

แค่ซุ้มสังกัด “กลุ่มสามมิตร” ใน พปชร.ก็ไม่เป็นสองรองใคร เครือข่ายดูดีมีภาษีกว่า “4 ช.” ที่มาท้าตีท้าต่อยเสียด้วยซ้ำ ก๊วนในมุ้งเดียวกัน ประกอบด้วย “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แล้วยังมี “สุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เทียบน้ำหนักกันปอนด์ต่อปอนด์ ตำแหน่งต่อตำแหน่ง “5 ว่าการ” สรรพคุณทางการเมืองย่อมเหนือกว่า” 4 รมช.”

ดังนั้น ต้องแยกกันให้ออก มองกันให้ชัดระหว่างสิ่งที่เห็น กับสิ่งที่เป็น

 

มีการสำรวจตรวจแถว “แนวร่วม-กำลังไพร่พล” ใน พปชร.กันดูแล้ว หลังศึกเลือกตั้งซ่อม ชัยชนะตกเป็นของ พปชร.ทั้งจากขอนแก่น กำแพงเพชร สมุทรปราการ และล่าสุดนครศรีธรรมราช

“ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ซึ่งขันอาสาเป็นหัวหมูทะลวงฟัน ผู้รับผิดชอบเครดิตจาก “พล.อ.ประวิตร” หัวหน้าพรรคพุ่งกระฉูด ยิ่งได้ “กลุ่ม 4 ช.” เป็นกองหนุนด้วย ยิ่งขึ้นหม้อ กลายเป็นก๊วนที่ “บิ๊กป้อม” ไว้เนื้อเชื้อใจ ให้ความใกล้ชิดเป็นกันเองมากที่สุดใน พปชร.ในชั่วโมงนี้

ขณะที่ “กลุ่มสามมิตร” หรือ “5 ว.” ผ่านสนามรบมาโชกโชน ประสบการณ์สูง เขี้ยวเล็บแหลมคม รู้ทิศทางลม เหล็กยิ่งทุบยิ่งคม และไม่ค่อยยอมศิโรราบทุกเรื่องไป “ลุง” เลยไม่ค่อยโปรด ดังที่ทราบ

นำฐานกำลังระหว่างกลุ่ม 4 ช. กับ 5 ว.มาจาระไน ฝ่ายแรก มีสัดส่วนมากกว่าระหว่าง 50-60 บวกลบ ขณะที่ฝ่ายหลัง 30-40 บวกลบ แต่ “คุณภาพ” กลุ่ม 5 ว.จะมีความเป็นเอกภาพมากกว่า

เมื่อมีของ-กุมความได้เปรียบคนละด้าน ศึกชิงเก้าอี้เลขาธิการพรรค พปชร. หากวันที่ 18 มิถุนายน มีแตกหักกันจริง รับประกันซ่อมฟรีว่า ศึกใน พปชร.จะมีภาค 2 ภาค 3 ตามมาอีกหลายตอน โอกาสที่จะเกี้ยเซียะ พักรบเอาไว้ก่อนมีความเป็นไปได้สูงเช่นเดียวกัน

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า พรรค พปชร.มีภาพลักษณ์ไม่สู้ดี ชอบแทงข้างหลัง เทเพื่อนมาตลอด ล็อตแรก “กลุ่มสี่กุมาร” ของ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ถือว่าเป็นชุดแรกในการริเริ่มก่อตั้งพรรค “อุตตม สาวนายน-สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์-สุวิทย์ เมษินทรีย์-กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ทั้งร่างนโยบายพรรค -เดินสายหาบุคลากร มาร่วมก่อตั้งพรรค จนประสบผลสำเร็จ

แต่อ่อนประสบการณ์…เล่นการเมือง ตั้งพรรค แต่ตัวเองขาลอย ไม่มีตำแหน่งแห่งหน ทั้งบัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.เขต คิดว่าจะอยู่สายบริหารตลอดกาล และตลอดไป ไม่ทันไร สามเพลงตกม้าตาย ถูก “ฆ่ายกครัว” ตายเรียบ ทุกวัน “สี่กุมาร” หายออกจากสารบบ ทั้งๆ ที่พรรคที่ตัวเองตั้งมากับมือยังอยู่

“กลุ่ม กปปส.เก่า” ก็อีหรอบเดียวกัน เมื่อไม่มีแกนนำ ทั้ง “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ-พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” หวานคอแร้งไปอีกคณะ

พรรคพลังประชารัฐที่มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นหัวหน้าในเวลานี้ จึงต้องมากด้วยความระมัดระวัง

ปล่อยให้ “4 ช.” ปะทะกับ “5 ว.” วันไหน รับรองลุกเป็นไฟเมื่อนั้น

ต้นไม้หนึ่งต้นนำมาทำไม้ขีดไฟได้เป็นล้านๆ ก้าน…แต่ไม้ขีดหนึ่งก้านก็สามารถเผาต้นไม้เป็นล้านๆ ต้นได้เช่นเดียวกัน

“ลุงป้อม” พึงระวัง หายใจลึกๆ เข้าไว้