ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
บทความต่างประเทศ
สหรัฐอเมริกา กับปัญหาวัคซีน
จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังมองหา “วัคซีนต้านโควิด-19” เพื่อคุมสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 เอาไว้ให้ได้ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก ก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงในประเทศไทย
แต่ที่สหรัฐอเมริกา กลับมีข่าวเรื่องวัคซีนที่กำลังจะหมดอายุ โดยไม่ได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์
โดยเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซต์วอลล์สตรีตเจอร์นัล รายงานว่า วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ซึ่งเป็นวัคซีนแบบฉีดโดสเดียว จำนวนนับล้านโดสในสหรัฐอเมริกา “กำลังจะหมดอายุภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้”
ทำให้บรรดาโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาลกลางของสหรัฐ พยายามหาทางที่จะนำวัคซีนเหล่านี้มาใช้ก่อนที่มันจะหมดอายุลง
รายงานระบุว่า การเหลือของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มีขึ้นหลังจากเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางการสหรัฐได้สั่งระงับการใช้วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เนื่องจากมีผลข้างเคียงเสี่ยงที่จะเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ก่อนที่จะยกเลิกคำสั่งห้ามใช้ในเวลาต่อมา และกลับมาใช้วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันกันอีกครั้ง
โดยข่าวระบุว่า บางโรงพยาบาลและบางรัฐแจ้งว่า วัคซีนจากไฟเซอร์ รวมทั้งโมเดอร์นา ที่มีสต๊อกอยู่นั่น ส่วนใหญ่จะหมดอายุในฤดูร้อนนี้ แต่วัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่มีเหลืออยู่จำนวนมาก กำลังจะหมดอายุในเดือนมิถุนายนนี้
ทั้งนี้ วัคซีนของไฟเซอร์จะมีอายุอยู่ได้ 6 เดือนหลังการผลิต ส่วนของโมเดอร์นาอยู่ได้นาน 6 เดือนแต่ต้องแช่แข็งเอาไว้ แต่ถ้าเป็นตู้แช่ธรรมดา จะอยู่ได้เพียง 1 เดือน
โดยที่เมืองฟิลาเดลเฟียมีรายงานเหลือวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 42,000 โดส ที่กำลังจะหมดอายุในเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเมืองที่เหลือวัคซีนของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันอีกหลายพันโดส ที่กำลังจะหมดอายุในสิ้นเดือนนี้ แต่ยังไม่สามารถหาทางระบายออกไปได้
ซึ่งข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐระบุว่า จนถึงวันที่ 9 มิถุนายน วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันได้ถูกแจกจ่ายไปทั่วสหรัฐจำนวน 21.4 ล้านโดส แต่ถูกนำไปฉีดให้ประชาชนเพียง 11.2 ล้านโดส เท่ากับว่า ยังมีวัคซีนอีกครึ่งหนึ่งที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ทำเนียบขาวได้พยายามหาทางให้แต่ละรัฐทำงานร่วมกับสำนักงานอาหารและยา (เอฟดีเอ) ของสหรัฐ ในการหาทางเก็บวัคซีนอย่างไรให้สามารถยืดอายุการใช้งานของวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่ยังไม่ได้ใช้และกำลังจะหมดอายุลงนับล้านโดส
รอยเตอร์สรายงานด้วยว่า มีวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันในสหรัฐอย่างน้อย 13 ล็อตที่กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ หรือเร็วกกว่านั้น แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีจำนวนทั้งหมดกี่โดส
อย่างไรก็ตาม บริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ได้ออกมาเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า เอฟดีเอได้ขยายอายุการเก็บรักษาวัคซีนโควิด-19 จาก 3 เดือน เป็น 4 เดือนครึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งการตัดสินใจขยายเวลาในการเก็บ อ้างอิงมาจากข้อมูลที่ได้จากการศึกษาประเมินความคงสภาพของวัคซีน ที่ชี้ให้เห็นว่า วัคซีนมีความคงตัวที่ 4 เดือนครึ่ง เมื่อนำไปแช่เย็นที่อุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส
แต่หลังจากการแก้ปัญหา เพื่อให้วัคซีนที่เหลือไม่ถูกทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ ก็มีรายงานข่าวออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ว่า เอฟดีเอได้แจ้งกับทางบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ว่าวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวนหลายล้านโดสที่ผลิตจากโรงงานอีเมอร์เจนต์ ไบโอโซลูชัน ในเมืองบัลติมอร์ ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ เพราะอาจมีการ “ปนเปื้อน”
แต่ไม่มีการเปิดเผยจำนวนวัคซีนที่ชัดเจน แต่หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สระบุตัวเลขอยู่ที่ 60 ล้านโดส อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวที่คุ้นเคยในเรื่องนี้
นายปีเตอร์ มาร์กส์ นักวิทยาศาสตร์ของเอฟดีเอ เปิดเผยว่า การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียด ซึ่งรวมถึงประวัติการผลิตของโรงงานและการทดสอบที่ทำเพื่อพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์
ข่าวระบุว่า โรงงานอีเมอร์เจนต์ถูกสั่งให้หยุดการผลิตในเดือนเมษายน หลายสัปดาห์หลังจากที่พบว่า ส่วนประกอบที่ใช้ผลิตวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันปนเปื้อนกับส่วนประกอบที่ใช้ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้สูญเสียวัคซีนจอห์นสันแอน์จอห์นสันไป 15 ล้านโดส
โดยเอฟดีเอกำลังตัดสินใจว่าจะอนุญาตให้เปิดโรงงานดังกล่าวอีกครั้งหรือไม่ โดยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 60 ล้านโดสผลิตที่โรงงานแห่งนี้ และถูกจัดสรรไว้สำหรับบริจาคให้ต่างประเทศซึ่งขณะนี้กำลังตรวจสอบคุณภาพก่อนที่จะทำการส่งออก
ทั้งนี้ วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่ฉีดในสหรัฐทั้งหมดผลิตจากประเทศเนเธอร์แลนด์
หลังมีข่าวออกไป ทางการแคนาดาก็ประกาศไม่กระจายวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันที่ผลิตจากโรงงานในบัลติมอร์ เนื่องจากมีความกังวลเรื่องคุณภาพของวัคซีน และจนกว่าการตรวจสอบวัคซีนจะเสร็จสิ้น
โดยทางการแคนาดาประกาศว่า จะไม่รับวัคซีนหรือผลิตภัณฑ์อื่นใดที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้เลย
หลังจากหาทางไม่ต้องทิ้งวัคซีนเพราะขยายเวลาเก็บได้ ก็ต้องมาเจอกับเรื่องปนเปื้อนอีก
แต่กระนั้น ก็ยังโชคดีที่มีวัคซีนให้ฉีดกัน!!
เครดิตภาพ–รอยเตอร์ส