กองปราบฯ ทลาย ‘ชุมชนตลาดดำ’ อึ้ง! เจอปืนหลวงจำนำ 18 กระบอก ผงะ! ขยะใต้พรมคลุ้งกรมปทุมวัน/โล่เงิน

โล่เงิน

 

กองปราบฯ ทลาย ‘ชุมชนตลาดดำ’

อึ้ง! เจอปืนหลวงจำนำ 18 กระบอก

ผงะ! ขยะใต้พรมคลุ้งกรมปทุมวัน

 

“ชุมชนตลาดดำ” เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักซื้อ-ขายอาวุธปืนแบบผิดกฎหมาย

ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่บนโลกออนไลน์ บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กและไลน์ เป็นลักษณะการเข้าถึงกลุ่มแบบไพรเวต มีสมาชิกเข้าร่วมกลุ่มนับพันราย แต่ไม่อาจรอดพ้นสายตาของผู้รักษากฎหมายไปได้

ตำรวจกองปราบปรามเริ่มแกะรอยจากการจับกุมแอดมินดูแลกลุ่ม “ชุมชนตลาดดำ” ได้จำนวน 3 คน ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา พร้อมกับตรวจยึดอาวุธปืนทั้งสั้นและยาวได้รวมกว่า 40 กระบอก

ผู้ต้องหาให้การซัดทอดสั่งซื้อปืนเถื่อนจากพ่อค้ารายใหญ่ ซึ่งเปิดกิจการบังหน้าอยู่ที่กรุงเทพฯ

 

เช้ามืดวันที่ 2 มิถุนายน ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นำโดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.พงศ์ปณต ชูแก้ว ผกก.6 บก.ป. และ พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมาน กก.สสน.บก.ป. เปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 8 จุด ในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด

จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย คือ นายนฤพล จันทร์นวลอายุ 39 ปี ผู้ดูแลกลุ่มและนายหน้าการซื้อ-ขายและจัดหาอาวุธปืน นายอนพัช รุจิระพัฒน์ อายุ 43 ปี เสี่ยเจ้าของร้านทองย่านฝั่งธนบุรี พ่อค้าอาวุธปืนรายใหญ่ และนายสหรัฐ ลพทองคำ อายุ 27 ปี ลูกน้องของนายอนพัช พร้อมของกลางอาวุธปืนสั้น 41 กระบอก อาวุธปืนยาว 15 กระบอก

ในจำนวนนี้มีอาวุธปืนสงคราม 4 กระบอก ระเบิดสังหารชนิดวี 40 จำนวน 14 ลูก และเครื่องกระสุนปืนกว่า 1,000 นัด

ตรวจค้นห้องพักนายอนพัชที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่าน ถ.พุทธมณฑล สาย 2 ยึดอาวุธปืนได้เพิ่ม 78 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง

ต่อมา 10 มิถุนายน ชุดหนุมานกองปราบฯ เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และราชบุรี จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางอาวุธปืนสั้นและยาว รวม 23 กระบอก เครื่องกระสุนกว่า 1,000 นัด

หนึ่งในนั้นคือ นายสิปปวุฒิ พรหมประสิทธิ์ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหารายสำคัญ ทำหน้าที่คอยจัดหาอาวุธปืนสงครามส่งให้กับแอดมินกลุ่ม “ชุมชนตลาดดำ” ในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้

 

พ.ต.อ.พงศ์ปณตกล่าวว่า สำหรับผลการปฏิบัติการทลายเครือข่ายค้าอาวุธปืนออนไลน์ของกองปราบปราบที่ผ่านมา เริ่มจากการขยายผลการซื้อ-ขายอาวุธผ่านเพจชุมชนตลาดดำ โดยเริ่มปราบปราบตั้งแต่ช่วงพฤษภาคมที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 9 ราย ยึดของกลางปืนสั้นและปืนยาว 154 กระบอก วัตถุระเบิดจำนวน 14 ลูก และเครื่องกระสุนอีกจำนวนมาก ซึ่งคาดว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบ 100 ล้านบาท

แนวทางสืบสวนยังทราบว่า นายอนพัชและนายนฤพลถือเป็นตัวการสำคัญของขบวนการดังกล่าว ทำหน้าที่เป็นเหมือนศูนย์กลาง บริหารควบคุมการซื้อ-ขายปืนของบรรดาสมาชิกภายในกลุ่ม ซึ่งการซื้อ-ขายอาวุธปืนระหว่างลูกค้ากับพ่อค้าที่เป็นสมาชิกภายในกลุ่มจะต้องถูกโอนผ่านเข้าบัญชีส่วนกลางที่มีนายอนพัชและนายนฤพลช่วยกันดูแลก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้มีการโกงเกิดขึ้น จนทำให้กลุ่มซื้อ-ขายดังกล่าวเป็นที่ยอมรับในวงการรับซื้อ-ขายฝากปืนเถื่อน

เรื่องราวการสืบสวนสอบสวนไม่หยุดนิ่งเพียงการจับกุมผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ต่อมาตำรวจได้นำอาวุธปืนของกลางทั้งหมดส่งให้กับกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เพื่อทำการตรวจสอบว่าปืนทั้งหมดเคยนำไปใช้ก่อคดีใดมาบ้าง และมีที่มาที่ไปอย่างไร

และถึงกับต้องผงะ เมื่อพบปืนสั้นยี่ห้อสมิธแอนด์เวสสัน ซิกซาวเออร์ และกล็อก มีสัญลักษณ์ตราโล่ติดอยู่ จำนวนรวม 18 กระบอก จากของกลางกว่าร้อยกระบอกที่ตรวจยึดได้จากนายอนพัช เสี่ยเจ้าของร้านทองย่านฝั่งธนฯ

จึงตรวจสอบที่ไปที่มาอย่างละเอียดกระทั่งทราบว่าเป็นปืนหลวงที่เจ้าหน้าที่เบิกออกมาใช้งานราชการ

จำแนกเป็นปืนที่เบิกมาจากคลัง สน.บางเสาธง 1 กระบอก สน.ธรรมศาสา 5 กระบอก สน.หลักสอง 5 กระบอก กก.สส.ภ.จว.นครปฐม 2 กระบอก สภ.พุทธมณฑล 2 กระบอก สภ.กระทุ่มแบน 1 กระบอก สภ.โคกขาม 1 กระบอก และอยู่ระหว่างตรวจสอบอีก 1 กระบอก

 

ชุดสืบสวนเชื่อว่าปืนหลวงทั้งหมดมาอยู่ในความครอบครองของเครือข่ายค้าอาวุธปืนเถื่อนออนไลน์ น่าจะเกิดจากมีตำรวจบางนายแอบนำปืนหลวงที่เบิกออกมาเพื่อใช้สำหรับปฏิบัติราชการไปจำนำกับนายทุนที่อยู่ในเครือข่ายปืนเถื่อนเป็นการชั่วคราว แต่เครือข่ายดังกล่าวถูกตำรวจกองปราบฯ บุกทลายจับกุมตรวจยึดได้เสียก่อนที่จะไปไถ่กลับคืนมา

สอดคล้องกับคำให้การของนายอนพัช ระบุว่า ปืนที่ครอบครองบางส่วนรับจำนำไว้เพื่อกินดอกเบี้ย

หลังข่าวแพร่สะพัดฉาวโฉ่ไปทั้งกรมปทุมวัน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. ลงไปกำกับดูแลสำนักงานส่งกำลังบำรุง ว่า กำหนดมาตรการควบคุมและการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนและวัตถุระเบิด เป็นไปตามระเบียบของ ตร. หรือไม่

พร้อมกำชับสั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทุกหน่วย ทุกพื้นที่ ลงไปตรวจสอบ กำกับดูแลตรวจสอบคลังอาวุธและยุทธภัณฑ์ของหน่วย พร้อมมีมาตรการป้องกัน ดูแลเก็บรักษาอาวุธปืน เครื่องกระสุนและวัตถุระเบิดของทางราชการให้เป็นไปตามคำสั่งและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ห้ามนำอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนของทางราชการไปก่อให้เกิดความเสียหายชำรุดหรือสูญหาย

หากผู้บังคับบัญชาในต้นสังกัดปล่อยปละละเลยไม่ใส่ใจลงไปกำกับดูแล จนเกิดข้อบกพร่อง จะพิจารณาโทษด้วยเช่นกัน

 

ด้านต้นสังกัด กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) และกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมเพื่อทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า อาวุธปืนดังกล่าวอยู่ในคลังของสถานีตำรวจ หรือได้มีการแจกจ่ายให้ตำรวจรายใดเป็นอาวุธประจำกายหรือไม่ เมื่อได้ข้อเท็จจริงเรื่องตัวผู้รับผิดชอบแล้ว จะได้ดำเนินการทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยหากพบว่าตำรวจรายใดนำอาวุธปืนไปจำหน่ายหรือจำนำโดยเจตนา ก็จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาด้วย

เรื่องนี้ไม่เพียงพิสูจน์ว่าปืนหลวง 18 กระบอก มาอยู่ในครอบครองกลุ่มผู้ต้องหาได้อย่างไร แต่ผู้นำหน่วยอย่าปล่อยปละละเลย

เพราะปืนเป็นอาวุธประจำกาย ที่สำคัญซื้อด้วยภาษีประชาชน และผู้นำหน่วยต้องดูแลปากท้องผู้ใต้บังคับบัญชา สอดส่องพฤติกรรมลูกน้อง มีสาเหตุอะไรถึงต้องเอาปืนหลวงไปจำนำ ถ้าตรวจสอบข้อเท็จจริง พบใครผิดต้องลงโทษวินัยและอาญา

ไม่ซุกปัญหาไว้ใต้พรม จนเรื่องเกิดแดงขึ้นส่งกลิ่นเหม็นไปทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ