ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 18 - 24 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
ผู้เขียน | พิชญ์เดช แสงแก่นเพ็ชร์ |
เผยแพร่ |
“วันนี้ขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้เต็มที่ ชดเชยความผิดที่เคยทำ ในช่วงปีครึ่งที่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างน้อยผมก็มีส่วนที่ทำให้เขามีใช้อำนาจอยู่ปัจจุบัน ตอนนี้ก็ถอนตัวออกมาแล้ว มาอยู่กับประชาชน ทำหน้าที่ตรงนี้ ก็ด่าได้เต็มที่และรอการเลือกตั้งครั้งต่อไป”
มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ/หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เปิดใจถึงการทำหน้าที่จากนี้ หลังเป็น ส.ส.เพียงคนเดียวที่ถอนตัวจากรัฐบาล เมื่อปลายปีที่แล้ว พร้อมตั้งเป้าว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า จะทำอย่างไรให้พรรคมีคนเลือกมากกว่านี้ เพื่อพูด-ทำเพื่อประชาชน
โดยที่ไม่ต้องไปจ้างใครเขามาให้เลือก
การเลือกประยุทธ์ คือตราบาปในชีวิต
หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ย้อนเล่าว่าตัดสินใจเลือก พล.อ.ประยุทธ์ตอนนั้นเพราะว่าถ้าไม่เลือกเขา เขาอาจจะยกเลิกการเลือกตั้ง ในเมื่อเขามี ม.44 อยู่ มันเหมือนมีสภาพบังคับทางการเมืองหลายอย่าง เพราะเขาถือทั้งอำนาจบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ เขาบีบช่องทางให้เหลืออยู่ทางเดียว
วันนี้ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ไม่อยากเลือกอยู่แล้ว
นี่ถือว่าเป็นสิ่งที่เสียใจที่สุดในการเป็นผู้แทนราษฎรเลยก็ว่าได้ ที่ต้องมาเลือกคนแบบนี้เป็นนายกฯ
ถือเป็นตราบาปในชีวิต
แล้วผมคิดแบบนี้จริงๆ หากเราเลือกคนที่ดีแก่ประเทศ เราก็เหมือนได้บุญไปด้วย แต่ถ้าเขามาทำความเสียหายให้กับบ้านเมือง เราก็มีส่วนในความผิดนี้ไปด้วย
ผมจึงถอนตัวจากพรรคร่วมเพียงพรรคเดียว
ต่อคำว่า “แจกกล้วย”
ความจริงแล้วมันมีการแจกกล้วยทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลในการดูแลกัน จะเป็นเงินยืมหรือเป็นเงินนอกกรอบกฎหมาย คนที่อยู่ในรัฐบาลก็ต้องควบคุมงบประมาณ จะเป็นผลประโยชน์ตำแหน่งหรืออำนาจหน้าที่การงานก็แล้วแต่ เขาเหล่านี้มีหน้าที่ให้คุณให้โทษทุกอย่าง มีการใช้คดีความข่มขู่
แล้วคนเหล่านี้เขากลัวถูกเช็กบิลอย่างมาก ต้องอย่าลืมว่าทหารเขาไม่เคยทำธุรกิจนะ พอเข้ามาบริหารเห็นเงินมากๆ ก็อาจจะตกใจกันไปหมด
ทำให้เขาไม่กล้าลงจากหลังเสือ
ประสบการณ์ 2 ปีในสภา
2 ปีที่ผ่านมาผมได้เจอทุกรูปแบบ สนามนี้มันไม่ได้ใสสะอาดอย่างที่เราคิด เมื่อก่อนเราคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนดีเท่าไหร่ ถ้าเปรียบเทียบกับคนทั่วๆ ไป เราก็อาจจะดูตัวเทาๆ
แต่พอเราเดินเข้าไปในสภาผู้แทนราษฎร เรากลายเป็นตัวขาวขึ้นมาทันที เมื่อเปรียบเทียบกับคนเก่าคนแก่ที่ดำเมี่ยม
ตอนแรกเราคิดว่าเราเป็นกาอยู่ในฝูงหงส์ ที่ไหนได้ เรากลายเป็นกาขาวอยู่ในฝูงกาดำกว่า (หัวเราะ)
นิยามตัวเองตอนนี้ เราก็เป็นผู้แทนราษฎร จริงๆ ที่ประชาชนเลือกมาไม่ได้จ้างประชาชนมาเลือก ตอนนี้อยู่ฝ่ายค้านทัดทานเต็มที่ ด่าได้เต็มที่ ทำหน้าที่แทนประชาชน อย่างน้อยประชาชนด่าไม่ได้ เราก็ด่าให้แทน
จากการทำหน้าที่ฝ่ายค้านเราเองก็เจอเรื่องที่กดดันเรื่องคดีต่างๆ เป็นปกติ แต่ก็ไม่สนใจ เพราะในเมื่อถ้าเป็นผู้แทนราษฎรแล้วมากลัวคดี กลัวติดคุก ก็ไปอยู่บ้านดีกว่า ถ้าเราคิดว่าจะพอทำประโยชน์ได้ แต่กลัวว่าจะโดนคดี ผมคิดว่าคนเราถ้ามันจะติดคุกยังไงมันก็ติด แต่อุดมการณ์ของเรา อุดมการณ์ของพรรคยังต้องเหมือนเดิม
ถ้าติดคุกก็ต้องมีคนอื่นมารับไม้ต่อไม่มีปัญหา
สังเวียนนี้ต้องสู้เท่านั้น ใครแพ้ก็คัดออกไปพักแล้วค่อยกลับเข้ามาใหม่
“สัญญาณยุบสภา”
มงคลกิตติ์มองว่า “สัญญาณการยุบสภา” ไม่ต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ส่งซิกอะไรทั้งนั้น แค่ดูจากงบประมาณกู้เงิน 5 แสนล้าน เสมือนการปูพรมจ่ายเงินประชาชน ช่วงก่อนเลือกตั้งก่อน เป็นการสร้างบุญคุณกับคนเฒ่าคนแก่ที่ชอบนายกฯ เรียกว่า “กดให้จนตรอก” แล้วก็ไปกู้เงินของประชาชนมาแล้วก็มาสร้างหนี้สร้างบุญให้กับประชาชนอีกรอบ เป็นยุทธวิธีที่โหดร้ายที่สุด
เต้ 007 อ่านเกมหลังจากนี้ว่า ไม่แน่เสมอไปที่ พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาอีกหน เพราะเชื่อว่าสถานการณ์มันจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้ว คนเราหากทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ ประชาชนอยู่ดีกินดี แบบที่โพลอะไรไม่รู้ออกมาอ้างว่ามีคนชื่นชอบ หรือแบบที่แรมโบ้อีสาน/ปารีณาพยายามบอก ว่าเป็นนายกฯ ที่ดีที่สุดในประเทศไทย
ผมก็อยากจะท้าทายลองไปเปิด comment facebook แล้วจะเห็นเอง แต่คิดว่านายกฯ ไม่กล้าหรอก ในมุมของตัวเองคิดว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่เฮงซวยที่สุดตั้งแต่เคยมีมา สร้างความเสียหายให้กับประเทศแบบสุดๆ สร้างหนี้แบบชั่วลูกสืบหลาน จนลูกของลูกของหลาน โตขึ้นมาก็ยังใช้หนี้ไม่หมด
หากประเมินกรอบเวลาใน “การยุบสภา” ส.ส.เต้คิดว่า หลัง พ.ร.บ.งบประมาณเริ่มประกาศคงจะมีการรอจัดซื้อจัดจ้างกันเล็กน้อย แล้วยุบสภาในช่วงเดือนธันวาคม โดยที่อาจจะมีการลงคะแนนกันช่วงเดือนกุมภาพันธ์-ต้นมีนาคม
ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลากไปจนครบเทอมได้หรือไม่ ในเมื่อเงินมันหมดแล้ว ประเทศไปต่อไม่ได้
ตอนนี้สถานการณ์ประเทศน่าห่วง ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำความดีอะไรให้กับประเทศ ถึงควรต้องเลือกกลับมา ส่วนตัวไม่เชื่อหรอกว่าประชาชนจะเลือกด้วยความสุจริตใจ
ส่วน 250 ส.ว.ก็เปรียบเสมือนพนักงานบริษัท ที่มาจากหัวหน้า คสช. ตอนนี้อยากถามว่าจะแก้ปัญหาประเทศยังไง เพราะตอนนี้ปัญหามันเยอะมาก จะให้เขากลับมาเพื่อกู้เงินอีกหรอ? ประชาชนคงไม่พลาดซ้ำสอง
พร้อมมองว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีการใช้เงินให้มากที่สุด ประชาชนอาจถูกบีบบังคับให้เลือกผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และบัตรสวัสดิการของรัฐ
สเป๊กผู้นำหลังจากนี้ควรเป็นอย่างไร?
ควรเป็นผู้นำที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์ประเทศที่เรามีทรัพยากรอย่างจำกัด ควรเป็นนายกฯ ที่ผ่าทางตัน ทำทุกอย่างทุกรูปแบบที่จะหาเงินเข้าประเทศให้ได้ เราขาดนักการเมืองที่ดี ส่วนใหญ่ก็เข้ามาหาผลประโยชน์
คนที่มีความคิดดีๆ คนมีความรู้ความสามารถและควรจะต้องกระโดดเข้ามาการเมืองมากขึ้น อย่าปล่อยให้ลูกหลานนักการเมืองถ่ายทอดทายาทกันเข้ามามาก คนมีอำนาจหลายคนต้องมีความละอายเกรงกลัวต่อบาป
ต้องดูว่าสิ่งที่เราทำลงไปแล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้น จะมีผลกระทบในอนาคตต่อไปอย่างไร ไม่ใช่คิดว่าจะกู้อย่างเดียว จะรอเอาตังค์ทอนไม่ได้ เป็นรัฐที่ล้มเหลว ความเสียหายมันเกิดกับส่วนรวมทั้งประเทศ เกิดผลกระทบต่อประชาชนอย่างรุนแรง ถึงตอนนั้นคงจะมีม็อบเกิดขึ้นทั่วประเทศ
อย่างรัฐบาลปัจจุบันใช้จ่ายแบบมีปัญหาอะไรก็กู้เงิน คือรัฐบาลหาเงินไม่เป็น และดูแล้วไม่มีปัญญาหาเงินเข้าประเทศด้วยวิธีอื่น คือพูดง่ายๆ ใช้เงินเป็นอย่างเดียว ความจริงไม่จำเป็นต้องมีนายกฯ ที่จบถึงโรงเรียนนายร้อยก็ได้ จบ ป.6 ก็ได้ถ้าคิดเป็นแค่นี้
คือนักเรียนนายร้อยจบมาเขาเก่งกันทุกคน แต่มีปัญหาอยู่แค่คนเดียวนี่แหละคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีปัญหา แล้วพวกเราจะต้องใช้หนี้กันสืบชั่วลูกหลานเหลนโหลน ก็ยังไม่หมด เยาวชนที่เกิดขึ้นมา ลืมตาขึ้นมาบนโลก เป็นหนี้เฉพาะบุคคล ประมาณ 211,000 บาทต่อคน ไม่รวมหนี้ภาครัฐ อื่นๆ อีกต่างหาก
ความจริง ถ้าเปรียบ พล.อ.ประยุทธ์กับบุเรงนองซึ่งเป็นผู้ชนะ 10 ทิศ อันนี้น่าจะเป็นนักกู้สิบทิศ แล้วสถานการณ์มันไม่ใช่แค่น่าห่วง แต่ประเทศXXXหาย ถ้ายังมีนายกฯ ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์อยู่
กูรู-ที่ปรึกษา-คนใน ครม.
มองไม่เห็นสัญญาณนี้หรือ
คือที่ปรึกษาของนายกฯ ส่วนใหญ่มาจากภาคราชการ หรือมีเอกชนอยู่นิดหน่อย แล้วส่วนใหญ่ในคณะรัฐมนตรีก็เป็นนักเลือกตั้ง
คำถามคือนักเลือกตั้งส่วนใหญ่มาจากการซื้อเสียงหรือไม่?
เขาก็คิดถึงเลือกตั้ง การกลับมาสู่อำนาจล่วงหน้า แบบนี้ไม่มีปัญญาหาเงินหรอก
ส่วนที่ปรึกษาของนายกฯ ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่นักธุรกิจ ไม่เคยหาเงินมาก่อน ไม่เข้าใจคำว่ากำไรขาดทุน
มีไอดอลไหม?
I dol ด้านความสามารถในการแก้ไขปัญหาประเทศจริงๆ แล้ว “คุณทักษิณ ชินวัตร” ก็ใช้ได้
แต่เขาเสียอยู่อย่างเดียว คือสมัยเป็นนายกฯ เขาออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ให้กับตัวเองและเครือข่าย
พูดถึงพี่โทนี่ ก็เหมาะกับการแก้ไขปัญหา เขามีความสามารถ มีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ดีในการดึงนักลงทุน นักท่องเที่ยวให้มีความเชื่อมั่นกลับมา ถ้าเราตัดเรื่องข้อกฎหมายที่เขาถูกตัดสิทธิ์อะไรต่างๆ ไปก่อน ก็คิดว่าเหมาะ
แต่ตัวเขาเองจะต้องคิดถึงพรรคพวกให้น้อยลง หากยังทำเหมือนตอนเป็นนายกฯ สมัยที่ 2 ก็คงไม่เหมาะ
ชมคลิป