ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 มิถุนายน - 6 กรกฎาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | วิถีแห่งอำนาจ |
ผู้เขียน | เสถียร จันทิมาธร |
เผยแพร่ |
วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย/เสถียร จันทิมาธร
แรกประสบ อึ้งเอี๊ยะซือ (93)
เที้ยเอ็งตีหินเหล็กไฟจุดเทียนไขหมอบกราบกับพื้นคำนับต่ออึ้งเอี๊ยะซือ ซือแป๋ เรียนบอกความเป็นมาของเอี้ยก่วย เล็กบ้อซัง โดยสังเขป
อึ้งเอี๊ยะซือยิ้มพลางกล่าว
“เจ้าช่วยชีวิตธิดากับหลานสาวเราโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยส่วนตัว นับเป็นเด็กอันประเสริฐจริงๆ”
ที่แท้อึ้งเอี๊ยะซือได้พบอึ้งย้ง ล่วงรู้รายละเอียดของเรื่องราว
อึ้งเอี๊ยะซือล้วงยารักษาบาดเจ็บบอบช้ำให้เอี้ยก่วยรับประทาน ทั้งยังโคจรพลังนวดเฟ้นกรุยเลือดลมให้
เอี้ยก่วยรู้สึกว่า มือของอึ้งเอี๊ยะซือพอเลื่อนผ่านคล้ายถูกไฟจี้ใส่ ในร่างกายบังเกิดปฏิกิริยาต่อต้านตามสัญชาตญาณ อึ้งเอี๊ยะซือพบว่าผิวหนังของเอี้ยก่วยสั่นสะเทือนคราวหนึ่ง จากนั้นรับรู้ถึงการเต้นของชีพจรแสดงว่ามีพลังการฝึกปรือเหนือธรรมดา
จึงเพิ่มพลังที่มือ
โคจรพลังอยู่ชั่วหม้อข้าวเดือด เอี้ยก่วยรู้สึกแขนขาปลอดโปร่ง สบายสุดเปรียบปานกลับเคลิ้มหลับไปโดยไม่รู้ตัว
วันรุ่งขึ้นตื่นขึ้นมา เอี้ยก่วยพอลืมตาก็เห็นอึ้งเอี๊ยะซือนั่งอยู่หัวเตียง จึงรีบลุกขึ้นคารวะ คำแรกที่อึ้งเอี๊ยะซือเอ่ยขึ้นคือ
“เจ้าทราบหรือไม่ว่ายุทธจักรขนานฉายาเราว่าอะไร”
“ผู้อาวุโสเป็นประมุขเกาะดอกท้อ”
“ยังมีอีก”
ในความรู้สึกของผู้เยาว์อย่างเอี้ยก่วย คำว่า “ภูตบูรพา” ไม่สะดวกกับการกล่าวจากปาก แต่แล้วครุ่นคิด ในฉายาของอึ้งเอี๊ยะซือเมื่อมีคำว่า “ภูต” ย่อมมีนิสัยใจคอแตกต่างจากคนทั่วไป ดังนั้น จึงปลุกปลอบกำลังขวัญกล่าวขึ้น
“ท่านคือภูตบูรพา”
อึ้งเอี๊ยะซือหัวเราะฮาฮา “มิผิด เราฟังว่าเจ้ามีพลังฝีมือใช่ชั่ว จิตใจก็ระอุคุกรุ่น พฤติการณ์กลับประหลาดพิกลเหลือร้าย ทั้งยังฟังว่าเจ้าคิดตบแต่งซือแป๋เจ้าเป็นภรรยา ใช่หรือไม่”
“ถูกแล้ว ทุกผู้คนล้วนห้ามข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าแม้ตายก็ขอตบแต่งนาง”
อึ้งเอี๊ยะซือได้ยินเอี้ยก่วยกล่าววาจาออกมาอย่างเด็ดเดี่ยว ห้าวหาญ ต้องเหม่อมองอย่างตะลึงลาน พลันแหงนหน้าหัวร่อดังๆ สั่นสะเทือนจนหญ้าคาบนกระท่อมไหวสั่นเกรียวกราว
เป็นการพบที่ท้าทาย เป็นการพบที่ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ
เห็นอาการหัวร่ออย่างสะสาแก่ใจของอึ้งเอี๊ยะซือเช่นนั้น เอี้ยก่วยแม้ประหลาดใจแต่ก็ไม่พอใจและมีความข้องใจ
“มีอันใดน่าหัวร่อ” กระชากเสียงถาม
“ข้าพเจ้ายังเข้าใจว่าท่านมีฉายาภูตบูรพาคงต้องมีความคิดอ่านอันเลิศลอย หาคาดไม่ว่ากลับไม่แตกต่างกับผู้คนชาวโลก”
“ประเสริฐ ประเสริฐ ประเสริฐ”
กล่าวคำ “ประเสริฐ” ติดต่อกันหลายคำ แล้วก็หันกายเดินออกจากห้องไป สร้างความตะลึงลานให้กับเอี้ยก่วยยิ่ง
ครุ่นคิดขึ้น “คำพูดของเรานับว่าล่วงเกินแต่เขาไฉนไม่มีโทสะ”
เป็นธรรมดาที่ผู้เยาว์อย่างเอี้ยก่วยเพิ่งรู้จักคนอย่างอึ้งเอี๊ยะซือ จึงย่อมไม่เข้าใจ แต่ก็เป็นความไม่เข้าใจในท่ามกลางความตื่นตะลึง
เหมือนกับเป็นเงาสะท้อนของ “ช่องว่าง” ระหว่างคน “ต่างวัย”
เหมือนกับเป็นเรื่องไม่อยู่เหนือความคาดหมาย ไม่ว่าจะมองจากอึ้งเอี๊ยะซือ ไม่ว่าจะมองจากเอี้ยก่วย
เขาทั้ง 2 ล้วนมีคนเข้าใจผิดเสมอๆ
การพบระหว่างเอี้ยก่วยกับอึ้งเอี๊ยะซือทรงความหมายและมีความสำคัญเป็นอย่างสูงในยุทธจักรบู๊ลิ้มซึ่งมากด้วยความหลากหลาย
เท่ากับอึ้งเอี๊ยะซือได้สัมผัสคลื่นลูกใหม่
ขณะเดียวกัน เท่ากับเอี้ยก่วยได้ทะยานเข้าไปในจอมยุทธ์อันถือเป็น “ตำนาน” และมากด้วยความสลับซับซ้อนทางอารมณ์
สลับซับซ้อนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า “อาวเอี้ยงฮง”