นพมาส แววหงส์ : CAFE SOCIETY “วู้ดดี้ อัลเลน ตามแบบฉบับ”

นพมาส แววหงส์

ในเทศกาลภาพยนตร์ที่คานส์ปีนี้ วู้ดดี้ อัลเลน ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนังเปิดเทศกาลอีกเป็นครั้งที่สาม ด้วยหนังเรื่องล่าสุด Caf? Society ซึ่งดูแล้วต้องบอกว่านี่เป็นหนังแนวถนัดของเขาเลยเชียว

เขาเคยได้รับเกียรติให้เปิดเทศกาลหนังเมืองคานส์ที่ฟู่ฟ่าน่าจับตามาก่อนนี้แล้วสองครั้ง สำหรับเรื่อง Hollywood Ending (ค.ศ.2002) และ Midnight in Paris (ค.ศ.2011)

ที่ต้องชม คือในวัยแปดสิบเอ็ด อัลเลนยังขยันทำงานเหมือนหามรุ่งหามค่ำ ทำหนังออกมาสู่สายตาสาธารณชนทุกปีๆ ไม่ได้ขาดสายกว่าห้าสิบเรื่อง ทั้งเขียนบทเอง กำกับฯ เอง แสดงเอง (ยกเว้นช่วงหลังๆ นี้ปลดระวางตัวเองจากบทบาทนักแสดงนำไปแล้ว)

ตลอดช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา วู้ดดี้ อัลเลน มีหนังออกฉายในทุกปีก็ว่าได้ บางปีมากกว่าหนึ่งเรื่อง จึงขอคารวะไว้ในฐานะคนทำหนังที่ขยันขันแข็งที่สุดคนหนึ่งของวงการ

แม้ว่า วู้ดดี้ อัลเลน จะไม่ปรากฏหน้าบนจออีกแล้ว แต่เขาก็เป็นเสียงเล่าเรื่องเบื้องหลัง ในลักษณะของเหตุการณ์ แบบที่ทำให้นึกถึงหนังเจ้าพ่อหลายเรื่อง อย่างเช่น Casino เป็นอาทิ แล้วยังคัดเลือกนักแสดงหนุ่มยิวที่มาเป็นตัวแทนเขาเมื่อยังหนุ่ม

แคแร็กเตอร์ของ เจสซี ไอเซนเบิร์ก ผสานกับเสียงเล่าของ วู้ดดี้ อัลเลน อย่างกลมกลืน

เหตุการณ์ในเรื่องเกิดในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1930 ขณะฮอลลีวู้ดกำลังมีสีสันของสายรุ้งสุดสวย ในฐานะเมืองหลวงใหม่ของวงการภาพยนตร์ พระเอกคือหนุ่มน้อยเชื้อสายยิวจากถิ่นบรองซ์ในนิวยอร์ก ชื่อ บ็อบบี้ ดอร์ฟแมน (เจสซี ไอเซนเบิร์ก จาก The Social Network) ซึ่งไม่อยากทำธุรกิจของพ่อ จึงไปเผชิญโชคคนละฟากฝั่งทวีป เนื่องจากแม่มีน้องชายเป็นบุคคลสำคัญอยู่ในวงการภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ด

ฟิล สเติร์น (สตีฟ คาเรลล์ ซึ่งข่าวว่าเข้ามารับบทแทน บรูซ วิลลิส ซึ่งขาดวินัยทางการแสดงจนผู้กำกับฯ ทนไม่ไหว) เป็นบุคคลสำคัญที่มีอิทธิพลในวงการของฮอลลีวู้ด และใช้ชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าอยู่ท่ามกลางคนเด่นคนดัง

บ็อบบี้รอคอยอย่างเบื่อหน่ายอยู่นาน ระหว่างนั้นมีฉากความพยายามแก้เบื่อของเขาที่จี้เส้นที่สุดฉากหนึ่งในหนัง ด้วยคำแนะนำของญาติ เขาโทร.เรียกหาบริการจากคอลล์เกิร์ลมาที่ห้อง แต่ให้เผอิญหญิงบริการคนนี้เป็นมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มงานนี้เป็นหนแรก นี่คือฉากแบบที่ วู้ดดี้ อัลเลน ถนัด คือเสนอสถานการณ์ประดักประเดิดน่าขันจากความกระอักกระอ่วนใจของตัวละครที่ไม่รู้จะตัดสินใจทางใดทางหนึ่ง

บ็อบบี้ได้งานเป็นลิ่วล้อคอยรับใช้น้าฟิลของเขาในงานจิปาถะ เช่น ส่งเอกสาร และฟิลมอบหมายให้เลขานุการคนสวย ชื่อ วอนนี่ (คริสเตน สจ็วต) เป็นคนช่วยให้เขารู้จักบ้านดาราคนสำคัญๆ ในฮอลลีวู้ด

เกือบจะในทันใด บ็อบบี้ก็หลงรักสาวสวยที่ดูจะไม่ได้หลงเสน่ห์มนตราอันฉาบฉวยของฮอลลีวู้ดคนนี้

แต่ปัญหาคือเธอมีแฟนที่ไม่เคยปรากฏตัว และเมื่อเธอน้ำตานองหน้ามาหาเขาเมื่อถูกแฟนบอกเลิก เขาก็ได้โอกาสสวมรอยสมานใจให้ รวมทั้งสัญญาจะพาเธอไปตั้งต้นชีวิตใหม่ และลงหลักปักฐานในนิวยอร์ก บ้านเกิดของเขา

ในนาทีสุดท้าย วอนนี่ก็เปลี่ยนใจกลับไปหาแฟนเก่า ทำให้บ็อบบี้ต้องกลับไปนิวยอร์กอย่างเดียวดายและอกหักยับเยิน

แต่ด้วยความเกื้อกูลและเส้นสายของครอบครัวแบบชาวยิว โดยเฉพาะเบ็น (คอรีย์ สตอลล์) พี่ชายอันธพาล ผู้จัดการแก้ปัญหาให้ได้ทุกเรื่องด้วยพละกำลังและลูกปืน บ็อบบี้เข้าไปทำงานในร้านอาหารหรูที่สุดของนิวยอร์ก ซึ่งกลายเป็นสถานที่ที่กล่าวกันว่าใครก็ตามที่เป็นคนเด่นคนดังจะต้องมากินมาเที่ยวที่นี่

เบ็นไม่ได้เป็นตัวละครที่พัฒนาให้เราเห็นเต็มที่ แต่ได้รับการเล่าเรื่องในแบบของหนัง โรเบิร์ต เดอนีโร หลายเรื่อง และ วู้ดดี้ อัลเลน ไม่ได้ลืมจะหาจุดลงเลยให้ตัวละครตัวนี้ตามสมควร

หลายปีผ่านไป บ็อบบี้ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานของเขา แต่งงานแต่งการกับผู้หญิงชื่อ เวโรนิกา (เบลก ไลฟ์ลีย์) ชื่อเดียวกับนางในดวงใจของเขา และมีลูกด้วยกัน

และแล้ว วอนนี่ แฟนคนแรก ก็ปรากฏตัวขึ้นในชีวิตเขาอีกครั้ง

ความรักความหลังยังฝังใจอยู่ไม่รู้ลืม

นี่อาจเป็นเรื่องของคนที่ตัดสินใจทรยศต่ออุดมคติของตัวเอง เพื่อเดินตามภาพลักษณ์ของความสำเร็จในสังคม และต้องถวิลหาสิ่งที่ทิ้งไปเพื่อความปลอดภัยของอนาคต

มีประโยคคมๆ หลายประโยคที่ออกจากปากของผู้คนหลากหลายในหนัง อาทิ

“ชีวิตเป็นหนังตลกที่เขียนโดยนักเขียนบทหนังตลกซาดิสต์”

“จงใช้ชีวิตทุกวันเหมือนกับเป็นวันสุดท้ายของคุณ แล้ววันหนึ่งคุณก็จะคิดถูกจนได้”

“ฉันยอมรับความตายนะ แต่ไม่ใช่โดยไม่ประท้วงเสียก่อน”

 

คนดูหนังคงจะตระหนักดีอยู่แล้วว่า นี่คือแบบฉบับของ วู้ดดี้ อัลเลน ซึ่งไม่ได้พยายามฉีกแนวไปไหน เหมือนใน Blue Jasmine (เคต บลานเช็ตต์) ที่ตราตรึง

ผู้เขียนยังติดตากับโปสเตอร์หนังที่เป็นรูปเขียนขาวดำและแดง แบบอาร์ตนูโว เป็นรูปซีกหน้าของผู้หญิงทำผมทรงที่นิยมกันในยุคทศวรรษ 1920-1930 ปากอิ่มเต็มแดงจัด หลับตาพริ้ม ขนตายาวงอนทาบบนแก้ม ที่เก๋ที่สุด คือมีหยาดน้ำตาสีชมพูหยดหนึ่งกำลังร่วงหล่นลงบนแก้ม

แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุดของอัลเลน แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่นักหรอกค่ะ ออกจะมีเสน่ห์ด้วยซ้ำ แถมมีความน่าเอ็นดูแกมน่าหมั่นไส้ในลักษณะที่เรารู้จักเกี่ยวกับ วู้ดดี้ อัลเลน

ไม่รู้ว่าปีหน้าเขาจะทำหนังอะไรออกมาให้เราดูกันอีก

CAFE SOCIETY
กำกับการแสดง
Woody Allen

นำแสดง
Jesse Eisenberg
Kristen Stewart
Steve Carell
Blake Lively
Corey Stoll