นพมาส แววหงส์ : EVERYBODY WANTS SOME! “เคาต์ดาวน์สู่วันเปิดเรียน”

นพมาส แววหงส์

ตามต่อจากหนังเรื่องก่อนหน้าที่ของ ริชาร์ด ลิงก์เลเทอร์ เรื่อง Boyhood ที่ได้รับการยกย่องและตอบรับอย่างดีจนเข้าไปอยู่ในหนังยอดเยี่ยมของปีที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์เมื่อปีที่แล้ว คือคอเมดี้แฝงความคิด (ตามแบบฉบับของลิงก์เลเทอร์) ในชื่อว่า Everybody Wants Some! ซึ่งได้มาจากประโยคฮิตของเพลงยอดนิยม

สิ่งสำคัญที่ทำให้ Boyhood แตกต่างและโดดเด่นขึ้นมา คือไอเดียสร้างสรรค์ในการนำเสนอเรื่องราวด้วยการติดตามชีวิตในช่วงสั้นๆ แต่ละปีๆ ของเด็กชายคนหนึ่งตั้งแต่วัยหกขวบ พ่อแม่เลิกกัน ย้ายบ้านตามแม่ไปหลายแห่ง แม่กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยจนจบปริญญาเอก แต่งงานใหม่ และเลิกกับสามีคนที่สอง ตราบจนเด็กชายคนนี้อายุสิบแปด และย้ายออกจากอกแม่ไปเข้ามหาวิทยาลัย

และที่ว่า Boyhood เป็นความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่แบบที่ยังไม่เคยเห็นหนังใหญ่เรื่องไหนทำมาก่อน คือการถ่ายทำโดยใช้นักแสดงชุดเดียวกันตลอดช่วงเวลาสิบสองปีในชีวิตของตัวละคร ให้เติบโตขึ้นและอายุมากขึ้นไปตามกาลเวลาในหนังซึ่งกำหนดเท่ากับเวลาจริงในชีวิตนักแสดง

การถ่ายทำของลิงก์เลเทอร์คือนัดนักแสดงมาถ่ายในช่วงสี่ห้าวันในแต่ละปี ดังนั้น เราจะเห็นเด็กชายและพี่สาวเติบโตขึ้นต่อหน้าต่อตา รวมทั้งพ่อแม่ คือ อีธาน ฮอว์ก และ แพทริเชีย อาร์เค็ตต์ แก่ตัวลงตามจริง

ที่น่าสังเกตคือ อีธาน ฮอว์ก ไม่ได้เปลี่ยนไปมากตลอดระยะเวลาสิบสองปี แต่ แพทริเชีย อาร์เค็ตต์ นั้นสูงวัยและรูปร่างเปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด และบทบาทน่าประทับใจของแม่ที่ตีนถีบปากกัดเลี้ยงลูกให้โตขึ้นจนส่งถึงฝั่ง (คือเข้ามหาวิทยาลัย โบยบินไปมีชีวิตของตัวเองต่อไป ตามแบบของเด็กอเมริกัน ซึ่งต้องอยู่กับพ่อแม่จนถึงอายุสิบเจ็ดสิบแปด จึงจะย้ายออกไปมีชีวิตของตัวเอง) ทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมในบทสมทบไปในปีที่แล้ว

everybody-wants-some-austin-amelio-tanner-kalina-forrest-vickery-tyler-hoechlin-ryan-guzman-768x513

พูดถึง Boyhood มามาก ก็เพื่อจะแนะนำ ริชาร์ด ลิงก์เลเทอร์ และนำมาสู่ Everybody Wants Some! ซึ่งมีเรื่องราวต่อจาก Boyhood ไม่ใช่ในแง่ของตัวละคร แต่ในแง่ของช่วงเวลาในชีวิต

นั่นคือ Boyhood จบลงตรงจุดที่ตัวละครหลักเข้ามหาวิทยาลัย และเข้าหอพัก เจอสาวและออกเที่ยวปีนเขากันเป็นครั้งแรก

ส่วน Everybody Wants Some! นำเสนอในลักษณะการเคาต์ดาวน์ของระยะเวลาสามวัน ตั้งแต่ตัวเอกของเรื่องเดินทางไปถึงบ้านพักในมหาวิทยาลัย ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนใหม่ๆ ใช้ชีวิตแบบเด็กมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเจออิสรภาพเกือบจะเต็มที่ ไปจนถึงวันแรกที่เริ่มเรียนหนังสือ

เจค (เบลค เจนเนอร์) เป็นนักเบสบอล ตำแหน่งพิตเชอร์ (ผู้ขว้าง) ฝีมือดีจากไฮสกูล และได้รับคัดเลือกให้เข้าทีมเบสบอลมหาวิทยาลัยในเท็กซัส ในราวช่วง ค.ศ.1980 เช่นเดียวกับนักศึกษามหาวิทยาลัยอเมริกันจำนวนมาก ซึ่งอยากไปอยู่มหาวิทยาลัยที่ไกลจากบ้านพ่อแม่ เจคขับรถเก่าๆ แบกสมบัติมีค่าคือลังแผ่นเสียงแสนรัก

มาถึงบ้านพักที่จัดไว้เฉพาะสองหลังสำหรับนักเบสบอลทีมมหาวิทยาลัย

everybody-wants-some-swimming-scene

นักเบสบอลหนุ่มสิบหกคนอยู่ในบ้านสองหลังที่คงทรุดโทรมเนื่องจากคนอยู่อาศัยซึ่งล้วนเป็นหนุ่มเลือดร้อน สุขภาพดี ไม่ค่อยบันยะบันยังกับตัวบ้านและข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน เจคเจอหน้าเพื่อนร่วมบ้านและร่วมทีมนิสัยแปลกๆ ต่างๆ นานา มีทั้งเพื่อนร่วมห้องที่นิสัยไม่ค่อยน่ารักเท่าไร แต่ก็เก็บของกลับบ้านหายหน้าไปสองวัน เพื่อกลับบ้านไปจัดการเรื่องแฟนที่ดูเหมือนจะตั้งท้อง

ระยะเวลาสามวันนี้เป็นเหมือนการเปิดสู่โลกใหม่สำหรับเด็กหนุ่มที่เพิ่งมาจากไฮสกูล ซึ่งเพิ่งรู้จักอิสรภาพและความรับผิดชอบเต็มตัว โดยไม่มีผู้ใหญ่คอยควบคุมดูแล ในช่วงนี้ โค้ชผู้ควบคุมทีมเบสบอลมากล่าวปฐมนิเทศเพียงหนเดียว โดยประกาศข้อห้ามเพียงสองข้อ คือ ห้ามดื่มเหล้าในบ้าน และห้ามพาผู้หญิงขึ้นไปห้องชั้นบน

เห็นได้ชัดว่ากฎเกณฑ์ข้อห้ามเหล่านี้ไม่มีใครคิดจะทำตามเลยเมื่อลับหลังโค้ช

สิ่งแรกที่เพื่อนร่วมทีมชักชวนเจคให้ออกไปร่วมทำด้วย คือนั่งรถตระเวนดูสาวๆ เกาะแกะแทะโลม เกี้ยวพาราสีไปเรื่อยๆ ถูกหักหน้าปฏิเสธอย่างไรก็ไม่ถือสา และไม่หมดกำลังใจ

 

ในบรรดาสาวๆ เหล่านี้ มีสาวใจกล้าคนหนึ่งที่เดินเข้ามาที่รถ บอกว่าไม่สนใจพวกปากหมาทั้งหลาย แต่ชอบหนุ่มคนที่นั่งเงียบๆ อยู่กลางเบาะหลัง (ซึ่งคือ เจค) ซึ่งเป็นเหตุให้เจคสนใจจะสร้างสัมพันธ์ต่อไป

สาวคนนี้ชื่อเบเวอร์ลี (โซอี้ ดอยช์) ตั้งใจมาเรียนการละครที่มหาวิทยาลัย จึงคบหาสมาคมกับเพื่อนที่แตกต่างไปจากกลุ่มเพื่อนนักเบสบอลของเจค

ในช่วงระยะสามวันก่อนเปิดเรียนนั้น พวกหนุ่มๆ ไปเที่ยวบาร์ เกี้ยวสาว มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งจนถูกไล่ออกจากบาร์เดิม และไปหาที่เที่ยวใหม่ในบาร์คาวบอย ซึ่งต้องแต่งตัวให้กลมกลืนกับบรรยากาศลูกทุ่ง รวมทั้งจัดงานปาร์ตี้เฮฮาที่บ้าน และไปงานปาร์ตี้แต่งแฟนซีของกลุ่มการละคร

และมีการซ้อมเบสบอลเพียงหนเดียวโดยปราศจากโค้ชคุม

ตัวละครตั้งข้อสังเกตว่าทำไมทุกอย่างในชีวิตของพวกเราจึงเป็นการแข่งขันไปเสียหมด ไม่ว่าจะการพนันขันต่อในเรื่องไม่เป็นเรื่อง การตีปิงปองแข่งกัน แม้แต่การแข่งกันดีดนิ้วบนกำปั้นของเพื่อน เพื่อดูว่าใครจะทนเจ็บได้นานกว่ากัน ฯลฯ

นอกจากนั้นก็เป็นการเล่นพิเรนทร์แกล้งกันในแบบต่างๆ ตั้งแต่เล่นมุขผายลมเหม็นๆ ไปจนถึงจับเพื่อนตรึงกำแพง แล้วขว้างเบสบอลเข้าใส่

การเล่นแกล้งกันบางอย่าง ดูอันตรายเหลือเกินว่าจะเกิดการบาดเจ็บหัวร้างข้างแตก ถึงขั้นสมองกระทบกระเทือนหมดอนาคตไปได้

นอกจากนั้น ยังมีนักเบสบอลคนหนึ่งซึ่งแฝงตัวเข้ามาร่วมทีมมหาวิทยาลัยโดยอายุเกินเกณฑ์ และวันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากชวนเพื่อนสูบกัญชา นักแสดงที่เล่นบทนี้เป็นลูกชายของ เคิร์ต รัสเซลล์

 

หนังให้เราเห็นชีวิตไร้แก่นสารของเด็กหนุ่มที่เพิ่งได้รับปลดปล่อยสู่เสรีภาพเป็นครั้งแรกในชีวิต และใช้พลังให้หมดไปกับเรื่องเอะอะมะเทิ่ง และเรื่องรักใคร่ จนเหนื่อยอ่อนหมดแรง เมื่อถึงเวลาเรียนชั่วโมงแรก จึงนั่งหลับกันเป็นแถวๆ

มองจากทัศนะของคนที่ผ่านโลกมานานมากแล้ว ไม่นึกอยากย้อนกลับไปมีชีวิตแบบนั้นอีกเลย

ท้ายสุดขอเดาว่า หลังจากเริ่มด้วยชีวิตสิบสองปีในวัยเด็ก และต่อด้วยชีวิตสามวันก่อนวันเปิดเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว หนังเรื่องต่อไปของ ริชาร์ด ลิงก์เลเทอร์ เห็นจะเป็นเรื่องราวของช่วงชีวิตในมหาวิทยาลัยละกระมัง

EVERYBODY WANTS SOME!
กำกับการแสดง
Richard Linklater

นำแสดง
Blake Jenner
Justin Street
Ryan Guzman
Tyler Hoechlin
Wyatt Russell
Zoey Deutch