ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
การแยกขั้วแบบสุดขั้ว ในโลกใบนี้
ลำดับต้นๆ คงไม่พ้น “ยิว-ปาเลสไตน์”
ตลอดช่วงชีวิตเรา ยังไม่รู้ว่า ภาวะ “สุดขั้ว” ดังกล่าวจะคลี่คลายลงหรือไม่
นี่คือภาวะอันน่าเศร้าของมนุษยชาติที่ดำรงอยู่
ในคอลัมน์ “มุมมุสลิม”
จรัญ มะลูลีม นำเสนอประเด็น “ปาเลสไตน์-ฮามาส และอิสราเอล ความขัดแย้งครั้งที่ 4” เป็นตอนที่ 3 แล้ว
โดยเห็นว่ารัฐอิสราเอลพยายามจะลบประวัติศาสตร์ของชาวปาเลสไตน์ออกไปและสร้างภูมิศาสตร์ใหม่ขึ้นมา
“…อิสราเอลได้พยายามพลิกหินทุกก้อนขึ้นมาดูเพื่อจะยืนยันว่าอิสราเอลมีรกรากของแผ่นดินมากกว่าที่ชาวปาเลสไตน์มี
แผนการขยายพื้นที่ของอิสราเอลได้ถูกใช้ทั้งสองทาง
คือการบีบบังคับและวิธีการอื่นๆ
เป็นการใช้การเมืองเป็นตัวกลาง ซึ่งเรียกโดยนักวิชาการว่าการทำให้ไม่มีความเป็นอาหรับ (de-Arabisation) ของพื้นที่ต่างๆ
…เพื่อจะบังคับชาวปาเลสไตน์นับร้อยๆ คนให้ออกจากพื้นที่ที่พวกเขาเคยอยู่มาช้านาน…”
“…แผนการบังคับให้ออกจากที่อยู่อาศัยถูกเรียกโดย UN ว่าเป็น อาชญากรรมสงคราม ในเมื่อมันเป็นการทำตามอำเภอใจ และไม่มีกฎหมายใดคุ้มครองพลเรือนปาเลสไตน์ในดินแดนที่อิสราเอลเข้ายึดครอง…” อาจารย์จรัญระบุ
อย่างไรก็ตาม หากเราอ่านรายงานพิเศษของชนัดดา ชินะโยธิน ที่ไปคุยกับ ดร.เมเอียร์ ชโลโม (Dr. Meir Shlomo) เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย ในมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับนี้
เราก็จะได้ข้อมูลอีกชุดหนึ่ง
แน่นอนตรงข้ามแทบจะสิ้นเชิงกับสิ่งที่อาจารย์จรัญเสนอ
ดร.เมเอียร์ ชโลโม (Dr. Meir Shlomo) ยืนยันว่า “ฮามาสเป็นองค์กรก่อการร้าย”
“…นี่ไม่ใช่คำพูดของผมแต่เพียงผู้เดียว แต่สหภาพยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น แคนาดา อีกหลายประเทศ ขึ้นบัญชีให้กลุ่มฮามาสเป็นกลุ่มก่อการร้าย”
“…ในระหว่างการโจมตี 11 วันนั้น ฮามาสได้ยิงจรวดมายังเมืองต่างๆ ในอิสราเอลไม่ต่ำกว่า 4,300 ลูก แต่ทว่า ประมาณร้อยละ 20 ของการยิงจรวด เกิดความผิดพลาด ทำให้ระเบิดกลับตกลงในฉนวนกาซา เป็นเหตุให้เกิดการล้มตายเป็นจำนวนมากในหมู่ประชาชนชาวปาเลสไตน์”
“ลองใช้เวลาสั้นๆ มาตอบคำถามต่อไปนี้กันอย่างจริงใจ”
“ท่านผู้อ่านจะทำอย่างไร หากมีขบวนการก่อการร้ายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโจมตีกรุงเทพฯ ด้วยจรวดสักหนึ่งหรือสองลูก…หรือ 4,300 ลูก ท่านอยากเห็นรัฐบาลของท่านนิ่งดูดายไม่ทำอะไรเลยเชียวหรือ ท่านจะแนะนำรัฐบาลของท่านไม่ให้ตอบโต้ไหม ไม่ต้องปกป้องท่านและครอบครัวของท่านจากการระดมยิงจรวดที่ทุกลูกมีเป้าหมายเจาะจงเพื่อสังหารท่าน อย่างนั้นหรือ…”
โปรดอ่านอย่างเปิดกว้าง
และไม่อยากให้รีบสรุปด้วยเพราะนี่คือภาวะการแบ่งขั้วแบบสุดขั้ว อันสลับซับซ้อน
แม้จะเป็นสิ่งที่มวลมนุษยชาติอยากให้ขั้วสลาย
แต่คำตอบก็มืดมน
ตอกย้ำว่าภาวะของแตกแยก แตกขั้ว นำมาแต่ความเลวร้าย
เราควรจะหาทางยุติ เยียวยา เพื่อให้การ “แตกขั้ว” ไม่ว่าระดับใด ยุติลง
ในคอลัมน์ อะไร(แม่ง)ก็เป็นศิลปะ ของภาณุ บุญพิพัฒนาพงศ์
พาไปชมนิทรรศการศิลปะ
“‘FREE’ ศิลปะรหัสลับที่ซ่อนความนัยแห่งเสรีภาพ” ของ Mr.ZEN
Mr.ZEN เป็นฉายาของศิลปินร่วมสมัยชาวไทยผู้ได้รับการยอมรับในต่างประเทศ
และโด่งดังจากข่าวการถูกจับกุมดำเนินคดี
ในฐานะผู้ต้องหาคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการโพสต์สเตตัสเฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ระบบคัดกรองโควิด-19 ของสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากเขาเดินทางกลับจากการแสดงงานที่ประเทศสเปน
จนถูกจับกุมคุมตัวและได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา
ประสบการณ์การถูกลิดรอนอิสรภาพในครั้งนั้นได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผลงานในนิทรรศการครั้งนี้
และงานที่ประมูลหรือขายได้จากนิทรรศการนี้
Mr.ZEN มอบรายได้ส่วนหนึ่งให้ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน
ทำไมต้องศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน คงต้องติดตามอ่าน
และอาจทำให้เราเห็นปัญหาการแบ่งขั้วในสังคมไทย
แม้ความรุนแรงจะไม่หนักเท่า “ยิว-ปาเลสไตน์”
แต่เรื่องราว “FREE” ของ Mr.ZEN ก็น่าสนใจยิ่ง
ใต้ภาพ
ผลงานของ Mr.ZEN