ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : หนึ่งกิโลกรัมแรก / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: หนึ่งกิโลกรัมแรก

 

ฉันขึ้นตาชั่ง ลุ้นน้ำหนัก ชั่งแค่สัปดาห์ละครั้ง ฉันหวัง หวังอย่างมาก ว่าแต่ละครั้งจะเห็นน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 500 กรัม

เย้ หนึ่งกิโลกรัมแรกมาแล้ว หลังจากเฝ้ารอมาสามสัปดาห์ หลังจากพยายามกินโปรตีนให้มากขึ้น กินข้าวให้ครบมื้อ

ใช่ ฉันต้องทำอาหารเองให้มากเข้าไว้ เพราะจะทำให้ฉันกินเยอะขึ้น

ฉันรีบเข้าไปรายงานเขา

เขาหัวเราะ “ดีแล้ว ไว้หานมรสแปลกๆ มาให้กิน”

ฉันได้ดื่มนมทุกวันเพราะเขาขยันซื้อมาติดตู้เย็น ตั้งแต่ฉันบอกว่าอยากเพิ่มน้ำหนัก ตู้เย็นของเราก็ไม่เคยพร่องนมสด หลากยี่ห้อ หลายรส

ฉันสะกิดแขนเขา “จริงๆ ชอบรสจืดที่สุด แย่งฮุ่ง แต่ว่า กินทุกวันมันเบื่อน่ะ”

“รับรองว่ามีดื่มทุกวันแบบไม่เบื่อ”

ฉันเชื่อว่าเขาทำได้ เขาถือเป็นหน้าที่เลยล่ะ

 

ฉันไม่ชอบเบเกอรี่ เขารู้ เขาไม่เคยซื้อเข้าบ้าน แต่เขาเคยซื้อขนมไทยอย่างบ้าคลั่ง เพราะฉันกินอยู่บ้าง ขนมกล้วย ขนมชั้น ขนมบ้าบิ่น ฉันชอบกิน แต่ไม่ได้มากขนาดนั้น

ฉันกินขนมบ้าง ไม่ได้กินทุกวัน กินเป็นประจำ ที่เขาซื้อมาจึงมักเหลือติดตู้เย็น ในที่สุด เขาไม่ซื้อมาอีก นอกเสียจากฉันบอกว่าอยากกิน

ฉันสัญญากับตัวเอง-จะไม่เพิ่มน้ำหนักด้วยของหวาน เพราะจะเสียสุขภาพ และความหวานเป็นสิ่งเสพติด

ฉันไม่ได้ปฏิเสธของหวานโดยสิ้นเชิง และฉันชอบขนมไทย โดยเฉพาะขนมที่มีข้าวเหนียวเป็นวัตถุดิบ

ข้าวเหนียวหน้าปลา ข้าวเหนียวหน้ามะพร้าว ข้าวเหนียวหน้าสังขยา ข้าวเหนียวห่อกล้วย และอีกสารพัดข้าวเหนียว รวมทั้งข้าวเหนียวเปียก

เมื่อวาน แม่ได้ทุเรียนมาสองลูก คงเป็นญาติทางราชบุรีส่งมาให้ แม่บอกให้ฉันแบ่งมากิน เพราะแม้แม่จะชอบมาก แต่แม่กินได้ไม่มากเท่าเดิม

ฉันกินทุเรียนได้ แต่ชอบที่สุดคือข้าวเหนียวทุเรียน

อยากทำข้าวเหนียวทุเรียนฉลองน้ำหนักหนึ่งกิโลแรก ฉันค่อนข้างแน่ใจ-ข้าวเหนียวทุเรียนจะเป็นจุดเริ่มต้นของน้ำหนักกิโลกรัมที่สอง

ต้องลุ้นว่าทุเรียนสุกหรือยัง

 

“นั่นไง” แม่ชี้กล่องพลาสติกบรรจุทุเรียน

อา…อยากกินก็ได้กิน “กินข้าวเหนียวทุเรียนกันนะ กินแบบมีทุเรียนตูมๆ เลย” ฉันบอก

“ข้าวเหนียวย่อยยาก” แม่ว่า

เอาเป็นว่า ฉันหยิบทุเรียนแม่ไปก่อน ค่อยว่ากันเรื่องข้าวเหนียว

“แค่นั้นเหรอ เอาไปให้หมดสิ” แม่พูดไล่หลัง

“ไม่ไหวอ่ะแม่ กินได้แค่นี้ ไปหาข้าวเหนียวก่อน”

ข้าวเหนียวมูนมีขาย แต่ต้องซื้ออย่างน้อยครึ่งกิโลกรัม (แพงด้วย) แถมน้ำกะทิที่ให้มาก็หวานมาก ทุเรียนต้องการความมันนิด เค็มหน่อย มาช่วยให้นวลลิ้น ไม่ใช่ความหวาน

ฉันตัดสินใจไปตลาด หากะทิมาทำข้าวเหนียวเอง ไม่ได้ยากอะไร ใช้ข้าวสักสองกำมือ กับกะทินิดหน่อย และเกลือ ก็ได้ข้าวเหนียวกินกับทุเรียนแล้ว

 

เพื่อนชาวใต้ของฉัน ไม่เคยเรื่องมากกับการมูนข้าวเหนียว ไม่เคยเสาะหาข้าวเหนียวเขี้ยวงู ไม่ต้องนึ่งข้าวเหนียวก่อน ในฤดูกาลที่ทุเรียนหล่นใต้ต้นจนกินไม่ทัน พวกเขาไม่ลืมหุงข้าวเหนียวกินกับทุเรียน ฉันจำได้ว่ามันแสนง่าย เข้ากันดีกับน้ำกะทิทุเรียน

ซื้อมะพร้าวขูดมาคั้นกะทิเอง แบ่งหัวกะทิเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งใส่เกลือลงไปหน่อย แล้วเคี่ยวไฟอ่อนให้ร้อน

อีกครึ่งหนึ่งผสมกับหางกะทิ ใส่เกลือนิดหน่อยเช่นกัน ตั้งไฟ ใส่ข้าวเหนียวที่ล้างจนสะอาดลงไป ต้มไปเรื่อยๆ จนกว่าข้าวเหนียวจะสุก น้ำกะทิซึมเข้าไปในข้าว

เป็นวิธีกินข้าวเหนียวกับกะทิที่ฉันได้มาจากเพื่อน

ใช้ไฟค่อนข้างอ่อน ที่สุดข้าวเหนียวก็สุก เป็นข้าวเหนียวกะทิที่ออกไปทางแฉะ แต่ฉันไม่เห็นว่ามันเป็นอุปสรรคต่อการกินข้าวเหนียวทุเรียนตรงไหน ถึงอย่างไรเสีย เราก็ต้องราดน้ำกะทิทุเรียนลงไปให้ข้าวชุ่มฉ่ำอยู่ดี

ฉันไม่ทำน้ำกะทิทุเรียน อยากกินทุเรียนเป็นชิ้นกับข้าวเหนียวหุงน้ำกะทินี่ แล้วราดด้วยน้ำกะทิที่แบ่งไว้อีกที

โอย มันอร่อยมาก อร่อยจนอดใจไม่ไหว ตักหนึ่งถ้วยไปให้แม่ “ข้าวเหนียวแลกทุเรียนนะแม่”

“ข้าวเหนียวมูนอะไร ทำมันเม็ดมันเกาะกันเป็นแพแบบนี้” แม่บ่น

ฉันอมยิ้ม แม่ต้องลืมเรื่องรูปลักษณ์แล้วลองตักกิน แม่จะรู้ว่า เราไม่จำเป็นต้องมูนข้าวเหนียวให้ยุ่งยากเลย กับทุเรียนน่ะ กินแบบบ้านๆ ง่ายๆ ก็อร่อยเลิศเลอ

 

อีกถ้วยมาเสิร์ฟเขาถึงห้องทำงาน

“อยากให้ชิม ข้าวเหนียวทำแบบไม่มันมาก ไม่หวาน” ฉันรีบบอก เพราะรู้ว่าเขาไม่ชอบของหวาน และไม่โปรดปรานทุเรียนนัก

ตักมาให้ถ้วยเล็ก โดยเน้นทุเรียน เขากินหมด คงเพราะไม่เลี่ยน เป็นข้าวเหนียวที่มีความมันพองาม ความเค็มพอเหมาะ ช่วยชูรสทุเรียนดีนัก

ตอนที่ล้างถ้วยเก็บครัว ฉันคิดถึงเพื่อนและสวนทุเรียนของเขา เขาอาจกำลังทำข้าวเหนียวน้ำกะทิทุเรียนอยู่ ก็…ในสวนของเขามีทั้งทุเรียน มะพร้าว และไม้ฟืนนี่นา