ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | Cool Tech |
ผู้เขียน | จิตต์สุภา ฉิน |
เผยแพร่ |
Cool Tech
จิตต์สุภา ฉิน
@Sue_Ching
Facebook.com/JitsupaChin
อดีต ปัจจุบัน อนาคต
ของการเดตออนไลน์
ดูผิวเผินเหมือนกับว่าแอพพลิเคชั่นหาคู่เดตจะเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสมากที่สุด
เพราะธรรมชาติของการใช้งานแอพพ์ คือผู้ใช้จะต้องเชื่อมต่อเข้าหากันเพื่อนัดพบและเจอตัวจริงกัน
ดังนั้น ในยุคที่เราลดความเสี่ยงได้ด้วยการออกจากบ้านและพบผู้คนให้น้อยที่สุด
การหาคู่เดตทางออนไลน์ก็ดูจะเป็นกิจกรรมที่ผลักออกไปก่อนได้
ทว่า ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือมนุษย์ยังคงโหยหาปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันเสมอ
แม้ว่าสถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวยแค่ไหน และแม้ว่าจะออกไปเจอตัวจริงกันไม่ได้
แต่การใช้แอพพ์หาคู่เดตเพื่อนำพาให้เราไปพบเจอผู้คนใหม่ๆ ก็กลายเป็นเครื่องมือที่ทวีความสำคัญขึ้นทันที
และไม่ใช่เฉพาะกับคนที่ต้องการสรรหาความรักโรแมนติกเท่านั้น แต่แอพพ์หาคู่เดตยังช่วยตอบสนองความต้องการด้านอื่นๆ ได้อีกหลากหลาย
ดังนั้น แทนที่แอพพ์หาคู่จะลดความนิยมลง ก็กลับเป็นที่ต้องการมากขึ้น มีจำนวนผู้ใช้งานและระยะเวลารวมของการใช้งานเพิ่มขึ้น อย่าง Tinder ก็บอกว่ามีจำนวนการปาดหาคู่ หรือ swipe บนแอพพ์เพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์ และมีการจับคู่เพิ่มขึ้นถึง 42 เปอร์เซ็นต์
ทำให้ปี 2020 เป็นปีที่แอพพ์ Tinder ฮอตฮิตที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลย
ผลการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่ามีผู้ใช้งานราว 39% ที่ใช้แอพพ์หาคู่ในการหาเพื่อนคุย ซึ่งการหาเพื่อนที่คุยที่ว่าก็มีจุดประสงค์หลายแบบ พบว่าโปรไฟล์ที่เป็นผู้หญิงอายุน้อยนิยมใช้แอพพ์ในการฝึกทักษะของการ “เกี้ยวพาราสี” โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปให้สุดทาง
นัยๆ ว่าเรียนรู้เพื่อฝึกทักษะเอาไว้ก่อน พร้อมเมื่อไหร่ค่อยเอามาใช้ในชีวิตจริง
หรือกลุ่มคนที่อยากใช้แอพพ์หาคู่เพื่อเช็กเรตติ้ง และทำให้รู้สึกมีความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาของตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงล็อกดาวน์ที่เราอาจจะสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปได้เยอะ
การที่มีคนมาจีบ มาหยอก มาหยอดผ่านแอพพ์บ้าง ก็ช่วยทำให้กระชุ่มกระชวยและมีกำลังใจมากขึ้น
และก็มีคนจำนวนไม่น้อยอีกเหมือนกันที่ใช้แอพพ์เพื่อหาเพื่อนใหม่ๆ โดยที่ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่การเดตเลย
Ifop บริษัททำการวิจัยด้านการตลาดในฝรั่งเศสพบว่าในช่วงล็อกดาวน์ซึ่งเกิดขึ้นถึง 2 รอบในฝรั่งเศส พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วมีคน 5% ที่ไม่ได้คบอยู่กับคู่รักคนเดิมอีกต่อไป
และสาเหตุที่ทำให้เลิกกันก็คือการต้องล็อกดาวน์อยู่ด้วยกันนานๆ ในพื้นที่จำกัดนี่แหละ
อีกผลวิจัยหนึ่งที่ทำขึ้นมาเพื่อเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่อย่าง Pornhub ก็พบว่าแต่เดิม สิ่งที่เป็นความเสี่ยงด้านสุขภาพที่คนกลัวกันมากที่สุดก็มีแต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือ STDs
แต่ตอนนี้พบว่าความกลัวโคโรนาไวรัสดีดตัวขึ้นมานำเป็นอันดับต้นๆ 40% ของคนโสดบอกว่าจะไม่ยอมจูบใครเพราะกลัวติดโควิด
60% บอกว่าจะไม่ยอมเมคเลิฟกับใครที่มีประวัติเคยติดโควิดมาก่อน
และ 60% จะไม่ยอมมีเพศสัมพันธ์กับคนที่มีความเสี่ยงที่อาจจะติดโควิดได้ อย่างเช่น มีความเสี่ยงที่จะติดโควิดจากที่ทำงาน เป็นต้น
โควิดก็เลยกลายเป็นปัจจัยใหม่ที่คนจะใช้เพื่อตัดสินใจว่าจะนอนหรือไม่นอนกับใครไปเลย ซึ่งทีมวิจัยก็บอกว่าคล้ายๆ กับตอนโรคเอดส์ระบาดในช่วงปี 2000 นั่นแหละ
ดังนั้น ในช่วงล็อกดาวน์ที่ออกนอกบ้านไม่ได้ ผู้ใช้งานก็ไม่ได้ถึงขั้นปล่อยแอพพ์ให้ร้างจับฝุ่น
แต่กลับใช้ช่วงเวลานั้นให้เป็นประโยชน์ด้วยการคุยกับคู่เดตให้ได้มากที่สุด
ฝึกฝนทักษะการจีบให้แหลมคมที่สุด เพื่อให้เมื่อไหร่ก็ตามที่สถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว พวกเขาจะได้นัดเจอหน้ากันได้โดยเร็ว
หลายๆ แอพพ์ก็เพิ่มฟีเจอร์การวิดีโอแชตเข้าไปในช่วงนี้ และก็กลายเป็นฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมและถูกใช้งานเยอะมาก
ทันทีที่ล็อกดาวน์ของบางประเทศจบลง สถิติตัวเลขของคนที่หลับนอนกันตั้งแต่ได้พบเจอตัวเป็นๆ กันเป็นครั้งแรกก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
ทำนองว่าหมักบ่มความสัมพันธ์กันมาได้ที่แล้ว พอได้คอนเฟิร์มด้วยการเจอตัวจริงก็ไม่มีอะไรให้ต้องรออีกต่อไป
คนกลุ่มนี้ไม่เสียเวลามาดินเนอร์กันก่อนด้วยซ้ำ แต่พุ่งเป้าไปที่การได้ใกล้ชิดแนบสนิทกันไปเลยเพราะมองว่าเป็นการช่วยลดความเครียดที่เกิดขึ้นด้วย
แม้ว่าคนที่จูงมือกันเข้าห้องได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความสัมพันธ์ของคนรุ่นใหม่ในยุคโควิดจะฉาบฉวย เพราะพบว่าเทรนด์กลับมุ่งไปทางการรักเดียวใจเดียวและการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยมากกว่าเก่า
คนอยากมีคู่รักที่ตายตัวเพราะเข็ดหลาบมาจากความเหงาของการเป็นโสดที่ต้องล็อกดาวน์หัวเดียวกระเทียมลีบ
ก็เลยเห็นความสำคัญของการมีคู่มากขึ้น
ย้อนกลับมาที่เรื่องการวิดีโอคอลล์กับคู่เดตออนไลน์สักเล็กน้อย
มีข้อมูลที่น่าสนใจมากก็คือถึงแม้ว่าการวิดีโอคอลล์กับคู่เดตจะมีข้อดีหลายอย่างเมื่อเทียบกับการออกเดตจริงๆ อย่างเช่นการประหยัดเวลา คุยได้วันละหลายๆ คน หรือไม่ต้องฉีดน้ำหอมให้เปลือง
แต่ก็มีความท้าทายอยู่อย่างหนึ่งที่เราอาจจะนึกไม่ถึง ก็คือการต้องมาเห็นหน้าตัวเองตอนคุยหรือหัวเราะ
คล้ายๆ กับมีกระจกที่คอยส่องจริตเราอยู่ตลอดเวลา ก็อาจจะทำให้เสียสมาธิในระหว่างออกเดตออนไลน์ได้เหมือนกัน
หลังล็อกดาวน์ แอพพ์หาคู่เดตออนไลน์ก็ต้องปรับตัวใหม่อีกครั้ง
อย่าง Tinder ก็เพิ่มฟีเจอร์ให้ใส่สถานะของการฉีดวัคซีนเข้าไปในโปรไฟล์ได้ เพราะผลสำรวจบอกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วหรือมีแผนจะไปฉีดก็จะได้รับการจับคู่เพิ่มมากขึ้นบนแอพพ์หาคู่เดตมากกว่าคนที่ไม่มีความสนใจจะฉีดวัคซีนเลย
และยังให้รางวัลเป็นฟีเจอร์เพิ่มเติมในแอพพ์เพื่อดึงดูดให้ผู้ใช้งานไปฉีดวัคซีนด้วย
ในขณะที่ Tinder ไปไกลกว่านั้นด้วยการจัดส่งชุดตรวจโควิดจำนวนหลายร้อยไปให้ผู้ใช้งานคนละ 2 ชุด ไว้ตรวจตัวเอง กับตรวจคู่เดต
ฉันคิดว่าปรากฏการณ์ที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ก็คือถึงแม้ว่าเราจะมีเครื่องมือทันสมัยที่ช่วยให้เราออกเดตออนไลน์กันได้ตั้งนานแล้ว อย่างการมีวิดีโอคอลล์ มีแอพพ์ส่งข้อความต่างๆ แต่เครื่องมือเหล่านั้นก็ไม่ได้ถูกนำมาใช้สักเท่าไหร่
แต่การแพร่ระบาดของไวรัสทำให้หลังจากนี้ไปการเดตกันแบบเสมือนจริงจะกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายแสนง่าย และจะถูกใช้เป็นด่านหน้าก่อนจะนำไปสู่การเดตจริงก่อนเสมอ
อย่างน้องสาวที่ฉันรู้จักที่เป็นผู้ใช้งานแอพพ์หาคู่เดตมาโดยตลอด จากเดิมที่จะต้องนัดคู่เดตไปเจอกันที่ร้านกาแฟ ก็กลายเป็นต้องสกรีนก่อนรอบหนึ่งด้วยการวิดีโอคอลล์ก่อนทุกครั้ง
ซึ่งการจะวิดีโอคอลล์กับคนที่เราเดตด้วยแบบออนไลน์ไม่จำเป็นต้องแค่เห็นหน้ากันเฉยๆ แต่ยังเสริมลูกเล่นเข้าไปได้อีกมากมาย
อย่างการชวนกันไปออกเดตด้วยการเดินชมพิพิธภัณฑ์แบบเสมือนจริงซึ่งที่ผ่านมามีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์นี้แล้ว หรือสั่งอาหารให้กันและกันให้มานั่งกินหน้าจอไปพร้อมๆ กัน
มีแม้กระทั่งการให้คำแนะนำผู้ใช้งานว่าจะแต่งตัวแบบไหน หรือปรับแสงไฟในห้องยังไง ให้มีบรรยากาศที่โรแมนติกหรือเซ็กซี่ที่สุด
จนฉันก็เริ่มรู้สึกว่าการเดตแบบออนไลน์นี่มันก็น่าสนใจเหมือนกันแฮะ
เรื่องนี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นว่าตราบใดที่ยังมีชีวิต มนุษย์ก็มีความพร้อมที่จะปรับตัวได้เสมอ
และเทคโนโลยีหลายอย่างที่เรามีในมือตอนนี้ก็มีศักยภาพให้เรานำมาใช้เพื่อแก้ปัญหาได้แทบจะทุกอย่าง
ซึ่งหลายๆ โซลูชั่นก็อาจจะทำให้รูปแบบการออกเดตของคนเราเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลเลยก็ได้
อย่างการออกเดตแบบเสมือนจริงที่ก็ไม่มีแนวโน้มจะหายไปง่ายๆ แม้ในวันที่การระบาดจบลงแล้วก็ตาม
ปัญหาที่ตามมาก็อาจจะเป็นการโหมออกเดตออนไลน์หนักเกินไป เหมือนกับการประชุมออนไลน์วันละหลายๆ เซสชั่นที่ทำให้คนทั่วโลกเพลียกันมาแล้ว
อันนี้ก็ต้องจัดตารางกันเอาเองนะคะ