หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓)

 

ในนิยายเรื่อง The Supernova Era ได้เกิดการระเบิดซูเปอร์โนวา ใกล้ๆ กับระบบสุริยจักรวาลของเรา ที่ว่าใกล้คือ ในระยะสิบปีแสง ซึ่งมีผลต่อโครโมโซมของสิ่งมีชีวิตบนโลก ทำให้มนุษย์ทุกคนที่อายุเกินสิบสามปี ต้องตายหมด เพราะโครโมโซมปรับตัวไม่ไหว แต่เด็กปรับตัวได้

ดังนั้น โลกนี้จึงเหลือแต่เด็กๆ และเด็กๆ เหล่านี้จะปกป้องมนุษยชาติอย่างไร จะดำเนินชีวิตและสังคมต่อไปอย่างไร

สิ่งที่หายากที่สุด กลับเป็น

นักวิทยาศาสตร์ ระดับสูง

นักการเมือง ระดับผู้นำ

เนื่องด้วยเพราะเด็กอายุสิบสามปีลงมา คือเด็กระดับมัธยม ประถม และอนุบาล พวกเขาไม่มีความรู้เพียงพอ ไม่มีพื้นฐานเพียงพอสำหรับวิทยาศาสตร์ระดับสูง เท่ากับว่าโลกของเราต้องถอยหลังไปหลายสิบปี หรือเป็นร้อยปี กว่ามนุษย์จะค่อยๆ กลับมา

วิทยาศาสตร์ระดับ cutting edge คือความรู้ที่ต้องการการค้นคว้า วิจัย การทดลอง และความรู้พื้นฐานที่แน่นหนา มันยากเกินชาวบ้าน ยากเกินเด็ก

 

เช่นเดียวกับการเมืองระดับชาติ ที่ต้องการการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในวินาทีนี้ เด็กคิดดี แต่เด็กคิดถูกไหม นี้เป็นปัญหา เพราะเด็กวัยนี้ ยังมักทำอะไรตามอารมณ์ ชอบเล่น ยังไม่เป็นผู้ใหญ่เพียงพอ ยังฝันหวาน ยังซื่อบื้อ หากมีอุดมการณ์ ก็มักจะเป็นอุดมการณ์บริสุทธิ์ ซึ่งในทางปฏิบัติมักทำไม่ได้จริง ยังขาดความรอบคอบ การจะหาใครสักคนที่เป็นผู้ใหญ่ รอบคอบ สามารถสัมพันธ์กับคนอื่นที่แตกต่าง สามารถตัดสินใจยากๆ และต้องตัดสินใจในเวลานี้ ที่ผลออกมาแล้วกำลังดี นี้เป็นคุณสมบัติที่หาได้ยากมาก

มันทำให้ฉันคิดถึงเมืองไทย

น้องมายด์ ภัสราวลี เกิดปี ๒๕๓๘ อายุ ๒๖ ปี

น้องรุ่ง ปนัสยา เกิดปี ๒๕๔๑ อายุ ๒๓ ปี

น้องเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ เกิดปี ๒๕๔๑ อายุ ๒๓ ปี

ฉัน update การต่อสู้ล่าสุด อายุล่าสุด ที่จริงพวกเขาต่อสู้มาก่อนหน้านี้ อย่างน้องเพนกวิน เริ่มปรากฏตัวในเวทีการเมือง สมัยเป็นนักเรียนอยู่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เขาถือป้ายเดินต้วมเตี้ยมเข้ามาในห้องประชุม ปี ๒๕๕๙ หรือ ๕ ปีก่อน ตอนนั้นเขาอายุ ๑๘ ปี

แต่ก่อนหน้านั้น ฉันก็เคยเห็นเขาในคลิป เป็นเด็กใฝ่รู้ ที่เที่ยวไปถามอาจารย์ท่านนั้นท่านนี้ นั่งพับเพียบเรียบร้อย เขาเป็นเด็กที่มีความอยากรู้อยากเห็น มีความพิศวง ขี้สงสัย

ตามความเป็นจริง พวกเขากำลังเติบโต ไม่ใช่เด็กเหมือนในนิยาย แต่ทว่าในอีกแง่หนึ่ง พวกเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี ไม่เพียงที่อายุ แต่ดูที่จิตใจ การกระทำ พวกเขามีความบริสุทธิ์

อาจกร้าวไปบ้าง แต่ทว่าก็ไม่ใช่ความผิด หากเรามองพวกเขาแบบเข้าใจ

 

๑๐

ยกตัวอย่างฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาขึ้นมาสามคน เช่น

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เกิดปี ๒๔๙๗ อายุ ๖๗ ปี

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เกิดปี ๒๔๘๘ อายุ ๗๖ ปี

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เกิดปี ๒๔๙๒ อายุ ๗๒ ปี

๑๑

หากเปรียบเทียบจะเห็นได้ชัดถึงความแตกต่าง นี้คือคนรุ่นปู่รุ่นตา กับรุ่นหลาน เรามองออกว่าฝ่ายหนึ่งหวาดกลัวอะไร กลัวว่าถ้าถอยให้หน่อย อีกฝ่ายจะได้ใจ ให้คืบจะเอาศอก จึงข่มขู่ จึงต้องจัดการอย่างเด็ดขาด ต้องกักขัง หน่วงเหนี่ยว ทำร้าย ปราบปราม หรืออาจบางทีอาจจะต้องรุนแรงกว่านั้น

๑๒

สมมุติให้พวกเขามีอายุยืนถึงคนละ ๑๐๐ ปี แต่ทว่าใน ๒๐-๓๐ ปีที่เหลืออยู่ พวกเขาก็ต้องนั่งรถเข็น หรือเดินถือไม้เท้า ที่จริงวันนี้ คุณประวิตรเองก็เดินตัวสั่น มีอาการอย่างเห็นได้ชัด ว่ามาถึงวัยสนธยา

เราต้องมองสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง

 

๑๓

ฉันเจอเศรษฐีคนหนึ่ง อายุ ๙๐ ปี เขาแก่ชรามากแล้ว เดินตัวสั่น มือถือไม้เท้า แต่เขาก็ยังหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เขาบอกกับฉันว่า เขาไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร เขากินไม่มาก และมีความต้องการน้อยมาก แต่กระนั้นเขาก็ยังมีความสุข ความสุขที่ได้รู้ว่าตัวเองรวย

๑๔

คำพูดนี้สะท้อนจิตใจของมนุษย์ส่วนใหญ่ พวกเขารู้ตัว แต่ก็ยังมีความโลภ และความโลภนี้เองคือความสุขของพวกเขา คล้ายจะเหลวไหล แต่นี่คือความจริงอีกเช่นกัน คนจำนวนมากเคลื่อนไหวด้วยแรงแบบนี้

๑๕

ส่วนเด็กๆ ก็ยังเป็นเด็ก มีความฝัน พวกเขากล้าหาญอยู่แล้ว แต่ทว่าความกร้าว ทำให้พวกเขามาสู่จุดที่ก็ยอมแพ้ไม่ได้เช่นกัน ไม่มี option อื่นใด บางคนถึงกับอดอาหาร พวกเขาต้องสู้จนตัวตาย

มันมีความจำเป็นด้วยหรือ

 

๑๖

เรายังอยู่ในยุค common era ไม่ใช่ยุค supernova era วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น ยังเบาบางมากนัก ยังมีที่ว่างมหาศาลให้เราคุยกันได้ ยอมกันได้ เพียงแต่ผู้ใหญ่ต้องเริ่มก่อน ไม่ใช่การยอมตามข้อเสนอ แต่คือการผ่อนปรน ที่กลัวว่าให้คืบจะเอาศอก เป็นความกลัวไปเอง การปราบปรามอย่างเด็ดขาด ฆ่าพวกเขาได้ แต่แก้ปัญหาไม่ได้

๑๗

เด็กรุ่นใหม่มีจำนวนมากมาย ไม่ใช่แค่สามสี่คน ไม่ใช่แค่สามสี่สิบคน แต่เป็นหมื่นเป็นแสน คุณจะไปปลุกพวกเขาให้ลุกขึ้นมาหรือ เมื่อตื่นแล้วจะให้พวกเขาไปไหน

๑๘

หัวใจของเรื่องอยู่ที่ว่า พวกคุณมองพวกเขาเป็นเด็กไหม หรือพวกคุณคิดว่าพวกเขาเป็นผู้ใหญ่ คำถามนี้ตอบยาก เพราะมันเป็นพื้นที่สีเทา มองได้หลายมุม คนส่วนใหญ่จะมองแบบเข้าข้างตัวเอง ได้ยินเสียงที่ตัวเองอยากได้ยิน พวกเขาก็อาจตอบว่า คนเหล่านี้ไม่ใช่เด็กแล้ว เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองกระทำ

แต่มันก็ยังไม่จริงทีเดียว มันเป็นสีเทา มันมองได้หลายแง่ อยู่ที่คุณเลือก