อนุสรณ์ ติปยานนท์ : In Books We Trust (15) หนังสือแห่งความหวัง (4)

 

In Books We Trust (15)

หนังสือแห่งความหวัง (4)

 

อีกหนึ่งสัปดาห์ที่เขาหายไปจากโรงเรียน เช้าวันจันทร์แทนการไปโรงเรียนเช่นเคย เด็กหนุ่มง่วนกับการล้างขวดโหลที่ค้นมาได้จากห้องเก็บของ เขาขัดมันด้วยขี้เถ้าในรอบแรก ก่อนจะใช้น้ำสบู่และน้ำส้มสายชูทำความสะอาดมันอีกครั้ง เมื่อตั้งอยู่กลางแสงแดด ผิวของมันสะท้อนแสงแดดแวววาว

เขารอจนมันแห้งสนิท เอามันเข้ามาในร่ม ปล่อยให้ขวดโหลมีอุณหภูมิปกติก่อนจะบรรจงตักน้ำฝนในโอ่งใส่ขวดโหลนั้นและปล่อยปลากัดที่เขาได้มาลงไป

หลังจากนั้นเขาเอาใบก้ามปูใส่ตามลงไป สีสันจากปลายหางของปลากัดจีนตัวดังกล่าวสะท้อนแสงเป็นสีรุ้ง เมื่อมันว่ายหางของมันที่เป็นสีรุ้งตัดกับเหลือบรุ้งจากน้ำในโถราวกับภาพมายา

เด็กหนุ่มใช้เวลาตลอดวันนั่งดูปลากัดตัวนั้นว่ายไปมาและใช้เวลาตลอดคืนวาดภาพมัน

เขาพบว่าการวาดภาพปลากัดเพียงลำพังนั้นไม่ยากเย็นแต่การวาดภาพปลากัดในขวดโหลแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

เขาจะทำเช่นไรให้ผู้ที่ดูภาพของเขาเห็นถึงความใสกระจ่างของขวดโหลแบบเดียวกับที่เขาเห็น

ความใสกระจ่างไม่ใช่สีขาว ไม่ใช่สีเทา มันคือการสร้างความขัดแย้งให้สมองและดวงตาของเราคิดถึงอากาศที่อยู่ภายในวัตถุนั้นๆ

ความสามารถของเขาไม่เพียงพอ ความรู้ของเขานั้นไม่เพียงพอ

เขาจมอยู่กับทางแก้ ค้นหาภาพจากหนังสือศิลปะภายในบ้าน เขาพบคำว่าการไล่เล่นแสงเงา หรือ Chiaroscuro ที่ดูใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาค้นหา

เขาดูภาพหญิงสาวที่ใส่ต่างหูของเวอร์เมียร์

เขาดูภาพหุ่นนิ่งของผลไม้โดยคาราวัจโจ้

เขาเห็นความงามในนั้น เขาเห็นอัจฉริยภาพในนั้น หากแต่เขาไม่อาจสร้างสรรค์ปรากฏการณ์ที่เห็นเหล่านั้นออกมาได้จากฝีมือของตนเอง

ความล้มเหลวในการถ่ายทอดสิ่งที่ตาเห็นให้เป็นสิ่งหรือภาพที่จับต้องได้ทำให้เขาไร้เรี่ยวแรง เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกที่เคยมีและเป็นกำลังถอยห่างจากเขาไปทุกขณะ

เขารู้สึกเหมือนดังโรงเรียนกำลังเป็นสิ่งแปลกหน้า บ้านกำลังเป็นสิ่งแปลกหน้า เพื่อนและมิตรกำลังเป็นสิ่งแปลกหน้า

เขาไม่รู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งใดเลย เขาไม่รู้สึกอยากผูกมิตรกับสิ่งใดเลย

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังยึดโยงเขาไว้กับโลก มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขายังอยากมีชีวิตอยู่

เด็กสาวร่วมชั้นที่มีชื่อว่า “ปิ่น”

 

เขาไม่แน่ใจว่าความรู้สึกคุ้นเคย มีความหวัง มีความปรารถนา ที่เขามีต่อ “ปิ่น” นั้นเป็นความรักหรือไม่

เขารู้เพียงอย่างเดียวว่าเธอเป็นสิ่งที่ทำให้เขายังอยากมีชีวิตอยู่จนถึงนาทีนี้

การพูดถึงความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ไม่ได้หมายความว่าเขากำลังคิดถึง “ความตาย” นั่นเป็นเรื่องที่ไม่มีในความคิดคำนึงของเขา

ความตายดูจะเป็นสิ่งท้ายสุดที่เขาจะคิดถึง ความไม่อยากมีชีวิตอยู่ของเขานั้นหมายถึงการสาบสูญไป

เขาคิดถึงการเข้านอนในยามค่ำและกลายร่างเป็นอากาศ สูญหายไปเช่นนั้นต่างหากเล่า

เขาอยากจากทุกสิ่งไปราวกับเปลวไฟที่ดับลง ไม่มีร่องรอยให้สืบค้น เสาะหาอีกต่อไป เขาอยากสาบสูญไปในแบบนั้นเอง

ทว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ไม่เคยมีใครสาบสูญไปดังอากาศธาตุ ดังเปลวไฟที่มอดดับลง มนุษย์หลงเหลือบางสิ่งไว้เสมอยามจากไป

ดังนั้น เขาจึงกลับมามีชีวิตปกติ พยายามซ่อนความรู้สึกว้าวุ่นสับสนที่เกิดขึ้นภายในใจ เขาไม่ไปโรงเรียนหากแต่ใช้เวลานั่งมองปลากัดในขวดโหล สลับกับการค้นคว้าทางศิลปะอย่างบ้าคลั่ง

สำหรับเด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง สิ่งที่เป็นความรู้สำหรับเขาในยามนี้อาจใช้คำว่ามากเกินพอได้

แต่มันเป็นความรู้ที่เขารู้สึกเพียงว่ามันดำรงอยู่ในตัวเขา ไร้ประโยชน์สำหรับผู้อื่น และไม่มีความจำเป็นใดๆ สำหรับการมีชีวิตอยู่ในอนาคต ไม่มีใครอยากวาดกระจกให้ใสราวกับมีอากาศภายใน ไม่มีใครอยากวาดการไล่เรียงของแสงเพียงเพื่อจะทำให้ตนเองพอใจ

ทั้งหมดนี้เป็นความพยายามที่มากเกินไปโดยเฉพาะกับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

 

ปลากัดจีนตัวนั้นต้องการการดูแลมากกว่าที่เขาคิด เขาสังเกตพบว่าไม่นานนักปลายหางของมันเริ่มขาดวิ่น ดูเหมือนว่ามันถูกบางอย่างทำร้ายอย่างไม่ทราบสาเหตุ

เขาวางขวดโหลนั้นไว้ที่ปลายหัวนอน เขานอนโดยเห็นมันเป็นภาพสุดท้ายเสมอ สิ่งที่ทำร้ายมันต้องมีฝีเท้าที่เบามาก เขาคิดว่าคงเป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง

อาจเป็นสัตว์ที่หากินอยู่ตามเพดานและภายในห้องของเขา

แรกเริ่มเขาคิดถึงการปิดฝาขวดโหลเพื่อปกป้องมันแต่เมื่อลองทำแล้วเขาก็พบว่ามันให้ความรู้สึกอึดอัดที่บอกไม่ถูก

แน่นอนที่ปลากัดตัวนั้นไม่รับรู้อะไรมากไปกว่านี้ หากแต่สภาพเช่นนั้นเขารู้สึกราวกับการขังมันไว้ในกรง

และเขาไม่อาจยอมรับสภาพนั้นได้ เขานำมันมาเลี้ยงเพื่อให้มันมีชีวิตที่ดีกว่าเดิมไม่ใช่เพื่อกักขังมัน

ในที่สุดเขาก็พบทางออก เขาใช้ผ้าลูกไม้ของแม่ ตัดเป็นผ้าสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่นักแล้วคลุมไปที่ปากขวด อากาศถ่ายเทได้ ภยันตรายสูญหาย

และแทนการหมกตัวในห้อง ทุกเย็นเขาจะไปที่คูน้ำข้างบ้าน ช้อนลูกน้ำเท่าที่มีมาให้มัน กระชอนของเขามีขนาดเล็ก เขาจึงช้อนลูกน้ำมาได้แค่เป็นอาหารวันต่อวัน

แต่ความลำบากเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาใส่ใจ เขาเลิกคิดถึงการไปบ้านเพื่อนเพื่อเล่นฟุตบอลหรือนั่งเล่นกีตาร์ร่วมกัน

เขากลับไปเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง เด็กน้อยที่มีสัตว์เลี้ยงของตนเองเป็นปลาตัวหนึ่ง

 

ทว่าก่อนวันสิ้นสัปดาห์นั้น เพื่อนคนหนึ่งของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้าน “มีการสอบในวันรุ่งขึ้น” เพื่อนของเขากล่าว

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นายหายไปจากโรงเรียน อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้จะมีการสอบในวิชาสำคัญ”

เขากล่าวขอบคุณเพื่อน วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเกินกว่าเขาจะตั้งตัวทัน เขากินอาหารมื้อค่ำอย่างลวกๆ ก่อนจะหยิบหนังสือประจำวิชานั้นมาอ่านตลอดคืน

เมื่อรุ่งเช้ามาถึง เขาอาบน้ำ แต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักเรียน นี่เป็นวันศุกร์ วันที่ทุกคนคิดถึงการพักผ่อน แต่กลับเป็นว่านักเรียนในชั้นต้องจมอยู่กับความทุกข์เพราะแรงกดดันจากการสอบ

เขาออกจากบ้านแต่เช้าโดยไม่ลืมหยิบนวนิยายขุนศึกที่เขาได้มาติดมือไป

เขาจะเอาหนังสือเล่มนั้นไปวางไว้ในห้องสมุดรอปิ่น อย่างน้อยแม้วันนี้เขาจะสอบได้ไม่ดีนัก การที่เขาทำให้ปิ่นได้อ่านนวนิยายเรื่องนี้ต่อก็เป็นสิ่งที่ดีที่เกิดขึ้นกับเขา

เขาไปถึงห้องสมุดเป็นคนแรก บรรณารักษ์ผู้นั้นมาถึงหลังเขาราวสิบห้านาที เขาดูมีสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเด็กหนุ่มแจ้งว่าเขามีสอบในวันนี้ บรรณารักษ์ก็จัดแจงเปิดประตู เปิดไฟในห้องสมุดให้เขาอย่างเต็มใจก่อนที่เขาจะหายไปชงกาแฟเช่นเคย

เด็กหนุ่มเอาหนังสือนวนิยายขุนศึกเล่มที่หกแทรกลงในชั้น

หลังจากนั้นเขาตรงไปที่ชั้นหนังสือที่บรรจุหนังสือเกี่ยวกับภาษาฝรั่งเศส เขาทบทวนความรู้ที่ท่องมาเมื่อคืนเทียบเคียงเข้ากับตำราภาษาในห้องสมุด

ไม่นานนักปิ่นก็ปรากฏตัวขึ้น เธอตรงมาที่ชั้นหนังสือภาษาเช่นกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอกำลังหมกมุ่นกับวิชาที่จะสอบเช่นเดียวกันกับเขา หากแต่เธอไม่ได้พลิกหนังสือ เธอเพียงแต่วางหนังสือของเธอลงบนโต๊ะ หยิบวิทยุเทปขนาดเล็กขึ้นวางลงทับหนังสือ เสียบหูฟังเข้ากับเครื่องและใส่หูฟังนั้นครอบลงบนศีรษะ

เธอทบทวนภาษาผ่านทางเสียง ผ่านทางหูของเธอไม่ใช่ดวงตา

 

เมื่อเสียงออดเตือนการเคารพธงชาติดังขึ้น ปิ่นเก็บของออกจากห้องสมุด เธอไม่ได้ตรงไปที่ชั้นหนังสือ เธอไม่ได้หยิบนวนิยายขุนศึกเล่มที่เขาเตรียมมาติดมือไป เด็กหนุ่มเดินตามปิ่นไปยังแถวประจำชั้น การสอบเริ่มต้นขึ้นตลอดช่วงเช้าจนถึงเวลาเที่ยงตรง

เป็นการสอบที่ยาวนานมากครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา เด็กหนุ่มทำข้อสอบได้ไม่ดีนักแต่ก็ไม่เลวร้าย

เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง เพื่อนของเขาก็รุมล้อมเขา ถามเขาถึงการหายไปจากโรงเรียน

เขาตอบคำถามดังกล่าวพลางเล่าถึงสัตว์เลี้ยงตัวใหม่เพียงเล็กน้อยก่อนจะขอตัวกินอาหารกลางวัน

หลังจากนั้นการสอบในช่วงบ่ายที่เป็นภาษาอังกฤษก็เริ่มขึ้น การสอบเสร็จสิ้นตอนบ่ายสี่โมง ทุกคนออกจากห้องสอบด้วยอาการอ่อนเพลีย เด็กหนุ่มเห็นปิ่นเดินขึ้นรถส่วนตัวของเธอหลังจากนั้น

และไม่นานนักคนขับรถของเธอก็พาเธอออกไปจากโรงเรียน