ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 มิถุนายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | My Country Thailand |
ผู้เขียน | ณัฐพล ใจจริง |
เผยแพร่ |
My Country Thailand
ณัฐพล ใจจริง
อาคารสมาคมคณะราษฎร
ณ สวนสราญรมย์
สถาปัตยกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติ 2475 เป็นการออกแบบอาคารที่เชื่อมโยงกับความคิด อุดมการณ์ของระบอบการปกครองใหม่อย่างแนบแน่น จนเรียกกันว่า สถาปัตยกรรมคณะราษฎร
(ชาตรี ประกิตนนทการ, 2552)
อาคารสมาคมคณะราษฎร
ที่ทำการพรรคการเมืองแรก
รูปลักษณะอาคารสมัยคณะราษฎร มักมีพานรัฐธรรมนูญเป็นสัญลักษณ์ อาคารเรียบเกลี้ยงไร้ลวดลายตามแบบจารีตประเพณี เส้นสายรูปทรงดูแข็งกร้าว แต่มั่นคง หลังคาจากภายนอกมองเห็นเป็นหลังคาตัด มีการนำสัญลักษณ์ทางการเมืองของหลัก 6 ประการเข้ามาเป็นองค์ประกอบอาคาร เช่น เสา บานหน้าต่าง บานกระจก ขั้นบันได
ช่วงแรกเริ่มของการจัดตั้งสมาคมคณะราษฎร ยังไม่มีที่ทำการ จึงใช้โรงเรียนกฎหมายเป็นที่ทำการชั่วคราว
ต่อมาจึงย้ายมาสวนสราญรมย์ และตั้งเป็นสโมสรคณะราษฎร ปี 2477
หลวงพรมโยธี สมาชิกคณะราษฎร เล่าสาเหตุการจัดตั้งว่า “การจัดตั้งสมาคมการเมืองขึ้นเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพื่อจะได้ใช้สมาคมเป็นที่เผยแพร่ให้ความเข้าใจ และรักษาระบอบการปกครองที่ได้สถาปนาขึ้นใหม่ คือระบอบประชาธิปไตย ในการปกครองระบอบนี้ มีหลักการอันหนึ่งที่เห็นว่าจะต้องเป็นคู่กัน คือพรรคการเมือง ตามความเข้าใจโดยทั่วๆ ไปนั้น การปกครองระบอบนี้จักต้องมีพรรคการเมืองอย่างน้อยสองพรรค คือพรรคที่เป็นรัฐบาล กับพรรคฝ่ายค้าน โดยหลักการเช่นนี้ เมื่อสมาคมคณะราษฎรได้ตั้งขึ้นแล้ว จึงมีผู้ก่อตั้งคณะชาติขึ้น ในรูปพรรคการเมืองอีกคณะหนึ่ง” (มังกร พรมโยธี, 2502)
แต่ด้วยเหตุที่สมาคมคณะราษฎรได้รับความนิยมมากจึงนำไปสู่ความพยายามตั้งสมาคมคณะชาติเป็นพรรคฝ่ายค้าน
แต่สุดท้าย กลุ่มอนุรักษนิยมตัดสินยุบสมาคมคณะราษฎรลง ทำให้การแข่งขันด้วยพรรคการเมืองตามหลักการประชาธิปไตยจึงมิอาจเกิดขึ้นได้
เนื่องจากรัฐบาลเห็นว่า ยังไม่ถึงเวลาอันควร จึงให้ระงับสมาคมการเมืองเสีย
ต่อมาเกิดกบฏบวรเดชขึ้น สมาชิกสมาคมยุคบุกเบิกเล่าว่า พวกเขาช่วยพิทักษ์ประชาธิปไตยว่า “เดือนตุลาคม 2476 คณะราษฎรอันเป็นรัฐบาลทำการปราบขบถสำเร็จเด็ดขาด ผมและเพื่อนๆ มีส่วนไปร่วมช่วยเหลือตามคำเรียกร้องของฝ่ายรัฐบาลติดตามกองทหารตั้งแต่บางซื่อ-บางเขน-หลักสี่-ดอนเมือง-ปากช่อง ต่อมามีความดีความชอบได้รับพระราชทานเหรียญปราบขบถ หรือเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ…” (จรูญ เสตะรุฐิ, 2507)
ต่อมา สมาคมคณะราษฎรจึงเปลี่ยนเป็น “สโมสรคณะราษฎร” มีวัตถุประสงค์ทำนองเดียวกับสโมสรทั่วไป (มังกร, 2502)
จากสมาคมการเมือง
สู่สโมสรคณะราษฎร
ในสายตาฝ่ายนิยมประชาธิปไตย บันทึกว่า “คณะราษฎรปฏิวัติชนะ คณะราษฎรปราบขบถสำเร็จ ผมบูชา-ผมเลื่อมใส ผมและเพื่อนรุ่นหนุ่มในเวลานั้นจึงรักคณะราษฎร ในฐานะวีรบุรุษแห่งยุค” (จรูญ, 2507)
ร.ต.เนตร สมาชิกคณะ ร.ศ.130 เลขานุการสโมสรคณะราษฎรคนแรก เล่าว่า “จรวดนำดาวเทียมวิ่งเร็วเพียงใด อุดมคติของคณะราษฎรก็แล่นออกไปแทบทั่วทุกจังหวัดเพียงนั้น… พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทำให้ราษฎรทั่วประเทศ ทั้งไทยและต่างด้าวพากันเลื่อมใสศรัทธาอย่างอบอุ่น เป็นปัจจัยให้อุดมการณ์ของสโมสรคณะราษฎรดำเนินสะดวกและทำงานประสานกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เป็นเหตุให้ฝ่ายตรงข้ามสงบเงียบไป” (เนตร พูนวิวัฒน์, 2502)
ร.ต.เนตรเล่าต่อว่า “ครั้งหนึ่ง ท่านเจ้าคุณพหลฯ ได้กล่าวจากใจจริงในที่ประชุมกรรมการสโมสรคณะราษฎรว่า ถ้าหากมีเหตุอันใดทำให้สโมสรคณะราษฎต้องล้มเลิกไป ผมจะยกป้ายสโมสรคณะราษฎรไปติดตั้งที่บ้านของผม โดยจะไม่ยอมให้ชื่ออันเป็นอนุสรณ์ของคณะราษฎรนี้สูญหายไปเป็นอันขาด”
การสร้างความมั่นคงให้ประชาธิปไตย สมาชิกบุกเบิกเล่าว่า “ผมได้มีส่วนร่วมเดินทางไปกับสมาชิกคณะราษฎรตามจังหวัดต่างๆ เพื่อเผยแพร่ความรู้เรื่องรัฐธรรมนูญต่อประชาชนตามต่างจังหวัดด้วยความสมัครใจอย่างยิ่งของเด็กหนุ่มผู้ถูกอบรมให้นิยมชมชอบระบอบประชาธิปไตยในเวลานั้นตามอุดมคติของเด็กหนุ่มวัยรุ่น” (จรูญ, 2507)
อาคารสมาคม
สําหรับอาคารสมาคมคณะราษฎร ตั้งที่สวนสราญรมย์นั้น ภูมิหลังของสวนนี้สร้างขึ้นในระบอบเก่าเป็นสวนตามแบบยุโรป เคยใช้จัดงานฤดูหนาว ภายหลังการปฏิวัติ กระทรวงวังมอบให้รัฐบาล เนื่องจากไม่มีงบประมาณบำรุง ต่อมา สมาคมจึงย้ายที่ทำการจากโรงเรียนกฎหมายมาที่นี่
ที่ทำการใหม่ สร้างแบบสมัยใหม่ มี 2 ชั้น ออกแบบอย่างเรียบง่าย เน้นเส้นตรง ด้านหน้ามีสัญลักษณ์พานแว่นฟ้ารองรับรัฐธรรมนูญประดับด้วยกระจกสี เทินอยู่บนแท่นสูง ประดับอยู่กลางผนังหน้าอาคาร มีเสาค้ำยันหลังคา 8 ต้น และมีบันได 6 ขั้น สำหรับเดินขึ้นอาคาร
สันนิษฐานว่า อาคารน่าจะสร้างขึ้นในช่วงหลังมิถุนายน 2475 จากความทรงจำของสมาชิกคนหนึ่งเล่าว่า เขาเห็นอาคารทื่ทำการในงานฉลองรัฐธรรมนูญ 2476 “ผมได้เข้าไปเที่ยวสวนสราญรมย์เห็นความโอ่อ่าของตัวอาคารที่ใช้เป็นที่ทำการสโมสรคณะราษฎรเป็นครั้งแรก” (ทรงพันธุ์ บุนนาค, 2507)
จากความทรงจำของข้าราชการผู้น้อย เล่าว่า สมาคมคณะราษฎรเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีสมาชิกเป็นจำนวนหมื่น โดยเฉพาะบุคคลชั้นยอดของคณะปฏิวัติที่น่าสรรเสริญยกย่อง ความเป็นนักประชาธิปไตยของท่านเหล่านั้นคือ ท่านให้ความสนิทสนมแก่บรรดาสมาชิกทุกคนอย่างเป็นกันเอง
ความรื่นเริงของราษฎร
ณ สวนสราญรมย์
เพียง 2 ปีภายหลังการปฏิวัติ รัฐบาลจัดประกวดนางงามในงานฉลองรัฐธรรมนูญ เพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนให้มีความเข้าใจ เลื่อมใสในคุณค่าของรัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตย
ในงานฉลองมีกิจกรรมบันทิงแก่ราษฎร เช่น ลิเก งิ้ว จำอวด ละครร้อง หนังกลางแปลง ร้านขายของ นั่งรถไฟเล็ก มีคนเข้าชมแน่นขนัด งานฉลองหลังปราบกบฏบวรเดชเป็นงานใหญ่กว่าปีที่ผ่านมามาก งานได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมหาศาล (ปรีดี หงษ์สต้น, 2562)
กล่าวโดยสรุป ภายหลังการปฏิวัติ สวนสราญรมย์กลายเป็นพื้นที่แห่งเสรีภาพ ความเท่าเทียม ความหวังของสามัญชน อีกทั้งเป็นสถานที่จัดงานฉลองรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นมหกรรมงานเฉลิมฉลองสาธารณะของประชาชนโดยตรงที่สำคัญที่สุดภายหลังการปฏิวัติ 2475-ก่อนยุคสงครามเย็น (ปรีดี , 2562)
ชะตากรรมของสโมสรราษฎร์สราญรมย์
“หลังยุคคณะราษฎร”
หลังการสิ้นอำนาจของจอมพล ป. คณะรัฐมนตรีสมัยจอมพลสฤษดิ์มีมติมอบสวนให้แก่กรุงเทพมหานครในปี 2503 เพื่อปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ พร้อมกับการเปลี่ยนวันชาติ ดังประกาศสำนักนายกฯ ว่า
“ด้วยคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นว่า ตามที่ได้กำหนดให้มีการเฉลิมฉลองวันชาติไทยในวันที่ 24 มิถุนายนนั้น ได้ปรากฏในภายหลังว่ามีข้อที่ไม่เหมาะสมหลายประการ…จึงสมควรจะถือเอาวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์เป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทยต่อไป โดยยกเลิกวันชาติในวันที่ 24 มิถุนายน เสีย…และให้ถือเอาวันพระราชสมภพของพระมหากษัตริย์เป็นวันเฉลิมฉลองของชาติไทยด้วยต่อไปตั้งแต่บัดนี้ ประกาศ ณ วันที่ 21 พฤษภาคม 2503”
ดังนั้น ดูเหมือนสิ่งที่ ร.ต.เนตรวิตกนั้นใกล้ความเป็นจริงมากว่า “หากสโมสรราษฎร์สราญรมย์ยังคงมีงานฉลองประจำปีอยู่ตราบใด ‘วันชาติประชาธิปไตย’ ก็ยังดำรงอยู่ตราบนั้น” (ร.ต.เนตร, 2507)
ต่อมา คณะรัฐมนตรีสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในปี 2524 มีมติทราบการรื้อย้ายสโมสรราษฎร์สราญรมย์ และไม่อนุญาตให้สโมสรใช้อาคารและสถานที่สวนสราญรมย์ และให้กรุงเทพมหานครจ่ายค่าทดแทนแก่สโมสร ถือเป็นการยุบสลายสโมสรที่เก่าแก่ซึ่งเป็นมรดกตกทอดมาจากจุดเริ่มต้นประชาธิปไตยของไทยลงไป
ปัจจุบัน อาคารที่ทำการสมาคมถูกใช้งานเป็นที่ทำการสำนักงานของสวนสราญรมย์ กรุงเทพมหานคร
แม้นในทางรูปธรรรม สโมสรอันเป็นที่ชุมนุมของประชาชนที่นิยมประชาธิปไตยที่มีประวัติการก่อตั้งมาจากการปฏิวัติต้องสลายตัวลงในปี 2524 ก็ตาม
แต่พร้อมกันนั้น ช่วงทศวรรษ 2520 เริ่มเกิดกระแสภูมิปัญญาฟื้นฟูและประเมินความสำคัญของวันชาติ 24 มิถุนายน และเหตุการณ์ปฏิวัติ 2475 ใหม่
ท่ามกลางการอสัญกรรมของนายปรีดี พนมยงค์ ในปี 2526 ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูภาพลักษณ์นายปรีดี และเหล่าคณะราษฎรให้กลับมาสู่วงวิชาการและการรับรู้ของสังคมต่อมา