“ลุงตู่” ชงเอง ชิมเอง ผ่านฉลุย ไม่มีหือ มีอือ “ตบจูบ” สงครามแหกตา/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

“ลุงตู่” ชงเอง ชิมเอง

ผ่านฉลุย ไม่มีหือ มีอือ “ตบจูบ” สงครามแหกตา

 

“ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565” ล่อกันนัว 3 วัน 3 คืน แต่เชื่อหัวเณรเรืองได้ล่วงหน้าว่า จะผ่านพิจารณา “วาระแรก” ล้านเปอร์เซ็นต์

“งบประมาณปี 2565” ยอดกลมๆ 3.1 ล้านล้านบาท ประกอบด้วยรายจ่ายประจำ 2.3 ล้านล้านบาท ดีดลูกคิดออกมาตามสัดส่วนร้อยละ 76 รายจ่ายลงทุน 6 แสนล้านบาท สัดส่วนร้อยละ 20

แปลกแต่จริง งบประมาณรายจ่ายปี 2565 ที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชงตั้งไว้ น้อยกว่าของปี 2564 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 3.28 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเฉียด 2 แสนล้านบาท แต่ไม่ใช่ติดต่อมประหยัด มัธยัสถ์ แต่เรื่องมันจำเป็นตามไฟต์บังคับ “หนี้สาธารณะ”

กระนั้นก็ตาม เมื่อแยกย่อยซอยยิก งบฯ 2565 ของแต่ละกระทรวงทบวงกรม การจัดสรรงบประมาณ ถือว่าเซียนระดับขี่เมฆ ไม่ได้เล่นไพ่โกง แต่มีรายการเหยียบตีนกันกลายๆ เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์” สามารถโซโลเดี่ยวได้หลายเม็ด

ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูประหนึ่งว่า ใจสปอร์ตยอดขุนพล ที่ชงตั้งงบฯ ทหารงวดนี้น้อยมาก 2 แสนล้านบาท จิ๊บๆ แค่ร้อยละ 6.6

แต่ในทางปฏิบัติ “บิ๊กตู่” สามารถหยิบชิ้นปลามันได้ง่าย เคี้ยวสบายเหงือก ยังกับขนมกรุบอีกบานตะเกียง ในตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี”

กองที่มากที่สุด คือ “งบฯ กลาง” ตั้งไว้สูงถึง 571,047 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 18.4 แล้วยังมีส่วนราชการในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี 34,017 ล้านบาท อีกร้อยละ 1.1

นำงบประมาณปี 2565 จำนวน 3 ส่วนที่อยู่ในอาณัติ “ลุงตู่” สามารถชงเอง ชิมเอง จากกระทรวงกลาโหม+งบฯ กลาง+สำนักนายกฯ ศิโรราบรวม 26.1 ของยอดรวม 3.1 ล้านล้านบาท น้อยซะเมื่อไหร่

ใครที่อุตริคิดสบประมาทว่า “พล.อ.ประยุทธ์” อย่าว่าอะไรเลย เปิดร้านขายข้าวมันไก่ยังเจ๊ง ขอให้คิดใหม่ เข้าทำนองรูปลักษณ์ดูไม่หล่อ แต่มีนวลนางอยู่ข้างกายเพียบ ว่างั้นเถอะ

ศึกอภิปรายงบประมาณ เรียกน้ำย่อยโดยฝ่ายค้าน “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งต้องยอมรับว่า ชั่วโมงนี้หมดน้ำยา ไม่ต่างอะไรกับผัก ต้องเร่งกู้วิกฤตศรัทธากลับคืนโดยไว ไม่งั้นจบเห่

 

ชั้นบรรยากาศการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 มีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า ไม่เสียแรงติดตามดูชมการถ่ายทอดสด ไคลแมกซ์อยู่ที่คิวของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย พรรคร่วมเบอร์ต้นๆ ของรัฐบาล “บิ๊กตู่”

ยุคนี้ประเทศตกอยู่ในวังวนการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบที่ 3 แต่กระทรวงสาธารณสุขที่ “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” นั่งว่าการ ควบด้วยสายบังคับบัญชารองนายกฯ โดยตำแหน่ง กลับได้จัดสรรงบประมาณลักษณะย้อนศร วิ่งลงเขาเพียง 153,940 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 5.0 บ๊วยติดคอหอย

“ชาดา ไทยเศรษฐ์” อภิปรายว่า เป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่ให้เกียรติพี่น้องประชาชน เพราะสถานการณ์โควิดเช่นนี้ สำนักงบฯ แทนที่จะจัดงบฯ มาสนับสนุนการทำงาน กลับตัดงบฯ กระทรวงสาธารณสุขแทบทุกกรม ทุกส่วน ทั้งที่มีภารกิจต้องดูแลประชาชน แต่ท่านบอกว่าจะไปใช้งบฯ กลาง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำลำบาก ตัดแม้แต่งบฯ ปฐมภูมิที่ต้องดูแลประชาชนโดยตรง ถือว่าใจดำมาก จึงอยากให้สภาพัฒน์พิจารณาและทบทวนบทบาทหน้าที่ตัวเองใหม่

“หรือสำนักงบประมาณคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา) จะไม่รักนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเสียแล้ว ท่านถึงตัดงบประมาณแบบนี้ ผมอยากจะบอกว่า หัวหน้าครับ ถ้าเขาไม่รักก็กลับบ้านเราเถอะ”

นักเลง เมื่อถึงเวลาหาญกล้า ก็พร้อมดับเครื่องชน “ชาดา ไทยเศรษฐ์” ไม่ใช่ ส.ส.ธรรมดา เป็นถึงแม่ทัพภาคกลาง รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แม้เนื้อหารวมๆ จะตัดพ้อ ต่อว่าต่อขานสำนักงบประมาณ-สภาพัฒน์ แต่น่าจะ “จงใจ” สื่อสารถึง “พล.อ.ประยุทธ์” มากกว่าใครอื่น

เพราะไม่เพียงแต่งบประมาณกระทรวงสาธารณสุข ถูกกวาดกระดานเหลือแต่ตอ ตัวเลขจมปรักอยู่โซนท้ายตาราง หากแต่ก่อนหน้านี้ “บิ๊กตู่” ก็ทำการปฏิวัติเงียบ ยึดอำนาจ ด้วยการออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน

รวบศูนย์อำนาจ ผู้อำนวยการศูนย์ ศบค.ผ่องถ่ายจากรองนายกฯ-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แกะจากมือ “เสี่ยหนู” มาไว้ที่ตัวเอง

แล้วยังบินข้ามเขตไปกดดัน-บีบเค้นกระทรวงคมนาคม งานในการกำกับดูแลของ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เลขาฯ พรรคนั่งว่าการ ทั้งปมรถไฟฟ้าสาย “สีส้ม-สายสีเขียว” และขยายเพดานความเห็นต่างไปถึงแผนฟื้นฟูการบินไทย

ศึกอภิปรายงบประมาณ 2565 โอกาสเหมาะเจาะที่สุดที่ภูมิใจไทยจะได้เวลา “ถอนแค้น” ตามกลไกรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดอำนาจหน้าที่ของวุฒิสมาชิกไว้ 16 ประการ ซึ่งปรากฏว่า ไม่มี “พ.ร.บ.งบประมาณ”

หมายความว่า วุฒิสมาชิก 250 เสียง ไม่สามารถมาทำหน้าที่ฝักถั่ว ยกมือสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลได้ ว่ากันแค่ “สภาล่าง” เพียวๆ ดังนั้น หากเสียงสนับสนุนไม่ถึงครึ่ง 250 เสียง จาก 500 ที่นั่งเต็มจำนวน

รัฐบาล “บิ๊กตู่” ก็ต้องจอดป้าย มี 2 ชอยส์ให้เลือก ไม่ลาออก ก็ต้อง “ยุบสภา”

แต่งบประมาณประเทศไทย มันมี “หัวคิว”…บุญคุณ ความโกรธ ความแค้น ก็ต้องพักไว้ก่อน เพื่อ “หัวคิว” รอยร้าว-ช่องว่างระหว่างพรรคร่วม ที่ทำท่าจะปะฉะดะ-ชำระกัน ก็ต้องพักเอาไว้ก่อน

ประชุม ครม.อีกวัน “บิ๊กตู่” แค่ปนกระปอดกระแปดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ แม้สัญญาณจะติดขัด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ขอให้ช่วยๆ กัน ตรงไหนเกี่ยวข้องก็ให้ช่วยเร่งตอบ พร้อมตบท้ายได้แสบเข้าไปถึงทรวงว่า “ทุกคนปากโอเคหมด แต่ปล่อยให้ลูกพรรคออกมาซัดโครมๆ”

สุดท้าย งบประมาณ 2565 ผ่านวาระแรกฉลุย ไม่มีหือ มีอือ “ตบจูบ” ทำสงครามน้ำลายแหกตาชาวบ้านกันสนุก

จากนี้ไป โปรดติดตาม…การแต่งตั้งกรรมาธิการร่วม…เพื่อบริโภคงบฯ จัดสรรกันอย่างไร ขณะที่คนไทยยุคนี้ เรื่องราวเดือดร้อนยังไม่ทันแก้ไขหรือจัดการให้สงบดี ก็เกิดมีเรื่องใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก กลายเป็น 2 เรื่องซ้อนในคราวเดียวกัน ตามสุภาษิตไทย “ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก”

แต่ตกที่นั่ง “ฟาร์มวัวไม่ทันหาย ฟาร์มควายเข้ามาแทรก” มาเป็นคอกๆ เลยพากันบริโภคแกลบ