วิกฤตวัคซีน สั่นคลอนระบอบประยุทธ์ทั้งระบอบ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ความสิ้นหวังต่อระบอบประยุทธ์เป็นเรื่องที่คนไทยแค่มองตาก็รู้กัน และยิ่งรัฐบาลบริหารโควิดเลวร้ายขึ้นเท่าใด ความสิ้นหวังก็กลายเป็นความจงเกลียดจงชังรัฐบาลขึ้นเท่านั้น เพราะความห่วยของรัฐบาลทำให้ทุกคนมีสิทธิติดเชื้อ, ตาย หรือเข้าใกล้ความตายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย

รัฐบาลบริหารโควิดในเดือนเมษายนได้แย่จนเป็นปฐมบทแห่งความตายและเชื้อร้ายระบาดครั้งใหญ่ของประเทศไทย ความห่วยที่เข้าขั้นเฮงซวยทำให้เดือนพฤษภาคมเดือนเดียวมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 94,639 คน, ผู้ติดเชื้อสะสมทั้งประเทศ 159,792 ราย และคนตายจากเมษายนถึงพฤษภาคม 937 คน

ถ้าเทียบกับเดือนมีนาคมที่คนไทยติดเชื้อสะสม 28,863 และตาย 94 ราย ความเลวร้ายในการบริหารเดือนเมษายนก็เป็นเหตุให้คนไทยติดเชื้อพุ่งขึ้น 5 เท่า และคนตายติดเชื้อเพิ่มขึ้น 10 เท่า โดยที่ยังไม่มีวี่แววว่าอะไรจะดีขึ้น

มีแต่สัญญาณว่าทุกอย่างจะเดินหน้าสู่หายนะที่มากขึ้นกว่าเดิม

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ประเมินตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม ว่าประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้น 3 เท่าภายในสามสัปดาห์ และถ้าถือว่าคนไทยติดเชื้อเดือนพฤษภาคมเฉลี่ยวันละ 3,000 และตายวันละ 30 ก็เท่ากับเราอาจเจอสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อต่อวัน 9,000 และตาย 90 ช่วงวันที่ 11 มิถุนายน

ล่าสุด ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ยืนยันคำพูดเดิมอีกครั้งในวันที่ 30 พฤษภาคม ว่าตอนนี้เตียงผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจน่าจะใกล้หมดแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อตอนนี้ยังไม่ถึงจุดสูงสุด

และเราน่าจะได้เห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อหลักหมื่นต่อวันในอนาคตอย่างแน่นอน

แม้จำนวนคนตายและติดเชื้อแบบนี้จะมากจนดูไกลความจริง แต่ถ้าคำนึงว่า 27 พฤษภาคม มีคนตายวันเดียว 47 ราย ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งทะยานหลังจากนั้นทำให้มีโอกาสที่คนจะตายเพิ่มยิ่งกว่าลด และกระทั่งหมอนิธิพัฒน์ เจียรกุล ก็ประเมินในวันนั้นว่าผู้เสียชีวิตจะพุ่งนิวไฮในสิบวัน หรือ 7 มิถุนายน

คำถามที่ชวนสยดสยองคือหากตัวเลขผู้ติดเชื้อระดับวันละ 3,000 และตายระดับ 30-40 ทำให้เตียงผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจใกล้หมด รัฐจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 9,000-10,000 จนเกิดสถานการณ์ไม่มีเตียงรักษาผู้ป่วยหนักและผู้ป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ

ต่อให้ไม่ฉลาดระดับมีสมอง 84,000 เซลล์เท่าคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็รู้ว่านี่เป็นปัญหาระดับความเป็นความตาย

แต่รัฐบาลและองค์กรที่คุณประยุทธ์ตั้งขึ้นเหนือรัฐบาลอย่าง ศบค.ก็ไม่เคยตอบว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

จนไม่มีทางที่ใครจะไว้ใจและเชื่อมั่นว่าคุณประยุทธ์จะนำประเทศฝ่าวิกฤตนี้ได้เลย

 

คนตายเป็นใบไม้ร่วงและเชื้อที่ระบาดจนเกิดคลัสเตอร์หลายโรงงานคือฝันร้ายที่กลายเป็นจริง แต่ที่เลวร้ายกว่าคือการบริหารวัคซีนที่เลวร้ายถึงขีดสุด ความเชื่อมั่นต่อวัคซีนซิโนแวคตกต่ำจนไม่มีทางเยียวยา หมอยืนยันแอสตร้าเซนเนก้าไม่มาตามนัด ส่วนรัฐบาลก็ขวางไม่ให้ อบจ.ซื้อซิโนฟาร์มฉีดประชาชน

แม้องค์การอนามัยโลกจะรับรองให้ใช้ซิโนแวคไปในวันที่ 1 มิถุนายน แต่ความไม่เชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อซิโนแวคก็ยังไม่ดีขึ้น

การระดมฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวางเพิ่งจะเริ่ม และเดือนมิถุนายนยังไม่ใช่เดือนที่คนส่วนใหญ่ในประเทศจะได้ฉีดวัคซีนอย่างแน่นอน

ในกรณีของแอสตร้าเซนเนก้า ความระแวงเรื่องวัคซีนไม่มียังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องพูดถึงการมีข่าวว่าฟิลิปปินส์ได้รับแจ้งจากโรงงานแอสตร้าเซนเนก้าในไทยว่าการผลิตวัคซีนเกิดความล่าช้า, ขอจำนวนส่งวัคซีนเหลือ 1.17 ล้านโดส และขอเลื่อนเวลาจากสัปดาห์แรกของมิถุนายนเป็นกลางเดือนกรกฎาคม

ถ้าเปรียบเทียบประเทศไทยเป็นหุ้น เดือนมิถุนายนก็แทบไม่มีโอกาสเลยที่จะเกิดจุดกลับตัวไปสู่สถานการณ์ที่ดีกว่าเดิม

แนวโน้มทุกอย่างชี้ไปในทางที่ประเทศตกต่ำสู่จุดต่ำสุดยิ่งขึ้น ส่วนอีกนานแค่ไหนที่เราจะฟื้นตัวก็ไม่มีใครให้คำตอบได้ถึงขั้นไม่มีใครพูดเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป

คุณประยุทธ์รวบอำนาจไว้ที่ ศบค.โดยอ้างว่าวิธีบริหารแบบนี้คือทางออก

แต่ Single Command ของ ศบค.ไม่เคยตอบว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

การอภิปรายงบประมาณปี 2565 เป็นเวทีให้ผู้แทนประชาชนตั้งคำถามนี้กับคุณประยุทธ์

แต่คุณประยุทธ์ก็ยืนยันอย่างเหลือเชื่อว่าวิธีแก้ปัญหาโควิดที่ทำไปนั้นถูกทุกกรณี

รัฐบาลชอบพูดว่าอย่าเอาโควิดไปเล่นการเมือง แต่เชื้อร้ายและคนตายที่พุ่งกระฉูดขณะคุณประยุทธ์คุมทุกอย่างผ่าน ศบค.ทำให้การเมืองคือต้นเหตุแห่งหายนะจนปฏิเสธไม่ได้

ประชาชนมีสิทธิเต็มที่ที่จะด่าคุณประยุทธ์เรื่องนี้ ยกเว้นคุณประยุทธ์จะเป็นผู้นำที่ไม่รับผิดชอบเลย

คุณประยุทธ์ไม่ใช่นายกฯ ที่ประชาชนไว้ใจจนเลือกเป็นรัฐบาล การเขียนรัฐธรรมนูญให้ตัวเองตั้งวุฒิสภามาเลือกตัวเองเป็นนายกฯ ทำให้คุณประยุทธ์ทำสำเร็จในการยึดประเทศจากพรรคที่ชนะเลือกตั้งปี 2562 แต่ยิ่งนานความไม่ไว้ใจคุณประยุทธ์ยิ่งลามทุกเรื่องไม่เว้นแม้ความไม่เชื่อมั่นในวัคซีน

แน่นอนว่าคุณประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำประเทศเพียงคนเดียวที่สถานการณ์การระบาดเลวทราม แต่คุณประยุทธ์น่าจะเป็นคนแรกที่บริหารประเทศภายใต้สถานการณ์โควิดโดยไม่ฟังใคร, ไม่แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ และไม่ทำอะไรที่แสดงออกว่าคำนึงถึงความรู้สึกประชาชนแม้แต่นิดเดียว

ขณะที่ลาวเตรียมฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฟรีให้ประชาชน ส่วนรัฐบาลมาเลเซียบริจาคเงินเดือน 3 เดือนเข้ากองทุนเพื่อแก้ปัญหาโควิดทั้งหมด

คนไทยยังกังวลอยู่กับปัญหาวัคซีนไม่มี แผนฉีดวัคซีนเปลี่ยนไปมา การแก้ปัญหาเศรษฐกิจช่วงไวรัสระบาดผิดพลาด

และทหารนำเข้ารถถังจีนอีกสามคัน

ทุกวินาทีที่คุณประยุทธ์บริหารโควิด คือทุกวินาทีที่ประชาชนสะสมความไม่พอใจต่อคุณประยุทธ์ แผนของรัฐบาลและรัฐพันลึกที่จะใช้สถานการณ์โควิดทำให้คุณประยุทธ์เป็นวีรบุรุษแห่งชาติพินาศไปแล้ว เหลือเพียงแต่ทำอย่างไรให้คุณประยุทธ์รักษาอำนาจท่ามกลางเสียงสาปแช่งที่ดังขึ้นทุกวัน

ความไม่พอใจต่อวิธีแก้ปัญหาโควิดทั้งด้านเศรษฐกิจและสาธารณสุขทำให้คนสนใจข่าวประชุมสภา ตัวอย่างเช่น “อิงค์ วรันธร” ทวีตคำอภิปรายของ ส.ส.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เรื่องรัฐบาลซื้ออาวุธทั้งที่ตัดงบสาธารณสุข

ผลก็คือการมองเห็นต่อไปว่าคุณประยุทธ์มีปัญหามากกว่าเรื่องโควิดเรื่องเดียว

หนึ่งในประเด็นที่สภาวิจารณ์คุณประยุทธ์มากคือการจัดงบฯ แบบขาดดุลและกู้จนแทบทะลุเพดาน

ส.ส.ประชาธิปัตย์ซึ่งเคยเป็นดาวรุ่งธนาคารชาติและอดีตรัฐมนตรีช่วยคลังอย่างคุณพิสิฐ ลี้อาธรรม ถึงกับวิจารณ์ว่าคุณประยุทธ์จัดงบฯ แบบจงใจทำผิดกฎหมายถึงขั้นสภาไม่ควรรับรองการทำผิดนี้เลย

ภูมิใจไทยถล่มงบฯ ปีนี้เรื่องตัดงบฯ สาธารณสุขมากเกินไป แต่วิธีถล่มของภูมิใจไทยทำไปเพื่อขอเงินเพิ่มมากกว่าจะวิจารณ์ในแง่เนื้อหาสาระ

แต่ที่อัปยศมากกว่าคือคุณประยุทธ์ไม่ตอบคำวิจารณ์ที่เป็นเรื่องราวของฝ่ายค้านและประชาธิปัตย์

ส่วนกรณีภูมิใจไทยก็จบโดยเรียกคุณอนุทิน ชาญวีรกูล ไปเคลียร์

ความล้มเหลวของคุณประยุทธ์ในการแก้ปัญหาโควิดทำให้คนตาสว่าง และยิ่งตาสว่างก็ยิ่งเห็นว่าคุณประยุทธ์บริหารประเทศแย่แทบทุกเรื่อง ผลของการตาสว่างคือความสงสัยว่าทำไมคนแบบนี้ยึดประเทศได้นานขนาดนี้ และหลังจากนั้นก็คือการตาสว่างว่าอะไรคือต้นตอของปัญหาประเทศไทย

ไม่เคยมีเวลาไหนแล้วที่การดำรงอยู่ของคุณประยุทธ์กลายเป็นปัญหาของคนทั้งประเทศอย่างตอนนี้ โอกาสที่ประเทศไทยหลังจากนี้จะเกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่จึงมีมาก และเป็นความเปลี่ยนแปลงที่อาจเขย่าทุกคนที่สังคมมองว่าเกี่ยวข้องกับระบอบประยุทธ์ทั้งหมดโดยปริยาย

ความเป็นคุณประยุทธ์คือจุดอ่อนที่สุดของระบอบประยุทธ์ และในเวลาที่ประเทศเผชิญปัญหาที่ยากที่สุดอย่างโควิด ความไม่ฉลาด, ไม่มีประสิทธิภาพ, ไม่รับฟังคนอื่น และไม่ทบทวนความผิดพลาดกำลังทำให้คุณประยุทธ์ทำลายตัวเองลงไปทุกวัน

ยิ่งโควิดยืดเยื้อ ยิ่งสะสมความไม่พอใจของคนต่อรัฐบาล ยุบสภาหรือลาออกคือทางออกที่ดีที่สุด

ไม่อย่างนั้นทุกอย่างจะเดินหน้าสู่จุดที่ไม่อาจหวนกลับได้ต่อไป