ขี้มูกโป่ง : โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
——————
ขี้มูกโป่ง
—————
น้ำตาอาบแก้ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะตีความอย่างไร อ้อน อัดอั้น ดราม่า หรือแม้กระทั่งมารยา ก็ว่าไปตามสะดวก
ทุกคนสามารถตีความได้ความเชื่อ
ว่าไป ใครที่อยู่ในสถานะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีเหตุให้น้ำตาแตก-ขี้มูกโป่ง ได้ทั้งนั้น
ด้วยเมื่อ เปรียบเทียบสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ กับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น แม้จะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน
แต่ก็พอเทียบเคียงกันได้
ง่ายๆ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นจากนายกรัฐมนตรี และถอดถอนสิทธิทางการเมือง มาจากเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ
ย้อนกลับ มามองในปัจจุบัน 3 ปีที่ผ่านมา มีข้าราชการถูกย้าย ระเนระนาดไปเท่าไหร่
มีเหตุผลอธิบายให้เข้าใจบ้าง ไม่มีเหตุผลอธิบายบ้าง แต่ทุกอย่างก็สงบราบคาบ ภายใต้ คำสั่ง มาตรา 44
คุณธรรม จริยธรรม หดหายไปเฉยๆ

พูดถึงเรื่องนี้แล้ว อดขำๆกับผลการสอบสวนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณี “ลาประชุม”ตลอดกาลของ 7 สนช.ไม่ได้ ที่สรุปว่าไร้มลทินใดๆ ด้วยอ้างว่าเป็นสิทธิและยื่นใบลาถูกต้อง

ทั้งๆ ที่ชาวบ้านชาวเมืองเขาคาดหวังการปฏิบัติหน้าที่ให้สมกับเงินเดือนและสมกับข้ออ้างยุคปฏิรูป อันไม่ควรซ้ำรอยกับพวกนักการเมืองเก่า ที่มีพฤติกรรมน่ารังเกียจอย่างเสียบบัตรแทนกันอะไรเทือกนั้น
นอกจากนี้ เรื่องพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์แห่งชาติ ที่จะเป็นโรดแมบของชาติไปอีก 20 ปีนั้น พอมีคนโวยวายว่าไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ คือไม่ได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชน
ก็มีคำอธิบายออกมาว่า ทำไมจะไม่รับฟัง ก็เอาขึ้นเว็บไซด์แล้ว มีคนอ่านตั้ง 3,000 คน และร่วมแสดงความเห็นถึง 8 คน จึงถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
ได้ยินคำอธิบายเช่นนี้แล้ว หัวเราะมิออก ร่ำไห้มิได้


เกิดวันหน้า หากจะมีการออกกฎหมายสำคัญๆ แล้วมีการยกตัวอย่าง “บรรทัดฐาน” การออก พ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติขึ้นมาอ้าง โดยเฉพาะการรับฟังความคิดเห็นชาวบ้าน ที่ง่ายๆลวกๆขึ้นมา ก็คงพูดไม่ออก บอกไม่ถูกไปตามๆกัน
และ ลองย้อนคิดดู ว่า หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมือง จะยอมกันได้ไหม
รับรองมาตรฐานจริยธรรม จะต้องสูงปรี๊ดขึ้นมาทันที
เอาให้ ชัดขึ้นไปอีกนิดก็ได้ ลอง คิดกันเล่นๆ ว่าหาก กรณีซื้อเรือดำน้ำ กรณีรถไฟความเร็วสูง และ กรณีล่าสุดสดๆ ร้อนๆ ในกทม. อยู่ในยุคน.ส.ยิ่งลักษณ์
อะไรจะเกิดขึ้น
รับรองเรื่องเหล่านี้ ไม่แตกต่างไปจากกรณี “เขาพระวิหาร” หรือกรณี”พลังงาน” ที่จะมีการกล่าวหาว่า นี่เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติ หรือหนักก็ไปถึงขนาด “ขายชาติ” กันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ก็คงมีการสาวไส้กันแหลกลานถึง สายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยมกับนักธุรกิจใหญ่ ที่เป็น “ทุนสามานย์” จะเข้ามาหาผลประโยชน์ ผ่าน ฝ่ายกุมอำนาจ
แต่ยุคสมัยนี้คำว่า “ประชารัฐ” ดูจะเป็นคำศักดิ์สิทธิ ที่ สามารถสยบอะไรๆลงได้อย่างราบคาบ
องค์กรเพื่อความโปร่งใส องค์กรต่อต้านคอรัปชั่น องค์กรอิสระทั้งหลาย พากันเงียบเชียบ
ทั้งที่คำอธิบาย ไม่ว่าเรื่องเรือดำน้ำ เรื่องรถไฟความเร็วสูงจีน  ล้วนแต่มี “รอยพิรุธ”อันชวนสงสัย และควรทำให้โปร่งใสทั้งสิ้น
แต่ทุกอย่าง ก็สงบเรียบร้อย และแถมพากันพยักหน้าหงึกหงักยอมรับได้กันเป็นแถว
ต่อมจริยธรรม คุณธรรม ปิด
ด้วยเหตุประการทั้งปวงนี้ ก็สมควรที่จะเก็บคำว่า”มารยา”ลงเสียหน่่อย ปล่อยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีสิทธิ ร้องไห้ ไปตามชอบใจเถิด
ด้วยทุกคนก็เคยขี้มูกโป่งมาเหมือนกัน ไม่ใช่ขี้มูกโป่ง น่าเกลียดอยู่เพียงข้างเดียวดอก
—————