วัคซีนไม่มี : ฟางเส้นสุดท้ายสู่อวสานระบอบประยุทธ์ | ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

นโยบายโควิดของรัฐบาลยิ่งนานยิ่งมั่วขึ้นทุกวัน

สัญญาณของการเปลี่ยนวิธีฉีดจากแบบอัดเข็มสองให้ครบเป็นแบบปูพรมเข็มแรกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เผชิญปัญหาใหม่ที่หลายโรงพยาบาลไม่มีวัคซีนให้ประชาชนฉีด หรือไม่อย่างนั้นก็คือบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีนซิโนแวคที่คนไม่ต้องการ

นอกจากนโยบายโควิดของรัฐบาลจะเปลี่ยนรายสัปดาห์ มาตรการจัดสรรวัคซีนของรัฐก็มั่วไปหมด สัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลให้ดาราฉีดก่อนประชาชนโดยอ้างว่าคนไทยจะได้ไม่กลัววัคซีน

แต่ถึงตอนนี้วัคซีนกลับมีไม่พอ ดาราสร้างความน่าเชื่อถือต่อวัคซีนไม่ได้ และรัฐบาลโดนด่าว่าเอาใจอภิสิทธิ์ชน

ด้วยความอื้อฉาวเรื่องความไม่เชื่อมั่นต่อซิโนแวคที่รัฐบาลยัดเยียดให้คนไทย ซีพีถึงแก่ออกแถลงการณ์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนนี้ แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยว่าแล้ว “เจ้าสัว” ในฐานะบุคคลจะเกี่ยวกับซิโนแวคอย่างไร รวมทั้งทำไมตอนที่วัคซีนเนื้อหอมถึงอวยกันว่าเป็นวัคซีนซีพี

ล่าสุด หน่วยงานราชการและหลายบริษัทเริ่มออกนโยบายบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน ใครไม่ฉีดก็ให้ถือว่าลางานโดยไม่ได้เงินเดือนไม่มีกำหนด ตลาดแถวลำลูกกาถึงขั้นบอกบังคับให้ผู้เช่าลงชื่อพร้อมจ่ายค่าปรับ 150,000 หากทำให้ตลาดโดนปิดเพราะไม่ฉีดวัคซีน

เป็นอันว่านอกจากรัฐบาลจะยกวัคซีนที่มีน้อยไปให้ดาราเพื่อการโฆษณา ความระแวงต่อวัคซีนก็ยังมากจนบริษัทเจ้าสัวต้องแถลงว่าไม่เกี่ยว การบังคับฉีดวัคซีนเกิดขึ้นในเวลาที่วัคซีนไม่มี หรือต่อให้มีก็เป็นวัคซีนที่รัฐยัดเยียดให้บนความไม่เชื่อถือของประชาชน

 

ไม่มีรัฐบาลไหนในโลกบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีน และในเมื่อวัคซีนเปรียบได้กับยาที่ไม่มีใครมีสิทธิบังคับให้ใครกินยาที่ไม่เชื่อใจ รัฐบาลทั่วโลกจึงเร่งหาวัคซีนหลายยี่ห้อเพื่อให้ประชาชนเลือกฉีดได้มากที่สุด ไม่ใช่สถาปนาระบอบเผด็จการวัคซีนบังคับให้ประชาชนฉีดวัคซีนที่ไม่ต้องการ

ถ้าความมั่วเกิดในเดือนแรกที่โควิดระบาดก็ไม่เป็นไร แต่เรากำลังเผชิญความมั่วในรอบที่สองที่คนไทยตายเฉลี่ยวันละ 25-30 จนพฤษภาคมเดือนเดียวตายเฉียด 800 และติดเชื้อทั้งประเทศพุ่งเกือบ 140,000 ซึ่งสูงมากเมื่อเทียบกับผู้เสียชีวิตทั้งประเทศตั้งแต่เชื้อระบาดเดือนเมษายน 2563 ราว 1,000 คน

ในวันพุธที่ผ่านมา ตัวเลขคนไทยตายรายวันพุ่งขึ้นเป็น 41 สูงสุดตั้งแต่ไวรัสระบาด เป็นการทำนิวไฮที่ไม่มีใครอยากเห็นครั้งที่สองหลังจากสัปดาห์ที่แล้วเคยทำไปแล้ว

และด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่มากขึ้นและเชื้อที่รุนแรงขึ้น โอกาสที่คนไทยตายในวันเดียวจะพุ่งสูงขึ้นไม่หยุดก็มากเหลือเกิน

คุณประยุทธ์โม้ตั้งแต่ก่อนโควิดระบาดเดือนเมษายน 2564 ว่าผู้ติดเชื้อราว 28,863 และคนตาย 94 สะท้อนฝีมือตัวเองในฐานะนายกฯ

ในแง่นี้ก็ต้องบอกว่านายกที่ทำให้ผู้ติดเชื้อจ่อ 200,000 และคนตายใกล้หลักพันในเดือนพฤษภาคม 2564 แสดงความห่วยขั้นบัดซบ ถ้าเทียบตามบัญญัติไตรยางค์

คนที่มีจิตสำนึกปกติย่อมรู้ความล่าช้าในการจัดวัคซีนคือสาเหตุให้คนติดเชื้อและตายเป็นเบือ แต่ทั้งที่ชาวบ้านทั่วไปมองเห็นสัญญาณของการตายและการติดเชื้อตั้งแต่เมษายน สำนึกของรัฐบาลเรื่องนี้กลับต่ำราวอยู่คนละโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคำนึงผลที่เกิดจริงๆ ต่อการติดเชื้อและความตาย

การค้นพบผู้ติดโควิดอินเดียและแอฟริกาใต้ทำให้หมอเตือนว่าไวรัสสองตัวนี้แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับวัคซีนที่มีในไทย แต่ทั้งที่หมอและคนไทยรู้เหมือนคนทั้งโลกถึงอันตรายของไวรัสสองสายพันธุ์ รัฐบาลกลับไม่บรรลุผลในการหาวัคซีนอื่น ทำแค่ส่งอาจารย์นิด้ามาโพสต์ว่าสองวัคซีนไม่อันตราย

ล่าสุดของล่าสุด นอกจากรัฐบาลจะไม่มีปัญญาหาวัคซีนไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาซึ่งมีสมรรถนะการสู้ไวรัสตัวโหดมาให้คนไทย

แม้กระทั่งแอสตร้าเซนเนก้าก็เกิดปัญหาไม่มีให้ฉีด

จะมีก็แต่ซิโนแวคซึ่งหลายพื้นที่ยอมรับว่ามีปริมาณลดลงจนน่ากังวล ต่อให้เป็นวัคซีนที่คนไว้ใจน้อยที่สุดก็ตาม

ไม่ว่าคุณประยุทธ์จะอ้างว่าอย่างไร ความล้มเหลวของรัฐในการจัดหาวัคซีนทำให้คนไทยเสี่ยงติดเชื้อตาย ความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐทำให้ไทยไม่อาจฟื้นเศรษฐกิจเพื่อให้คนได้ทำมาหากินเร็วเท่าประเทศอื่น และในที่สุดแล้วทำให้การดำรงอยู่ของรัฐบาลไม่เท่ากับการทำเพื่อประชาชน

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยวิจารณ์นโยบายวัคซีนแบบแทงม้าตัวเดียวมานาน ผลคือธนาธรโดนยัดคดี 112 ถึงแม้จากนั้นรัฐบาลจะอ้างว่าเตรียมหาวัคซีนอื่นมาโดยตลอด แต่เราก็ไม่มีไฟเซอร์หรือโมเดอร์นาในเวลาที่เผชิญไวรัสตัวอันตรายที่สุด มีแต่ข่าวแอสตร้าเซนเนก้าก็หมดคลัง

คุณประยุทธ์ไม่ใช่นายกฯ ที่เก่งด้านเศรษฐกิจหรือเป็นแถวหน้าด้านประชาธิปไตย แต่ในวิกฤตโควิดที่ฆ่าคนไทยไปจำนวนมาก คุณประยุทธ์ควรแสดงความเป็นผู้นำซึ่งเป็นที่พึ่งให้กับคนในประเทศได้บ้าง

ไม่ใช่เป็นสัญลักษณ์ของผู้นำห่วยในรัฐบาลโหลยโท่ยของระบอบการเมืองเฮงซวย

นโยบายวัคซีนที่ผิดพลาดของคุณประยุทธ์ทำให้คนตายมากอย่างไม่เคยเป็น แต่ยิ่งสถานการณ์โควิดรุนแรงมากเท่าไร สัญญาณของการดิ้นรนเพื่อหาทางออกให้กับประเทศกลับถดถอยมากขึ้นจนไม่มีใครมีความหวังกับรัฐบาลอีกเลย

พูดก็พูดเถอะ สถานการณ์ในเวลานี้คือคนมีเงินออกนอกประเทศไปฉีดวัคซีนดีๆ ที่รัฐบาลเขลาจนไม่มีปัญญาหาให้คนไทย ไม่อย่างนั้นก็รอซื้อวัคซีนดีๆ ที่โรงพยาบาลเอกชนจะขายให้ผู้บริโภค ขณะคนส่วนใหญ่โดนยัดเยียดวัคซีนจีนที่เลือกไม่ได้ หรือไม่ก็รอวัคซีนจากโรงงานไทยที่ยังไม่มา

แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ไม่ผิดหากเกิดในปี 2563 ที่โลกไม่มีวัคซีนดีๆ แต่คนไทยเจอปัญหานี้ในไตรมาส 2 ของปี 2564 ซึ่งหลายประเทศระดมฉีดวัคซีนจนใกล้เปิดประเทศจากที่คนตายท่วม หรือไม่ก็คือเดินหน้าสู่การเปิด Travel Bubble หรือ “ระเบียงท่องเที่ยว” ระหว่างประเทศที่ปลอดเชื้อด้วยกัน

อังกฤษช่วงปลายปี 2563 คือประเทศที่มีคนตายเฉลี่ย 700/วัน แต่พอถึงพฤษภาคม 2564 กลับไม่มีผู้ตายด้วยเชื้อนี้อีก ความไม่สามารถหาวัคซีนของไทยเกิดขึ้นในเวลาที่โลกมีวัคซีนจนหลายประเทศกลายเป็นประเทศปลอดเชื้อ

หรืออีกนัยคือเราเชื้อพุ่งเพราะการวางแผนผิดของรัฐบาล

 

พูดแบบแฟร์ๆ โควิดระบาดเป็นเรื่องใหม่จนง่ายที่ผู้นำโง่จะทำผิดได้ แต่ความโง่ของผู้นำจะไม่ทำให้ประเทศพังพินาศ หากผู้นำโง่อยู่ในระบบที่รัฐต้องฟังประชาชน ไม่ใช่รัฐที่เปิดโอกาสให้ผู้นำโง่ตั้งตัวเป็นใหญ่เหนือทุกกลไกในการแก้ไขปัญหาโควิดที่ตัวเองไม่ได้มีความรู้ความชำนาญเลย

ไต้หวันเป็นประเทศที่แทบไม่พบผู้ติดเชื้อเลยตั้งแต่เมษายน 2563 แล้วจู่ๆ ผู้ติดเชื้อพุ่งพรวดเป็น 600 หลังวันที่ 14 พฤษภาคม 2564 จนเผชิญปัญหาสต๊อกวัคซีนไม่พอคล้ายๆ ไทย เพียงแต่ไต้หวันเกิดปัญหานี้เพราะจีนสกัดแผนการซื้อวัคซีน 5 ล้านโดสโดยตรงจากไบออนเทคในเยอรมนี

อย่างไรก็ดี ในวันที่ 19 ไต้หวันได้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 199,200 โดสจากองค์การอนามัยโลก ซื้อเองอีก 600,000 โดส รวมทั้งเซ็นตกลงซื้ออีก 20 ล้านโดสจากโมเดอร์นาและแอสตร้าเซนเนก้า รวมทั้งได้อีก 4.76 ล้านโดสจาก COVAX ขององค์การอนามัยโลก ทั้งที่ไต้หวันมีประชากรเพียง 23 ล้านคน

แน่นอนว่าวัคซีนขนาดนี้ยังไม่พอสำหรับการป้องกันไม่ให้ไวรัสลุกลาม แต่วิธีที่ไต้หวันเจรจาจนได้วัคซีนในเวลาที่รวดเร็วนั้นน่าทึ่ง

ไม่ต้องพูดถึงการสื่อสารกับประธานาธิบดีสหรัฐให้ส่งวัคซีนมาช่วย เพราะหากไต้หวันโควิดลุกลาม อุตสาหกรรมการผลิตชิพทั้งโลกก็จะปั่นป่วนทันที

จริงอยู่ว่าไต้หวันมีประชากรน้อยกว่าไทย แต่ผู้นำในระบอบประชาธิปไตยของไต้หวันกลับฉับไวในการแก้ไขปัญหาวัคซีนอย่างน่าทึ่ง

เช่นเดียวกับความฉลาดในการซื้อวัตถุจากผู้ผลิตที่หลากหลาย รวมทั้งใช้จุดแข็งของประเทศเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรองกับมหาอำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งวัคซีน

 

ไทยเผชิญปัญหาวัคซีนมั่วซั่วจนวัคซีนขาดขณะคนตายพุ่งกระฉูดและผู้ติดเชื้อลุกลาม แต่ท่ามกลางความเละทางนโยบายที่ทำให้คนไทยตายอย่างไม่ควรตาย พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกฯ และหัวหน้า ศบค.กลับล้มเหลวในการทำให้ไทยได้วัคซีนใหม่ๆ จนอาจสงสัยว่าไม่ได้พยายามเลย

รัฐบาลประยุทธ์ผูกมัดคนไทยทั้งประเทศไว้กับวัคซีนจีนและวัคซีนจากโรงงานไทย แต่ในสถานการณ์ที่เชื้อโควิดลามจนคนตายพุ่งไม่หยุด การซื้อวัคซีนจากแหล่งอื่นเพื่อฉีดให้คนไทยคือมาตรการที่ต้องทำมากที่สุด ไม่ว่าวัคซีนนั้นจะเป็นแอสตร้าเซนเนก้าหรือยี่ห้ออื่นก็ตาม

ถ้าคุณประยุทธ์อ้างว่าตอนนี้วัคซีนยี่ห้ออื่นหายากจนหาไม่ได้

คำถามคือทำไมไต้หวันหาได้ในเวลาที่จำกัด

หรือจริงๆ อาจเป็นเพราะคุณประยุทธ์ไม่มีความสามารถคิดเรื่องซื้อวัคซีนใหม่ๆ มาให้คนไทยโดยเร็วที่สุด

รวมทั้งไม่มีปัญญาเจรจากับผู้นำหรือนักธุรกิจเพื่อให้คนไทยได้วัคซีนโดยด่วนเลย

ตรงข้ามกับปีที่แล้วที่รัฐบาลประยุทธ์โกหกว่าโควิดคุมได้เหมือนหวัดธรรมดา คนไทยตอนนี้ติดเชื้อใกล้ทะลุสองแสน ตายใกล้พัน และคนตายรายวันทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง สถานการณ์ในประเทศเลวลงจนไม่มีวี่แววว่าจะมีอะไรดีขึ้น มีก็แต่หลักฐานของความห่วยและความมั่วทางนโยบาย

ปีที่เจ็ดของคุณประยุทธ์ผ่านไปท่ามกลางการสาปแช่งของประชาชน ตัวแทนนิสิตจุฬาฯ แถลงขอโทษที่รุ่นพี่เคยหนุนรัฐประหาร เพจดังสารภาพผิดที่เคยหนุนเผด็จการ กองหนุนคุณประยุทธ์หดหาย และความตายของประชาชนในสงครามโควิดยิ่งทำให้เวลาของระบอบประยุทธ์เหลือน้อยลงทุกที

หายนะทางเศรษฐกิจและประชาธิปไตยทำให้คุณประยุทธ์ไม่มีทางเป็นนายกฯ ต่อไปได้ และหายนะช่วงโควิดคือฟางเส้นสุดท้ายที่จะทำให้ไม่มีปีที่แปดของคนชื่อประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี

สำหรับคนแบบนี้ อย่างเดียวที่ประชาชนอยากรู้คือเขาจะมีจุดจบอย่างไร