กาละแมร์ พัชรศรี : ฟ้าหลังฝนงดงามเสมอ

เราได้ยินใครต่อใครพูดประโยคนี้ให้ได้ยินเสมอ เวลาที่เราเจอเรื่องร้ายๆ ในชีวิตหรือเจอความทุกข์ใจ คนก็มักจะปลอบใจหรือให้กำลังใจกันแบบนี้

แต่เรามักจะฟังแบบหูซ้ายทะลุหูขวา หรือฟังแบบผ่านๆ ไป ไม่ได้เอามาคิดมาไตร่ตรองหรือคิดตาม จนในวันที่เราเจอมันด้วยตัวเอง เราถึงเข้าใจคำนี้อย่างแท้จริง

ฉันเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศนอร์เวย์เป็นครั้งแรกและเลือกที่จะขับรถเองไปยังเมืองต่างๆ ด้วยเหตุผลเดิมคือ อยากเห็นความงดงามระหว่างทางด้วยตาตัวเอง และกำหนดชีวิตอย่างที่ต้องการ จะหยุด จะแวะตรงไหน นอนแค่ไหนก็ได้

ที่สำคัญการขับรถต่างที่ต่างถิ่น ต่างเส้นทางมันนำมาซึ่งความตื่นเต้นและการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ

แต่ระหว่างทางจากเมืองหนึ่งไปเมืองหนึ่ง มีระยะทางยาวไกล แต่นั่นยังไม่เท่ากับการมีฝนตกตลอดทาง นั่นหมายถึง เราจะแวะไปเดินตามที่ต่างๆ ก็ทำไม่ได้ เพราะทั้งเปียกและหนาว ถ่ายรูปตรงไหนก็ไม่สวยเพราะมืดดำไปหมด บรรยากาศก็จะดูอึมๆ ครึมๆ ขับรถก็ต้องใช้ความระมัดระวังสูงขึ้น แต่ฝนก็ทำให้ต้นไม้สองข้างทางเขียวสว่างสดใสไปหมด

ดังนั้น สิ่งที่ฉันคิดระหว่างขับรถแล้วฝนตกก็คือ ชื่นชมความสวยงามที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพราะก่อนหน้านี้ฉันไปขับรถที่ฮอกไกโด ญี่ปุ่น ต้นไม้แห้งโกร๋นไปหมดเพราะไปช่วงรอยต่อหลังฤดูหนาว หิมะกำลังละลาย คราวนี้ต้นไม้เขียวแน่นทุกอณูขนาดนี้ เราควรยินดีกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าสิ

“ชื่นชมกับสิ่งที่มี ยินดีกับสิ่งที่ได้”

 

ฉันและเพื่อนเลิกกังวลกับฝนตก แม้ลงเดินไม่ได้ เราก็ใช้วิธีขับรถดูบ้านเรือนของเขากัน นอร์เวย์สร้างบ้านสวย จับคู่สีดูดีมีรสนิยม แต่งหน้าบ้าน หน้าต่างด้วยต้นไม้ ดอกไม้แบบไม่ยอมกัน ทำให้เราเพลิดเพลินกับการเข้าซอยนั้นออกซอยนี้

แล้วเราก็แวะเข้าซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อของมาทำกับข้าวเย็นที่ที่พักคืนนี้ เราก็เพลิดเพลินกับการคิดเมนู ซื้อของให้ครบ พอออกมาจากซูเปอร์ปรากฏว่าฝนหยุดตก!

เราขับรถต่อด้วยความคึกคัก เปิดเพลง ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับท้องฟ้าที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ

พอขับผ่านอุโมงค์ยาวๆ พอรถลอดผ่านออกมา เราก็ได้เห็นแสงสว่างแรกของวัน พร้อมร้องออกมาพร้อมกันว่า “เฮ้ยยยยยยยย!!”

หลังจากนั้นภาพวิวทิวทัศน์เริ่มแจ่มชัดขึ้น

 

ความงดงามค่อยๆ เผยออกมาให้เราได้เห็น จนมีที่ที่สามารถจอดรถได้ระหว่างทาง ฉันจึงลงไปถ่ายรูปให้หนำใจ และมองวิวรอบตัวแบบ 360 องศาแบบเต็มตา

ฉันยิ้มให้กับตัวเอง หัวเราะกับเพื่อน ขอบคุณธรรมชาติรอบๆ ที่มอบความงามแบบเต็มพิกัดขนาดนี้

และยิ่งขับรถไปเรื่อยๆ ความงดงามก็ยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ ฉันต้องใช้พื้นที่เมมโมรี่ให้หัวเยอะมาก ข้างซ้ายคือป่าและมีน้ำตกไหลซู่ๆ ด้านขวาคือทะเล มีบ้านเรือนหลังเล็กๆ สีสันน่ารักกระจายตัวอยู่ ด้านหน้าคือภูเขาที่เรียงซ้อนกันและมีหิมะกำลังละลายลงมาเป็นเส้นสายพร้อมหมอกที่ลอยระเรี่ยคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง

เราต้องใช้เมมโมรี่กี่กิ๊กกันนะถึงจะเก็บภาพที่เราเห็นได้หมด

มันมีความงดงามแบบนี้บนโลกจริงๆ หรือนี่ ทำไมเราช่างมีบุญจริงๆ ที่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง

 

ตลอดเส้นทาง ฉันและเพื่อนคิดเหมือนกันว่า โชคดีที่เราไม่ยอมแพ้ไปเสียก่อน ไม่เลิกราเบื่อหน่ายกับฝนที่ตกมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เราอดทน แม้เราจะไปช้าๆ แต่เราก็ไม่หยุด เรามีความหวัง เราชื่นชมกับสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบันและไม่หมดหวังกับสิ่งที่ต้องการ

เพลงฤดูที่แตกต่างดังก้องในหัวฉัน ไม่มีทีท่าจะหยุดง่ายๆ เพราะมันคือความจริง “อย่าไปกลัวเวลาที่ฟ้าไม่เป็นใจ อย่าไปคิดว่ามันเป็นวันสุดท้าย น้ำตาที่ไหลย่อมมีวันจางหาย หากไม่รู้จักเจ็บปวด ก็คงไม่ซึ้งถึงความสุขใจ”

ฉันหันไปบอกกับเพื่อนว่า “ถ้าเรารู้ว่า ไม่ว่ายังไงเราจะต้องได้เห็นสิ่งสวยงามแบบนี้ อย่าด่วนชิงตายไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเสียดายแย่เลย!”

ขอบคุณฟ้า ฝน ที่สอนชีวิตให้คนตัวเล็กๆ อย่างเรา…