ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | เงาเกาหลี |
เผยแพร่ |
มาดามหลูหลี / FB เงาเกาหลี
The Sword and The Brocade
: หัวใจแกร่งดั่งหยก
The Sword and The Brocade ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง “The Concubine-born Daughter’s Strategies” ของจื่อจือ ที่รู้จักกันคือ “ร้อยรักปักดวงใจ” ซีรีส์จีนที่ผู้ชมติดตามกันหนึบหนับ จนแทบจะรอตอนต่อไปไม่ไหว
เป็นเรื่องราวย้อนยุคที่ดราม่าสุดๆ ถูกใจเจ่เจ้ทั้งหลาย
เป็นซีรีส์ในช่วงปลายราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368-1644)
เส้นทางเดินของผู้หญิง
ละครเปิดฉากแรกที่บ้านตระกูลหลัว ในคืนที่ฝนตกหนัก หลัวสืออี (ถานซงอวิ้น) กำลังถูกลงโทษ เพราะทำปิ่นของพี่สาวลูกภรรยาเอกหัก
หลัวสืออี ชื่อ “สืออี” แปลว่า “สิบเอ็ด” หมายถึงว่า นางเป็นลูกสาวคนที่สิบเอ็ด เพราะเป็นลูกอนุภรรยา จึงไม่อาจมีชื่อจริงที่มีความหมาย แต่กลับใช้ลำดับตัวเลขในการเรียกชื่อ
นางมีพี่สาวคือพี่รอง “เออร์เจี่ย” และพี่ห้า “อู่เจี่ย” ซึ่งเป็นลูกอนุภรรยาเช่นกัน
มีเพียงลูกที่เกิดจากภรรยาหลวงเท่านั้นจึงตั้งชื่อที่มีความหมายได้
หลัวสืออีตระหนักดีว่า จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ได้เกิดในตระกูลใหญ่ มีสักกี่คนที่เกิดเป็นลูกภรรยาเอก ผู้หญิงไม่อาจเลือกเกิดได้ แต่อาจเลือกเส้นทางเดินได้ แม้ว่าจะลำบาก แต่ก็ต้องลองพยายาม
หลัวสืออีฝึกเรียนปักผ้าเพื่อใช้หาเลี้ยงชีพ นางพยายามหลีกเลี่ยงการแต่งงาน เพราะไม่อยากเป็นอนุภรรยาหรือภรรยาหลวง
นางอยากลิขิตชะตาตัวเอง
โชคชะตาเมียน้อยเมียหลวง
ยิ่งวิ่งหนีโชคชะตา โชคชะตากลับวิ่งตามเป็นเงาติดตัว หลัวสืออีจึงหนีไม่พ้นการแต่งงาน ซึ่งยังมีการแย่งชิงระหว่างพี่น้อง ถ้าแต่งงานไปกับผู้ชายเลว ก็เหมือนกับตกนรกทั้งเป็น
ผู้หญิงแต่งงานเรียกว่า “เหนียง” คงหมายถึง “นาง” หลัวสืออี จึงถูกเรียกว่า สืออีเหนียง
ฮูหยินหลัว/แม่ใหญ่บังคับหลัวสืออีแต่งงานกับหย่งผิงโหวสวีลิ่งอี๋ (จงฮั่นเหลียง) เข้าตระกูลสวี แทนตำแหน่งภรรยาเอกของลูกสาว/พี่สาวใหญ่ที่กำลังจะตาย เพื่อให้สืออีเหนียงไปดูแลคุณชายจุน หลานชายในไส้ของตนเอง ลูกชายของหย่งผิงโหวกับพี่สาวของนาง จึงหวังใช้นางเป็นแม่เลี้ยงพี่เลี้ยงคอยปกป้องหลานชาย
ฉากที่น่าเศร้าน่าสมเพชคือ เมื่อฮูหยินหลัวสืบรู้ว่าหลัวสืออีไม่เป็นที่โปรดปรานของหย่งผิงโหว นางถึงกับจะยัดเหยียดสาวใช้ให้เป็นอนุของหย่งผิงโหว และเมื่อสืออีเหนียงแกล้งทำเป็นท้อง นางกลับกลัวว่าหลานชายนางจะไร้ที่พึ่ง
เป็นเมียหลวงที่เห็นแก่ตัวที่สุด ทั้งตลอดชีวิตของนางมีแต่การวางแผน!
อนุภรรยาหลายคนแม้ตายไปแล้ว จึงไม่อยากฝังอยู่ในสุสานของตระกูล (ตามกฎก็ฝังไม่ได้) เพราะไม่อยากเป็นอนุภรรยาไปตลอด แม้จะตายไปแล้ว ก็ขอเป็นอิสระ
ไม่วางใจคนใกล้ชิด กลับหลงเชื่อคนอื่น
หย่งผิงโหวดูเหมือนคนมากเมียแต่ไม่มากรัก เพราะเห็นเบื้องหลังการแย่งชิงและความไร้น้ำใจของเหล่าภรรยา ทำให้สวีลิ่งอี๋ปลงตกและเศร้าใจ กลายเป็นคนเย็นชาไร้น้ำใจ
หากเมื่อได้แต่งงานกับหลัวสืออี ได้เห็นความดีงามในตัวนาง เขาจึงสนับสนุนสืออีเหนียงในทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ แต่นางก็ยังไม่วางใจ ไม่เชื่อใจสามีตัวเอง
ฉากที่หย่งผิงโหวเสียใจ จงฮั่นเหลียงแสดงสีหน้าได้ดีมาก สมกับเป็นนักแสดงมือเก๋าแต่ไม่แก่
ทั้งหลัวสืออีและคนรับใช้ใกล้ชิดคือตงชิง (Ding Jie ชอบทรงผมนางมาก) และหูพั่ว (Sun Xue Ning นางสวยมาก น่าจะเป็นนางเอกได้) ไม่เชื่อใจเจ้านายตนเอง เชื่อคนอื่นมากกว่า
The Sword and The Brocade นอกจากเรื่องราววุ่นวายในครอบครัวเมียน้อยเมียหลวงของขุนนาง ยังมีการแย่งชิงของขุนนางในราชสำนักที่แยกเป็นฝักฝ่าย กับเอาความเสียประโยชน์ของรัฐมาใช้เป็นผลประโยชน์ของครอบครัวตัวเอง เช่น การปิดน่านน้ำ สั่งห้ามการค้าทางทะเล
สังคมโบราณที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แต่ในบ้านผู้หญิงต้องจัดระเบียบความเป็นอยู่ ภรรยาเอกที่มีเพียงหนึ่งเดียว มีอนุภรรยาได้ไม่จำกัด การแย่งชิงความโปรดปรานจากสามี จนถึงขั้นใส่ร้ายป้ายสีกันถึงชีวิต จึงเป็นเรื่องธรรมดาในบ้านตระกูลใหญ่
สืออีเหนียงและผู้หญิงหลายคนไม่อยากมีชีวิตเช่นนั้น พวกนางอยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา มีผัวเดียวเมียเดียว และเป็นผู้หญิงที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้
ต้องชื่นชมฮูหยินสวี (Wu Mian) มารดาของหย่งผิงโหว ผู้หญิงแกร่งที่สามารถนำพาสกุลสวีอยู่รอดเมื่อสามีและลูกชายถูกฆ่าตาย แม้จะเคร่งครัดธรรมเนียมปฏิบัติ
ละครทำให้ลุ้นอย่างตื่นเต้น และหักมุมในภายหลังอย่างโล่งใจ ตื่นตากับฉากงดงามโดยเฉพาะเรือนตะวันตกของสืออีเหนียง ที่มีประตูหน้าต่างเป็นลายฉลุวงกลม เมื่อปิด-เปิดเหมือนพระจันทร์ข้างขึ้นข้างแรม
รวมทั้งชุดสวยๆ ของตัวละคร บรรดาอนุทั้งหลายสวยทุกคนยันคนรับใช้
ผู้ชายใช้ดาบเป็นอาวุธเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพ
ผู้หญิงอย่างหลัวสืออีใช้ผ้าและเข็มเย็บปักถักร้อยเป็นงานเพื่อเลี้ยงชีพและพึ่งตัวเอง
นอกจากความสุขจากงานปักผ้า ที่เห็นดอกไม้ใบหญ้างดงาม เบิกบานอยู่บนปลายเข็ม…
เป็นเข็มปักผ้าที่แกร่งไม่แพ้ดาบ