ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ : ต้นไม้ทรงปลูกที่ศรีลังกา

ไปศรีลังกาครั้งใด ผู้เขียนก็มักจะแวะไปเยี่ยมต้นไม้ทรงปลูกที่วัดทีปทุตตมาราม ที่เมืองโคลอมโบ มี 4 ต้นค่ะ ปลูกโดย 4 พระองค์

เล่าเรื่องวัดทีปทุตตมารามก่อนนะคะ ว่าทำไมเจ้านายไทยจึงเสด็จไปที่นั่น และยังทรงปลูกต้นไม้ไว้เป็นที่ระลึกเป็นช่วงเวลายาวนานกว่า 70 ปี

เมื่อพระองค์เจ้าปฤศฎางค์ (ชุมสาย) ตัดสินพระทัยไม่กลับมารับราชการต่อ ตอนนั้นอยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านได้สร้างความสัมพันธ์กับพระภิกษุที่มีความรอบรู้ในพระธรรมวินัยสูงสุดรูปหนึ่งในเกาะลังกา คือ พระอาจารย์สุภูติ เป็นเจ้าอาวาสวัดวัสสกาดุเว นอกเมืองโคลอมโบ

พระอาจารย์สุภูติ เป็นพระภิกษุชาวสิงหลที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี และมีความรู้ทางพุทธศาสนาเป็นหนึ่งในศรีลังกา มิใช่เฉพาะในหมู่ชาวเมือง แม้แต่ต่างชาติที่ติดต่อกับศรีลังกาก็เป็นที่ยอมรับเช่นกัน

เมื่อทรงเลือกที่จะไม่กลับไทย แต่ยอมตัวเป็นลูกศิษย์ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์สุภูติ ออกบรรพชาเป็นสามเณรที่วัดวัสสกาดุเว และอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เล่าเรียนภายใต้พระอาจารย์สุภูติมหาเถระ

รูปที่เราเห็นเจนตาในความสัมพันธ์ของบุคคลทั้งสอง คือรูปที่พระภิกษุชินวรวงศ์ ฉายาของพระองค์เจ้าปฤศฎางค์เมื่อบวชค่ะ นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระอาจารย์สุภูติ

พระองค์เจ้าปฤศฎางค์ได้ครองวัดทีปทุตตมารามโดยเป็นเจ้าอาวาสค่ะ ชาวบ้านจึงเรียกวัดนี้ว่า วัดเจ้านายไทย (ไทยราชา)

 

เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีโครงการเสด็จไปศรีลังกา ท่านอาจารย์ชินวรวงศ์สร้างพระเจดีย์ถวายพระเกียรติ และหวังจะได้กราบทูลเสด็จไปทรงเปิดพระเจดีย์ด้วย ปรากฏว่า ในหลวง ร.5 ทรงยังไม่หายกริ้ว ที่พระองค์เจ้าปฤศฎางค์ออกจากราชการกะทันหัน พระองค์ท่านไม่ได้เสด็จไปที่วัดทีปทุตตมารามตามที่พระองค์เจ้าปฤศฎางค์ตั้งพระทัย

นั่นเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนเกินพื้นที่ตรงหน้านี้

แต่เจ้านายในสมัยต่อมา คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (ร.8) ได้เสด็จไปที่วัดนี้ และได้ทรงปลูกต้นไม้ไว้เป็นที่ระลึก ตั้งแต่ ค.ศ.1939 คราวนั้น เสด็จพร้อมพระอนุชา พระมารดา และพระพี่นาง ทางวัดเห็นความสำคัญและเก็บรักษาทั้งรูปและหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวการเสด็จของทั้ง 4 พระองค์ไว้บนหอพระชั้นสองของอาคารที่เรียกว่า Prince College

ต้นแรกที่ว่านี้ ขนาดใหญ่แล้วค่ะ ขนาดเกินหนึ่งคนโอบ

ต้นที่สองเป็นต้นไม้ทรงปลูกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช (ร.9) ทรงปลูกไว้เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ.1950 ห่างจากที่เสด็จครั้งแรกกับพระเชษฐา 11 ปี ต้นนี้เป็นต้นมาทรา เป็นไม้ยืนต้น ไม่ทราบไทยเรียกว่าอะไร

คราวนี้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ด้วย

ต้นที่ 3 ปลูกต่อกันเลยค่ะ อยู่ด้านนอกของพระวิหาร เป็นต้นไม้ทรงปลูกของเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ปลูกไว้เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ.1999 (พ.ศ.2542) เป็นต้นไม้จันทน์ที่เราเอาไม้มาฝนมีกลิ่นหอม ต้นนี้ยังไม่ใหญ่มากนัก

ต้นสุดท้ายเป็นต้น นา (Naa) ขออภัยนะคะ ไม่มีความรู้เรื่องพฤกษศาสตร์ เป็นต้นไม้ที่เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร (พระนามตามที่จารึก) ทรงปลูกล่าสุด คือวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ.2013 (พ.ศ.2556) ต้นนิดเดียว ลำต้นประมาณเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 นิ้วฟุต

ดูสุขภาพของต้นไม้ดีค่ะ แต่เพราะพื้นที่แคบ เพราะปลูกตรงระเบียงของพระวิหาร อาจจะโตได้เร็วกว่านั้นหากมีพื้นที่ธรรมชาติมากขึ้น

 

เดี๋ยวพาเข้าไปดูภายในของพระวิหาร ต้องไปตามกุญแจที่หลวงพี่สุจินตา เป็นพระหนุ่มรูปเดียวที่ดูแลวัดนั้น

สถาปัตยกรรมและแม้ภาพวาดด้านในมีกลิ่นอายของตะวันตกพอสมควร ข้างขวาของพระประธานเป็นรูปเหมือนของพระอาจารย์ชินวรวงศ์ สมัยที่ท่านเป็นเจ้าอาวาสค่ะ

จิตรกรรมฝาผนัง ด้านข้างมีรูปประวัติศาสตร์ คือรูปพระอาจารย์สุภูติกับพระภิกษุชินวรวงศ์ ที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าท่านที่เล่าให้ฟังตอนต้นนั่นแหละค่ะ

รูปจิตรกรรมฝาผนังค่อนข้างเป็นบรรยากาศฝรั่ง เป็นรูปพระนางสังฆมิตตาเสด็จถึงศรีลังกา มีพระภิกษุณีตามเสด็จจำนวนมาก มากกว่าที่บรรยายไว้ในพงศาวดาร

รูปพระแม่น้านางขอบวช เป็นปูนปั้นลอยตัว สามมิติ ศิลปะทั้งหมดในพระวิหารนี้ มีกลิ่นอายตะวันตกอยู่มาก ไม่ได้ใจผู้เขียนนัก

ด้านหน้าพระวิหารเป็นพระเจดีย์ที่พระอาจารย์ชินวรวงศ์ (พระองค์เจ้าปฤศฎางค์) ทรงสร้าง แต่ยังขาดพระพุทธรูปที่จะประดิษฐานตามช่องต่างๆ มีขนาดต่างกันถึงสามขนาดเป็นอย่างน้อย

พระอาจารย์มหินทวังสะมหานายก เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ได้เข้ามาติดต่อขอการสนับสนุนจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร สมัยที่ท่านทำงานอยู่ที่ธนาคารแห่งชาติ ที่บังเอิญท่านธัมมนันทาได้พบท่านครั้งแรกก็ที่นั่นเอง

ตอนนี้ พระพุทธรูปสีทอง ศิลปะจากประเทศไทย บรรจุอยู่ตามช่องในพระเจดีย์เรียบร้อยงดงาม มีกระจกปิด เพื่อรักษาความสะอาด

นอกจากนั้น ถัดขึ้นไปเป็นพระพุทธรูปสีขาวขนาดใหญ่ แบบศรีลังกา แต่ฝีมืองานดีมาก ประทับนั่งอยู่ใต้ต้นโพธิ์

 

ชาวศรีลังกาก่อนที่จะรับนับถือศาสนาพุทธตั้งแต่เมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้ว เป็นชาวเกาะที่นับถือและบูชาต้นไม้ค่ะ พระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดีย จับเส้นถูก จึงส่งกิ่งโพธิ์มาศรีลังกาในคราวที่พระธิดาของท่านเสด็จมาช่วงพระเชษฐาเผยแผ่ศาสนาตั้งแต่ พ.ศ.300 โน่น วัดในศรีลังกา บางแห่งไม่มีโบสถ์ แต่จะมีต้นโพธิ์มาก่อนเพื่อนทีเดียว เช่นเดียวกันที่วัดนี้ก็มีต้นโพธิ์ และมีพระพุทธรูปประทับใต้ต้นโพธิ์ด้วย

พระอาจารย์มหินทวังสะ มหานายก ท่านเจ้าอาวาสครองสองวัด คือทั้งวัดนี้ และวัดวัสสกาดุเว ซึ่งเป็นวัดเดิมของพระอาจารย์สุภูติ ท่านมีเชื้อสายน่าจะเป็นหลานตาของพระอาจารย์สุภูติค่ะ

ควรติดต่อท่านก่อนไปเยี่ยมวัด จะได้เข้าชมห้องพิพิธภัณฑ์ชั้นสองของอาคารวิทยาลัย ซึ่งรวบรวมประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างศรีลังกากับเจ้านายไทยยาวนานกว่า 70 ปี

ผู้เขียนลุ้นนะคะว่า คนไทยไปถึงศรีลังกาแล้วควรจะได้ไปเยี่ยมต้นไม้ทรงปลูกของเจ้านายถึง 4 พระองค์