จาก ‘น้องฮาร์ท’ ถึง ‘พี่แรมโบ้’ เจ้านายพี่อาสามา-เมื่อ ปชช. ติติงกลับฟ้อง? ‘ยังบลัด’ ภูมิใจไทย ร่วมบี้ ‘ลุง’ ซ้ำ!

บทความในประเทศ

 

จาก ‘น้องฮาร์ท’ ถึง ‘พี่แรมโบ้อีสาน’

เจ้านายพี่อาสามา-เมื่อประชาชนติติงกลับฟ้อง?

‘ยังบลัด’ ภูมิใจไทย ร่วมบี้ ‘ลุง’ ซ้ำ!

 

“เจ้านายพี่เขาอาสามา ประชาชนติติง แล้วมาฟ้องมันสมควรหรือ”

นี่คือข้อความบางส่วนจากคลิปในเฟซบุ๊กของฮาร์ท-สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล นักร้องชื่อดัง ที่ได้อัดคลิปพร้อมกับเขียนข้อความแจ้งว่า “สาส์นถึงพี่แรมโบ้อีสาน จากน้องฮาร์ท”

ฮาร์ท-สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล เป็นที่รู้จักกันในวงการดนตรี ในฐานะของนักร้องดูโอ้ เบิร์ดกะฮาร์ท ที่มีชื่อเสียงมากในช่วงปี ค.ศ.1985-1986

และเป็นที่รู้จักในวงกว้างของประเทศช่วงปี พ.ศ.2541-2542 จากการเริ่มต้นอ่านข่าวที่ช่อง 7 ช่อง 3

รวมถึงการสัมภาษณ์ดาราต่างประเทศ ในรายการทไวไลท์โชว์ ของไตรภพ ลิมปพัทธ์

 

ชื่อของฮาร์ท สุทธิพงศ์ กลับมาอยู่ในพื้นที่สื่ออีกครั้งในปี พ.ศ.2564 หลังนายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และทนายความของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เข้าแจ้งความกล่าวโทษกับนักร้องชื่อดัง ในฐานความผิด ม.112 โดยระบุว่า มีการโพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ในประเด็นเกี่ยวกับวัคซีน และในโพสต์ดังกล่าวมีคำว่า “เจ้านาย” อยู่ด้วยนั้น

“สาส์นถึงพี่แรมโบ้อีสาน จากน้องฮาร์ท” เป็นคลิปที่ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ตั้งใจถ่ายทอดส่งข้อความถึงนายเสกสกล ในคลิปมีเนื้อหาว่า

“ผมอยากสื่อสารกับพี่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ขออนุญาตเรียกว่าพี่แรมโบ้เพราะเราเกิดปีเดียวกัน คือผมกับพี่อาจไม่เคยเจอกัน แต่เรา 2 คนมีอะไรที่คล้ายกัน โดยต่างคนก็สนอกสนใจในความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ไม่ใช่ญาติของเราเหมือนกัน”

“ผมทราบมาว่า พี่แรมโบ้ไม่พอใจที่ผมได้ออกมาตำหนิเจ้านายพี่ ออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของเจ้านายพี่ ผมทราบว่าพี่ทนฟังผม ทนดูผมบ่นผ่านทางเฟซบุ๊กมาสักพักหนึ่งแล้ว จนกระทั่งล่าสุดที่ผมได้โพสต์เฟชบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องวัคซีน เรื่องโควิด-19 มันคงทำให้พี่เดือดจนทนไม่ได้ ต้องเดินทางมาที่ สน.นางเลิ้ง ขนเอกสารมาเยอะแยะ แล้วก็มาฟ้องผม”

“อยากจะบอกพี่ตรงๆ ว่าเจตนาที่ผมออกมาตำหนิหรือวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ด้วยความสัตย์จริง ผมไม่ได้ทำไปด้วยความสะใจหรือเป็นการระบายอารมณ์ เพียงแต่อยากให้เจ้านายของพี่ได้ทราบว่า ในโลกของความเป็นจริงที่ผมและชาวบ้านต้องเผชิญกับมันทุกวันมันเป็นอย่างไร เราต่างก็รักชีวิตตัวเอง รักครอบครัวของเรา คงไม่อยากให้คนที่เรารักต้องตายจากเราไปก่อนกาลอันควร”

“ที่ผ่านมาผมได้ดูข่าว เห็นชาวบ้าน เห็นอาม่า เห็นคนหนุ่มๆ รวมไปถึงคนที่อยู่ในวงการเดียวกันกับผม วงการบันเทิงอย่างน้าค่อม ต้องตายจากเราไปด้วยโรคโควิด-19 เพียงเพราะการบริหารจัดการเรื่องสถานพยาบาล เรื่องการโลจิสติกส์ พาคนป่วยไปถึงมือหมอ ไปจนถึงการจัดหาวัคซีนเพื่อที่จะมาสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนที่เขาอยู่ในกลุ่มเสี่ยง”

“ส่วนตัวผมได้ค้นคว้าหาข้อมูลโทร.หาเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศทราบมาว่า ในหลายประเทศเขามีการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนของเขาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม จึงทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าประเทศไทยเราได้วัคซีนอะไรก็ได้ มาฉีดให้คนไทยก่อนให้เร็วกว่านี้ 2 เดือน น้าค่อม หรือเพื่อนร่วมชาติของเราอีกหลายๆ คนอาจจะไม่ต้องตาย”

 

ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมต้องขอโทษพี่นะ แต่สิ่งที่ผมพูดเป็นเพียงแค่หนึ่งตัวอย่างในอีกหลายๆ เรื่องที่ผมไม่แฮปปี้กับการทำงานของเจ้านายพี่ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้พี่แรมโบ้ เพียงแค่ผมหรือใครก็แล้วแต่ออกมาตำหนิ ออกมาวิจารณ์การทำงานของเจ้านายพี่ ผู้ซึ่งอาสาเข้ามาทำงานให้กับเรา ไม่มีใครเรียกมา ผมคือคนหนึ่งไม่ได้เรียกท่านมา แต่ท่านอาสามาทำงานให้กับเรา แล้วเราในฐานะประชาชนก็พยายามที่จะบอกว่า ตรงไหนควรจะปรับปรุง ตรงไหนควรจะแก้ไข ตรงไหนมันบกพร่อง”

“ผมขอโทษวิธีที่ผมบอกกับพี่และสื่อสารไปยังเจ้านายพี่ มันฟังดูอาจจะไม่ลื่นหู อ่านแล้วแสลงตาแสลงใจ แต่มันสมควรแล้วหรือที่พี่ในฐานะลูกน้องคนสนิทของเจ้านายพี่ จะเอาเรื่องนี้มาฟ้องผม เรามาคุยกันดีๆ พี่ก็อธิบายให้ผมฟังว่า ฮาร์ทที่มันเป็นอย่างนี้เพราะมันอย่างนี้นะน้อง สิ่งนี้ทำไมมันถึงไม่พอ เรื่องนี้ทำไมมันถึงทำไม่ได้ ทำไมมันถึงมาช้า ผมไปหาพี่ก็ได้ ผมว่างทุกวันตอนนี้ไม่มีใครมาจ้างงานผมแล้ว”

ก่อนที่ฮาร์ทจะปิดท้ายคลิปว่า “ถ้าพี่โน้มน้าวผมสำเร็จ ผมรับประกันเลยว่า ผมจะกลับบ้าน แล้วผมจะช่วยโน้มน้าวเพื่อนและแฟนๆ ของผม ให้เขาร่วมมือช่วยเหลือเจ้านายพี่ให้ขับเคลื่อนประเทศไทยของเราไปในทิศทางที่เจ้านายพี่ต้องการ ผมสัญญา แล้วไม่แน่ผมอาจจะช่วยเจ้านายพี่ แต่งเพลงโควิด-19 วัคซีน ให้ชาวบ้านฟังเพื่อที่จะคลายทุกข์คลายโศก เหมือนเพลงฮิตในอดีตที่ท่านได้แต่ง เพลงเราจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน ผมก็เป็นนักแต่งเพลงเหมือนเจ้านายพี่”

“นะพี่แรมโบ้ Please เรามาคุยกัน”

 

หลังจากคลิป “สาส์นถึงพี่แรมโบ้อีสาน จากน้องฮาร์ท” ได้ส่งไปถึงผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี พี่แรมโบ้ไม่นิ่งนอนใจอัดคลิปส่งถึงน้องฮาร์ท เนื้อหาในคลิปมีข้อความว่า ถ้าคุณฮาร์ทมีความตั้งใจจริงที่อยากจะมาช่วยกัน ให้มาด้วยหัวใจ อย่ามาด้วยความเสแสร้งไม่จริงใจ เพราะจะถือว่าไม่รักบ้านเมือง รักประชาชนจริง ยืนยันไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับคุณฮาร์ท แต่ตัวเองมองว่าคำพูดของคุณฮาร์ทไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ทั้งนี้ หากคุณฮาร์ทยืนยันที่จะกลับใจ เป็นคนที่คิดดีทำดีเพื่อบ้านเมือง เพื่อชาติ เพื่อประชาชน อยากทำงานให้รัฐบาล และอยากจะพูดคุยกับตัวผมนั้นไม่มีปัญหา แต่อยากให้ตอบคำถาม 2 ข้อก่อนคือ

1. คุณฮาร์ทต้องมีความจริงใจ ไม่ได้เสแสร้งเล่นละคร อยากจะช่วยบ้านเมืองจริง อย่าโจมตีการทำงานของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหา รวมถึงวัคซีนของไทย เพราะไม่ได้ประโยชน์อะไรและยังจะทำให้ประชาชนเข้าใจสับสน ในขณะที่คนไทยด้วยกันกำลังจะช่วยกันรักษาชีวิต ยืนยันไม่มีใครอยากให้ประชาชนคนไทยตายแม้แต่คนเดียว แม้แต่น้าค่อมก็ไม่อยากให้สูญเสีย

2. การที่ตัวผมกับนายอภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแจ้งความดำเนินคดีกับคุณฮาร์ท ไม่ได้ไปแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทนายกฯ หรือเป็นเพราะตัวผมโกรธแทนนายกฯ หรือเป็นเพราะว่านายกฯ โกรธ ยืนยันนายกฯ ไม่ได้โกรธคุณฮาร์ท และส่วนตัวก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคุณฮาร์ท เป็นอดีตแฟนคลับด้วยซ้ำ แต่ผมไปแจ้งความในข้อหา ม.112 ที่คุณฮาร์ทมีการโพสต์ข้อความหมิ่นเหม่ในประเด็นเกี่ยวกับวัคซีน และในโพสต์ดังกล่าวมีคำว่า “เจ้านาย” อยู่ด้วยนั้น ซึ่งใครได้อ่านก็รู้ว่าเกี่ยวข้องกับสถาบัน เจตนาตั้งใจพาดพิงถึง

“หากมีความจริงใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจนว่า คุณฮาร์ทมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งคุณฮาร์ทเป็นคนที่เกิดที่โรงพยาบาลศิริราช จะต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ หากคุณฮาร์ทมีความชัดเจนแล้ว ผมและนายอภิวัฒน์ทนายความ พร้อมจะไปถอนแจ้งความตามมาตรา 112 ให้กับคุณฮาร์ท และพร้อมจะพูดคุยด้วย เชิญมาทำงานเพื่อประเทศชาติด้วยกัน แต่ถ้าใครคิดจะจาบจ้วง ก้าวล่วง ล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ผมและประชาชนที่จงรักภักดียอมรับไม่ได้”

ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุก่อนที่คลิปจะจบ

 

หลังจากแรมโบ้ขู่เล่นงานฮาร์ท ปรากฏว่า เสียงจากคนในสังคม ต่างแสดงความเห็นใจฮาร์ท และไม่พอใจที่คนในรัฐบาลประยุทธ์ใช้มาตรา 112 เล่นงานแม้กระทั่งศิลปินนักร้อง ตามอำเภอใจ

ล่าสุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกโรงมาชี้ประเด็นว่า สิ่งที่นายสุทธิพงศ์พูดถึงเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เป็นเรื่องปกติ รัฐบาลควรรับคำตำหนิมาแก้ไข ไม่ใช่ไปดำเนินคดีกับเขา

ทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาลประยุทธ์ใช้คนไม่มีความรู้ไปดำเนินคดีประชาชน ถ้าเป็นเช่นนี้ รัฐบาลจะอยู่ไม่ได้

 

การวิพากษ์การทำงานของรัฐบาล

ไม่เพียง “ฮาร์ท” เท่านั้นที่ออกมาก่อมรสุมถล่มรัฐบาล

ล่าสุด ส.ส. “ยังบลัด” พรรคภูมิใจไทยที่ร่วมรัฐบาล ยังได้ออกมาวิพาษก์วิจารณ์ “ลุง” อย่างรุนแรงเช่นกัน ในประเด็นการฉีดวัคซีน ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งยกเลิกการวอล์กอิน ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีส่วนผลักดันอยู่

โดยนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่า

“หากยังมัวแต่ยึดติดกับ ไอ้ #หมอพ้ง_หมอพร้อม ประชาชนจะติดโควิดกันหมด เข้าใจมั้ยยยย ลุ้งงงงงงง

คนเขาบอกยังไม่รู้ฟัง ดื้อรั้น ถูลู่ถูกัง ทิฐิมานะสูง

เป้า 50 ล้านคน หากไม่อยากให้เป็นแค่ลมปาก ลุงหาวิธีอื่นมาอำนวยความสะดวกให้ชาวบ้านเถอะ

แทนที่จะช่วยทำให้มันไว คนเข้าถึงง่าย กลับเป็นตัวถ่วง และสร้างกำแพงให้คนเข้าถึงวัคซีนยากกกกก

แล้วแบบนี้เป้า 50 ล้านคน ลุงจะเสร็จเมื่อไร??? รึว่าให้คนเขาสร้างภูมิกันเองด้วยการรับเชื้อโควิดกันทั้งประเทศ

เห้ออออ”

และโพสต์อีกว่า

“วิธีจัดลำดับการ walk-in ก็ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากแม้แต่น้อย

ท่านก็แค่กำหนดให้ชัดเจนว่ารับคิวไหน จำนวนเท่าไร คนเขามาคิวเต็มแล้ว เขาก็กลับบ้าน มาวันอื่น เท่านั้น

ไม่ใช่คิดแต่ทำไม่ได้ๆๆๆๆ ชาติหน้าก็ทำไม่ได้

แค่คิดว่าทำได้ แล้วหาวิธีให้ทำได้ พรุ่งนี้มันก็ทำได้

#จบข่าววว”

เช่นเดียวกับนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาเบรกกลางวง ครม.ไม่ให้ใช้แนวทางวอล์กอินรับวัคซีน โดยระบุว่า

“ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเราจะได้เห็นว่า มีปัญหากับการลงทะเบียนหมอพร้อมมาก เราได้เห็นรูปแบบการฉีดวัคซีนในประเทศต่างๆ ประชาชนเริ่มตื่นตัว อยากฉีดวัคซีนมากขึ้น แต่หมอพร้อมก็ยังไม่พร้อม ตั้งแต่มีข่าว walk in ให้ไปฉีดได้ เราเชื่อว่า คนมีทางเลือกมากขึ้น และตื่นตัวขึ้น แต่พอเมื่อวาน ลุงมาเบรก ไม่ให้ walk in แล้วบอก app ห้ามล่ม เฮ้ยยนี่ รู้สึกเลยว่า เป็นการบริหารแบบยุคเก่ามาก คือถ้าไม่ได้เป็นความคิดของตนคือผิดหมด แทนที่จะให้เขาหาแนวทางแบบฉีดได้โดยไม่แออัด การตัดสินใจแบบนี้เท่ากับว่า ไม่ได้เรียนรู้ปัญหาและการแก้ไข ในกรณีที่ไม่เป็นไปตามแผนเลย เป็นการตัดสินใจที่บ้งมาก”

 

ร้อนถึงบรรดาองครักษ์พิทักษ์ตู่ทั้งในทำเนียบและในพรรคพลังประชารัฐ ต้องออกมาโต้ยังบลัด พรรคภูมิใจไทยกันวุ่น

และคงเป็นศึกสายเลือดในรัฐบาลอีกเรื่อง

ส่วนจะถึงขั้นเอาผิดทางกฎหมายเหมือนที่ “ฮาร์ท” สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล เจอหรือไม่

และจะบานปลายขนาดไหน

โปรดติดตาม