คุยกับทูต เอฟรอน อักกุน ครบวาระสี่ปีที่ผูกพัน สานสัมพันธ์ไทย-ตุรกี (ตอนจบ)

 

คุยกับทูต เอฟรอน อักกุน

ครบวาระสี่ปีที่ผูกพัน

สานสัมพันธ์ไทย-ตุรกี (จบ)

 

“นอกเหนือจากมีที่ตั้งเป็นจุดยุทธศาสตร์ระหว่างยุโรปและเอเชียแล้ว ยังมีหลายเหตุผลหลักที่ทำให้ตุรกีเป็นประเทศที่ควรค่าแก่การลงทุน กล่าวคือ มีโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ และการเงินที่ทันสมัย แรงงานที่อายุน้อย และมีทักษะ ตลอดจนมีสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เป็นมิตร”

“ตุรกีเป็นประเทศที่เสนอโอกาสและแรงจูงใจในการลงทุนมากมายให้กับนักลงทุนต่างชาติ ไม่ว่าจะมีการลงทุนในภูมิภาคใดก็ตาม โครงการทั้งหมดที่ตรงตามเงื่อนไขของกำลังการผลิตที่เฉพาะเจาะจง และจำนวนเงินลงทุนคงที่ขั้นต่ำ ล้วนจะได้รับการสนับสนุนภายในกรอบของโครงการแรงจูงใจในการลงทุนทั่วไป (General Investment Incentives Scheme) ตุรกีเสนอสิ่งจูงใจมากยิ่งขึ้นตามลำดับความสำคัญและภาคส่วนที่กำหนดไว้ เช่น เรื่องของการขนส่ง และพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น”

นางเอฟรอน ดาเดเลน อักกุน (Her Excellency Mrs. Evren Dağdelen AkgÜn) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทย

นางเอฟรอน ดาเดเลน อักกุน (Her Excellency Mrs. Evren Dağdelen AkgÜn) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรกีประจำประเทศไทยชี้แจงว่า

“ตุรกียินดีรับการลงทุนจากประเทศไทยในทุกภาคส่วน โดยไทยสามารถเปิดฐานการผลิตในตุรกีเพื่อส่งต่อไปยังยุโรปและภูมิภาคใกล้เคียง ซึ่งเป็นตลาดที่มีประชากร 1.6 พันล้านคนและอยู่ในระยะเวลาเพียง 3-4 ชั่วโมงเที่ยวบินจากตุรกี การเชื่อมต่อสายการบินไม่ได้เป็นข้อได้เปรียบด้านโลจิสติกส์เพียงอย่างเดียวที่ตุรกีมี”

“ตัวอย่างเช่น โครงการขยายประตูการค้าสู่โลกที่ใหญ่ที่สุดของตุรกีที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ คือการเปิดท่าเรือนานาชาติเมอร์ซิน (Mersin International Port) เป็นการขยายความสามารถรองรับปริมาณสินค้าผ่านท่าจาก 2.6 ล้านทีอียู เป็น 3.6 ล้านทีอียู”

เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากตำแหน่งหน้าที่

โดยท่าเรือนี้ได้เปิดโครงการพัฒนาท่าเรือเฟสสอง ขยายศักยภาพสู่ 3.6 ล้านทีอียู ท่าเรือนานาชาติเมอร์ซินเป็นประตูการค้าหลักของตุรกีและระดับภูมิภาคของพื้นที่ชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีที่ตั้งที่เชื่อมต่อกับทางรถไฟและทางหลวงของตุรกี รวมไปถึงเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญอย่าง Ankara, Gaziantep, Kayseri, Kahramanmaraş และ Konya และตั้งอยู่ใกล้พรมแดนประเทศซีเรีย อิรัก และกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS) โดยยังสามารถเชื่อมต่อไปยังพื้นทวีปออกสู่ตะวันออกกลางและพื้นที่แถบทะเลดำ

“เศรษฐกิจของตุรกีเติบโต 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในปี ค.ศ.2020 และ 5.9% ในไตรมาสที่แล้ว ซึ่งเร็วกว่าประเทศในกลุ่ม G-20 ทั้งหมด ยกเว้นประเทศจีน และในปี ค.ศ.2020 ตุรกีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 11 ของโลกโดยผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) และความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและเอกชน (PPP)”

“ผลการศึกษาล่าสุดขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) (ดัชนี CLI) พบว่าตุรกีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งเป็นอันดับ 5 ในบรรดา OECD 23 ประเทศ และ 10 ประเทศที่ไม่ใช่ OECD รวมถึงรัสเซีย อินเดีย และจีน”

เข้าเยี่ยมคารวะ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในโอกาสพ้นจากตำแหน่งหน้าที่

ท่านทูตเล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีกับต่างประเทศ

“เราได้ถูกให้คำนิยามและการปฏิบัติที่เป็นไปอย่างมี ‘มนุษยธรรม และกล้าได้กล้าเสีย’ (Humanitarian and Enterprising) ตุรกีเป็นผู้บริจาคความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมรายใหญ่ที่สุดในโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในแง่ของอัตราส่วนต่อรายได้ประชาชาติด้วยเงินกว่า 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังเป็นผู้มอบความช่วยเหลือรายใหญ่ที่สุดทั่วโลกสำหรับการบรรเทาทุกข์จาก COVID-19 โดยเราได้รับคำขอความช่วยเหลือประเภทต่างๆ และได้ให้ความช่วยเหลือแก่ 157 ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศถึง 12 แห่ง”

“นโยบายต่างประเทศอย่างกล้าได้กล้าเสีย (Enterprising Foreign Policy) ของเรา หมายถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีและพหุภาคีของเราทั่วโลก ปัจจุบันตุรกีเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งขององค์กรในยุโรปหลายแห่ง ตุรกีเป็นประเทศผู้สมัคร (candidate) เข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป”

“ตุรกีเป็นสมาชิกหรือผู้สังเกตการณ์ขององค์กรระหว่างประเทศและ/หรือระดับภูมิภาคเกือบทั้งหมด จากตะวันออกกลางและแอฟริกาไปจนถึงเอเชียแปซิฟิก จากละตินอเมริกาไปจนถึงเอเชียกลาง ตุรกีอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกด้วยเครือข่ายภารกิจทางการทูตขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสิ่งที่มีคุณค่ายิ่งสำหรับการทูตเชิงรุกของเรา”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคนี้ เรามีสถานทูตประจำอยู่ใน 10 ประเทศอาเซียน และตุรกียังเป็นพันธมิตรคู่เจรจารายสาขาของอาเซียน ซึ่งเราให้ความสำคัญกับบทบาทของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ปริมาณการค้าของเรากับประเทศสมาชิกได้เพิ่มขึ้นสิบเท่าถึง 10 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา เรามั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มตัวเลขเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากศักยภาพในภูมิภาค โดยอาศัยกลยุทธ์ใหม่ ตลอดจนการบูรณาการโดยมุ่งเน้นที่ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) รวมทั้งความพยายามร่วมกันของภาครัฐและเอกชน ซึ่งในขณะนี้ตุรกีและไทยกำลังเจรจา FTA คาดว่าจะเพิ่มปริมาณการค้าทวิภาคีขึ้นถึง 40%”

“ส่วนความร่วมมือทวิภาคีของเราก็ยังคงดำเนินต่อไปในเวทีการประชุมอื่นๆ เช่น ความร่วมมือในการเจรจาเอเชีย (Asia Dialogue Cooperation) และในปัจจุบันตุรกีได้ดำรงตำแหน่งประธาน นอกจากนี้ นโยบาย ‘Asia Anew’ ของตุรกีจะสามารถนำไปสู่กรอบที่ครอบคลุมมากขึ้นในการยกระดับความร่วมมือกับทุกประเทศในภูมิภาคเอเชีย”

“ปัจจุบันโปรไฟล์ของตุรกีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น บริษัทในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ 7 แห่งของตุรกี ได้เป็นหนึ่งใน 100 บริษัทชั้นนำของโลกโดยอยู่ในอันดับที่ 4 ของประเทศทั้งหมด การส่งออกผลิตภัณฑ์ไฮเทคที่คุ้มทุนในภาคนี้มีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ”

เมื่อวันประชาธิปไตยและวันเอกราชแห่งชาติตุรกี 15 กรกฎาคม 2020 (Democracy and National Unity Day of Turkey)

“ตุรกียังเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำในภูมิภาคด้านพลังงานหมุนเวียน ตัวอย่าง ส่วนแบ่งของทรัพยากรพลังงานหมุนเวียนในกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งอยู่ที่ 52.3% ซึ่งทำให้ตุรกีอยู่ในอันดับที่ 6 ในยุโรปและอันดับที่ 13 ของโลก”

“นอกจากนี้แล้ว ตุรกียังติดอันดับนักลงทุนพลังงานลมรายใหญ่อันดับ 5 ในยุโรปในปี ค.ศ.2020 และในปีเดียวกันตุรกียังเปิดตัวโรงงานเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์แห่งแรกและแห่งเดียว ด้วยโครงการการจัดการขยะเหลือศูนย์ (Zero Waste) ซึ่งนำโดยสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง นางเอมีเน เออร์โดกัน (Emine Erdoğa) และอัตราการแปรรูป (recycle) ของเสียจะเพิ่มขึ้นเป็น 60% ภายในปี ค.ศ.2035”

“ตุรกียังได้เริ่มดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าโดยจะมีรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกพร้อมให้บริการในปี ค.ศ.2022 และหลายแห่งเสนอโอกาสในความร่วมมือทางทวิภาคี”

“นอกจากนี้ ตุรกีได้เปิดตัวโรงงานเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์แบบบูรณาการแห่งแรกและแห่งเดียวในปี 2020 ซึ่งเราได้เริ่มดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า โดยจะมีรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกพร้อมให้บริการในปี 2022 พื้นที่เหล่านี้หลายแห่งยังมีการเสนอโอกาสความร่วมมือในระดับทวิภาคีอีกด้วย”

“ในฐานะจุดหมายปลายทางอันดับ 6 ของโลกที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี ค.ศ.2019 ตุรกีครองอันดับที่ 13 ในแง่ของรายได้จากการท่องเที่ยว อีกทั้งตั้งอยู่ที่ทวีปยุโรปและเอเชียเชื่อมต่อกันโดยมีทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาบรรจบกับทะเลดำ ทำให้อารยธรรมและวัฒนธรรมหลากหลายมารวมกันที่นี่เป็นเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา”

“ตุรกียังเป็นที่ตั้งของกรุงทรอย (Troya) สองในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโบราณ-วิหารอาร์เทมิสในเอเฟซัส และสุสานในฮาลิคาร์นัสซัสโบดรัม (the Temple of Artemis in Ephesus and the Mausoleum in Halicarnassus, Bodrum) บ้านของวัดที่เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุ 12,000 ปี (Göbeklitepe) ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองชาตัลเฮอยืค (Çatalhöyük) เป็นที่รู้จักแห่งแรกในโลก บ้านของซานตาคลอสและสุเหร่าฮาเกียโซเฟีย (Hagia Sophia Mosque) ดินแดนที่เหรียญแรกได้ถูกสร้างขึ้น”

“หากเมื่อเอ่ยถึงสิ่งมหัศจรรย์ก็สามารถหาได้ในตุรกี”

สะพาน Bosphorus หรือสะพาน 15 July Martyrs

“แน่นอนว่าการระบาดของโรคได้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างหนัก แต่คิดว่ากิจกรรมการท่องเที่ยวจะสามารถเริ่มฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งหลังของปี ค.ศ.2021 ด้วยการรณรงค์ฉีดวัคซีน และความเคลื่อนไหวนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี ค.ศ.2022 และ 2023 ซึ่งดิฉันหวังว่าการท่องเที่ยวระหว่างประเทศของเราจะสามารถฟื้นตัวในไม่ช้า และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

“เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตุรกีได้ฉีดวัคซีนแก่ประชาชนมากกว่า 20 ล้านคน และยังได้วางมาตรการความปลอดภัยในการเดินทาง การติดต่อระหว่างคนสู่คน ซึ่งถือเป็นสะพานเชื่อมมิตรภาพที่ดีที่สุด รวมทั้งการช่วยเหลือทางธุรกิจและความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรม ในประเด็นดังกล่าว ตุรกีและไทยได้ดำเนินการผ่านความร่วมมือทางวิชาการ โครงการฝึกงานและผ่านโครงการทุนการศึกษา”

ท้ายสุด ก่อนเดินทางกลับประเทศตุรกี ท่านทูตเอฟรอน อักกุน กล่าวคำอำลาท่านผู้อ่านว่า

“นับเป็นเกียรติอย่างสูงที่ดิฉันได้มาเป็นตัวแทนของประเทศตุรกีในฐานะเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ด้วยความยินดีอย่างที่สุดที่ได้มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบให้บรรลุความสำเร็จตามความมุ่งหมาย และ…จนกว่าเราจะพบกันอีกในอนาคต”

มัสยิดสีน้ำเงิน (Blue Mosque, Istanbul)