หนุ่มเมืองจันท์ชวนไปฉีดวัคซีน

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC

 

ฉีดวัคซีน

 

อยากชวนคุยเรื่องการฉีดวัคซีนครับ

ไม่รู้ว่าแต่ละคนคิดอย่างไรเรื่องการฉีดวัคซีน

“ฉีด” หรือ “ไม่ฉีด”

ทั้งที่ทุกคนรู้ว่า “วัคซีน” คือ “แสงสว่าง” ที่ปลายอุโมงค์

แต่พอถึงเวลาต้องฉีด

หลายคนลังเล

หลายคนไม่มั่นใจในคุณภาพวัคซีนที่รัฐบาลชุดนี้เลือกให้กับประชาชน

ทั้ง “ซิโนแวค” และ “แอสตร้าเซนเนก้า”

โดยเฉพาะ “ซิโนแวค” คนไม่มั่นใจมากที่สุด

ต้องยอมรับว่าข่าวเรื่องผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนในช่วงที่ผ่านมามีผลต่อความมั่นใจเรื่องการฉีดวัคซีนมากพอสมควร

จากต่างประเทศจนมาถึงเมืองไทย

เป็นธรรมชาติที่คนจะกลัว “สิ่งใหม่”

“วัคซีนโควิด-19” คือ “สิ่งใหม่” ในโลกใบนี้

และเนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสตัวนี้ไปทั่วโลก การคิดค้นวัคซีนจึงกระทำอย่างเร่งด่วน

หน่วยงานด้านสาธารณสุขยอมยกเว้นกฎเกณฑ์บางอย่างในการทดลองวัคซีน

เพราะเป็นภาวะฉุกเฉิน

การฉีดวัคซีนโควิด-19 จึงไม่เหมือนกับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่

ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทุกคนรู้เพราะเคยฉีดมาแล้ว

แต่วัคซีนโควิด-19 ทุกคนไม่รู้เพราะไม่เคยฉีด

มีข่าวว่าบางคนแพ้หนัก แต่ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาอะไร

และแน่นอน คนย่อมสนใจข่าวคนแพ้ยามากกว่าคนฉีดแล้วไม่เป็นอะไร

นั่นคือปัญหาใหญ่ของการรณรงค์ฉีดวัคซีนของรัฐบาล

เขาเตรียมวัคซีนสำหรับคนสูงอายุ 16 ล้านคน

10 กว่าวันมีคนมาลงชื่อแค่ 1.6 ล้านคน

มีปัญหาทั้งระบบการลงทะเบียนผ่านแอพพ์ “หมอพร้อม” ที่คนสูงอายุทำไม่เป็น

และเรื่อง “ความกลัว”

รัฐบาลคิดว่าคนกลัวโควิด-19 แล้วจะแห่มาฉีด

ปรากฏว่าคนกลัว “วัคซีน” มากกว่า “โควิด”

พอมีปัญหา แน่นอนว่ารัฐบาลต้องชี้นิ้วไปที่อื่น

อ้างว่าเพราะมีเฟกนิวส์ มีข่าวด้านลบเรื่องวัคซีนมากทำให้คนกลัว

แต่โชคดีที่เมืองไทยมีจังหวัดลำปาง

มี “ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” หรือ “ผู้ว่าฯ หมูป่า”

เพราะที่ลำปางมีผู้สูงอายุประมาณ 177,000 คน

ลงชื่อฉีดวัคซีน 220,000 คน

มากกว่าจำนวนผู้สูงอายุในจังหวัดเสียอีก

เพราะเขารณรงค์ไปถึงคนที่อยู่ใน 7 กลุ่มโรคที่อนุญาตให้ฉีดก่อนด้วย

ถามว่าภายใต้ปัญหาเหมือนกัน

ทำไมที่ “ลำปาง” จึงมีคนลงชื่อมากที่สุดในประเทศไทย

ทั้งที่มีพยาบาลที่โรงพยาบาลลำปางมีอาการแพ้วัคซีนเป็นข่าวไปทั่วประเทศ

คนลำปางน่าจะกลัว “วัคซีน” มากกว่าจังหวัดอื่น

แต่ทำไมจึงมีคนลงชื่อฉีดวัคซีนมากที่สุด

ถ้าใครฟังผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงวิธีคิดและระบบการทำงานแล้ว

ทุกคนจะได้คำตอบว่าปัญหาเรื่องการรณรงค์ให้คนฉีดวัคซีนอยู่ที่ไหน

อยู่ที่ “ผู้นำ” ครับ

 

มีคนถามว่าผมจะฉีดวัคซีนไหม

“ฉีดครับ”

ผมตอบแบบไม่ต้องคิด

ไม่ต้องคิดเพราะคิดมาอย่างละเอียดแล้ว

ถามว่าไม่กลัวผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นหรือ

“ไม่กลัวครับ”

ไม่ใช่เพราะกล้าหาญอะไร แต่เพราะดูตามสถิติแล้วโอกาสเสี่ยงต่ำมาก

ทั้งการฉีดวัคซีนซิโนแวค หรือแอสตร้าเซนเนก้า

สถิติคร่าวๆ คือ คนที่ฉีดวัคซีนแล้วมีผลข้างเคียงประมาณ 1 ใน 100,000 คน

โอกาสตาย 1 ใน 1,000,000

โอกาสพอๆ กับถูกรางวัลที่ 1

ดังนั้น ถ้าคุณไม่เคยถูกรางวัลที่ 1 ให้คิดว่าไปฉีดวัคซีนคุณก็ไม่เป็นอะไรเหมือนกัน

ผมเพิ่งไปดูสถิติคนเสียชีวิตในช่วงสงกรานต์ปี 2562 ซึ่งเป็นสงกรานต์เต็มรูปแบบครั้งสุดท้ายของเมืองไทย

เชื่อไหมครับ มีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 386 ราย

หรือประมาณ 6 คน ใน 1 ล้านคน

สถิตินี้บอกให้เรารู้ว่าไปเที่ยวสงกรานต์เสี่ยงกว่าฉีดวัคซีนอีก

ดังนั้น ถ้าคุณกล้าไปเที่ยวสงกรานต์ คุณฉีดวัคซีนได้เลยครับ

ความเสี่ยงต่ำกว่าเยอะ

ในอีกมุมหนึ่ง ตอนนี้เรามีคนติดโควิด 85,000 ราย เสียชีวิต 421 ราย

คิดง่ายๆ ว่าใน 1 ล้านคน ติดโควิดแล้ว 1,268 คน

หรือรอบตัวเรา 788 คน มีโอกาสติด 1 คน

มันใกล้ตัวเรามากนะครับ

และอัตราการเสียชีวิตจากโควิดเฉลี่ย 6 คนต่อคน 1 ล้านคน

อันตรายที่เกิดจากการฉีดวัคซีนต่ำกว่าการติดโควิดหลายเท่านัก

ดูจากสถิติ คิดแบบวิทยาศาสตร์ ใช้หลักเหตุผล

ยังไงก็ควรฉีด

 

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ “โควิด” เป็นสิ่งที่เราไม่ควรเสี่ยงอย่างยิ่ง

เพราะถ้า “โควิด” เป็นโรคโรคหนึ่ง

โรคนี้ก็เป็นโรคที่น่าเศร้าและเดียวดายที่สุดในโลก

ลองคิดดูสิครับ ตอนที่เราป่วย เราคงอยากให้คนที่เรารักอยู่ข้างกาย

ไม่ว่าจะเป็นสามี ภรรยา ลูก หรือพ่อ-แม่ของเรา

แต่โรคนี้ใจร้ายมาก

ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้เราได้เลย

ญาติพี่น้อง คนที่เรารัก ไม่มีโอกาสมาเยี่ยมเราเลย

จับมือให้กำลังใจก็ไม่ได้

จะกอด จะหอมแก้มก็ไม่ได้

อาการป่วยทางกายคงไม่เท่ากับอาการเศร้าทางใจ

ตอนที่เรายังรู้ตัวอยู่ก็อาจคุยผ่านโทรศัพท์ได้บ้าง

แต่ถ้าอาการเริ่มหนัก

คุณต้องอยู่อย่างเดียวดายยิ่งกว่าเดิม

และถ้าโชคร้าย

คุณจะจากไปโดยที่ไม่ได้ร่ำลาใครแม้แต่คนเดียว

ไม่ได้จับมือคนที่เรารักที่สุด

แม้แต่งานศพก็ต้องเร่งเผาในวันนั้นเลย

บางคนติดกันทั้งครอบครัว อยู่ในโรงพยาบาล

เราจะจากไปแบบปราศจากคนที่เรารัก

เพราะไม่มีใครสามารถมาร่วมงานศพของเราได้เลย

บรรยากาศจะเศร้ายิ่งกว่าเศร้า คล้ายกับงานศพ “น้าค่อม”

เราคงไม่อยากให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นกับเรา

และอย่าคิดว่าเหตุการณ์นั้นจะไม่เกิดกับเรา

ถ้าเรายังไม่ฉีดวัคซีน

 

อย่าลืมว่าเราหมุนเข็มนาฬิกากลับได้

แต่เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปตัดสินใจใหม่ได้

ครับ ถ้าเรายังมีคนที่เรารัก

ถ้าเรามีคนที่รักเรา

ไปฉีดวัคซีนกันเถอะครับ