E-DUANG : คบเพลิง ไล่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตกไป ในมือ มวลมหา “ประชาชน”

พลันที่เห็นภาพ นายนิติธร ล้ำเหลือ ออกมาแถลงข่าวเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียสละ”ลาออก”จากตำแหน่ง เคียงคู่กับนักธุรกิจอัญมณี นายปรีดา เตียสุวรรณ์

ก็หวนนึกถึงคำกล่าวของ นายเสกสรร ประเสริฐกุล ภายหลังสถานการณ์เดือนตุลาคม 2516 ที่ว่า

บัดนี้”คบเพลิง”แห่งการต่อสู้ได้ขยายไปกว่างกว้างไพศาลยิ่ง

น่าสนใจก็ตรงที่ “คบเพลิง” แห่งการต่อสู้เมื่อเดือนตุลาคม 2516 กับ “คบเพลิง”แห่งการต่อสู้ในเดือนพฤษภาคม 2564 แทบจะมีความหมายไม่แตกต่างกัน

นั่นก็คือ ได้ส่งต่อจากมือของ”นักเรียน นิสิต นักศึกษา” ไปยังมือของมวลมหาประชาชนอันหลากหลาย

แม้กระทั่งทนายอย่าง นายนิติธร ล้ำเหลือ แม้กระทั่งนักธุรกิจ อย่าง นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ซึ่งเคยอยู่คนละข้างกับ”เพนกวิ้น”

ก็ออกมาประสานเสียงและบทเพลงเดียวกันกับ”เพนกวิ้น” กับน้อง “รุ้ง”

นั่นก็คือ การเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกไป

 

แรกที่เกิดปรากฏการณ์”เยาวชนปลดแอก” ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อเดือนกรกฎาคม 2563 ประสานกับ”แนวร่วมธรรม ศาสตร์และการชุมนุม” ณ ธรรมศาสตร์ในเดือนสิงหาคม

เสียงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกพร้อมกับมีการยกร่างรัฐธรรมนูญอันเป็นประชาธิปไตย ปฏิรูปสถาบัน

ถูกคัดค้านอย่างกว้างขวางจากบรรดาเกจิผู้มากด้วยความจัดเจนในทางการเมือง มองอย่างหยามหยันว่าข้อเรียกร้องไม่มีทางเป็นไปได้

กลุ่มของเพนกวิ้น รุ้ง ซึ่งชู”สามนิ้ว”ขึ้นเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้ถูกเรียกในแบบด้อยค่าว่า “สามกีบ” และสบประมาทรายวัน

มองว่ามีแต่จะแผ่วและฝ่อลง ไม่อาจเติบใหญ่

 

จากเดือนกรกฎาคม 2563 มายังเดือนพฤษภาคม 2564 แม้ว่ากลุ่มของเพนกวิ้น รุ้ง จะถูกสกัดขัดขวางด้วยมาตรการทางกฎหมาย จับกุมคุมขัง ลิดรอนสิทธิเสรีภาพอย่างอยุติธรรม

แต่ความเป็นจริงหนึ่งก็คือ “คบเพลิง”ที่เขาชูสูงเด่นเริ่มได้รับการขานรับจากมวลมหาประชาชนดังกึกก้องจนกลายเป็นกระแส

แม้กระทั่งคนที่เคยหยามหยันเยาะเย้ย