หลังเลนส์ในดงลึก : ‘โพรงกับโลก’ / ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
นกเงือกคอแดง - พวกมันอาศัยอยู่ในป่าด้านตะวันตก เหลือประชากรไม่มากนัก เป็นนกที่เชี่ยวชาญการกระโดดไปตามลำห้วยไล่ล่ากบ เขียด

 

‘โพรงกับโลก’

 

สภาพอากาศราวกับมีสามฤดูกาลในเวลาหนึ่งวัน ในป่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติ โดยเฉพาะช่วงที่เป็นเวลาของฤดูแล้งเช่นเดือนมีนาคม

ค่อนดึกถึงรุ่งเช้า อากาศเย็นยะเยือก อุณหภูมิอยู่ที่ 10 องศาเซลเซียส สายๆ จนถึงบ่าย อากาศร้อนอบอ้าว

หลังบ่าย 3 โมง สายฝนกระหน่ำ พร้อมกับสายลมแรง ตามด้วยท้องฟ้าคะนอง ส่งเสียงโครมคราม

ช่วงเวลานี้ไม่เพียงต้องปรับตัวไปตามสภาพอากาศ แต่พายุรุนแรงนั่นทำให้มีต้นไม้หลายต้น บางต้นใหญ่ขนาดโอบไม่รอบล้ม บางต้นกิ่งหัก

และหากทิศทางการล้ม คือลงมาบนเส้นทางที่คนใช้สัญจร นั่นคือภาระที่ต้องเลื่อย ตัด ฟัน ให้รถผ่านไปได้

ไม่เลือกทำเลตั้งแคมป์ติดริมลำห้วยมากนัก เพราะแม้จะเป็นฤดูแล้ง ซึ่งระดับน้ำในห้วยใส ไหลรินๆ จะกลายเป็นลำห้วยที่น้ำไหลเชี่ยว ขุ่นแดง

แต่ระดับน้ำสูงอยู่ไม่นาน สักครึ่งวันก็ลด ฤดูฝนอย่างจริงจังยังเดินทางมาไม่ถึง มันเป็นช่วงเวลาของฤดูแล้ง ต้นพืชอาหารนกทยอยออกลูกสุก รวมทั้งต้นไทรที่หมุนเวียนออกลูกสุกตลอดทั้งปี

แม้ว่าพายุฝนในฤดูแล้งจะสร้างความยุ่งยากให้กับชีวิตในป่าบ้าง

แต่นี่เป็นเวลาแห่งความอุดมสมบูรณ์

และเป็นเวลาที่เหล่านกในป่าสร้างรัง วางไข่

 

ก่อนฝนตกในช่วงบ่าย อากาศจะร้อนอบอ้าว สิ่งที่มากับความอบอ้าวนี้คือผึ้งจำนวนมาก ทั่วทุกแห่งมีผึ้ง ขณะกำลังเดินเหงื่อชุ่มหรือนั่งอยู่ในซุ้มบังไพร อยู่ในแคมป์ ผึ้งรุมตอม ราวกับเราเป็นอาหารโอชะ

ผึ้งฝึกฝนความอดกลั้นได้ดี เมื่อมันเข้ารุมตอมเข้าไปในเสื้อ สิ่งที่ต้องทำคือนิ่ง หากขยับตัวแรงๆ มันจะต่อย และปล่อยเหล็กในทันที

ตอนกินข้าวก็ต้องระวัง มันจะเกาะบนช้อน

อีกทั้งช่วงเวลานี้คล้ายเป็นเวลาของมดด้วย มดจะเข้าจัดการกับเศษอาหาร รวมทั้งเสบียง

ในแคมป์พักแรม ไม่มีอะไรยุ่งยากเท่ากับการโดนกองทัพมดคันไฟบุกอีกแล้ว

กระนั้นก็เถอะ บางคืนป่าชดเชยให้ด้วยท้องฟ้าแจ่มใส ดวงจันทร์กลมโตส่องแสงนวล…

 

บ่ายบางวัน ท้องฟ้าสีครามเข้มเหมือนในช่วงฤดูหนาว หลังพายุฝนรุนแรง ตอนดึกและรุ่งเช้าอากาศเย็นจัด

เป็นเวลาดีที่จะเอาเสื้อผ้าอับชื้นตากแดด จัดการกับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ชำรุด และออกไปซื้อเสบียงในเมือง

พบเจอคนในป่า มักได้ยินเรื่องต่างๆ แบ่งปันเรื่องที่พบมา ส่วนใหญ่เป็นความยุ่งยากในการเดินทาง เลื่อยต้นไม้ต้นโตๆ ที่ล้มขวางทางรถ โดนหนามไผ่ทิ่มยางทะลุแผลใหญ่

บางทีมมีเรื่องสนุก พวกเขาพบกับเสือโคร่งสองตัว

“มันเข้ามาในแคมป์เลยครับ” คนเล่าทำหน้าจริงจัง

“เข้ามาดมๆ ของต่างๆ ดึงผ้าขาวม้าที่แขวนไว้ลงมาด้วย”

พวกเขาดูเสือโคร่งสองตัวนี้จากบนต้นไม้ ทุกคนขึ้นไปตั้งหลักอยู่บนต้นไทรใหญ่

เสียงหัวเราะเฮฮาเมื่อเหตุการณ์ตื่นเต้นผ่านพ้น ความสนุกขบขันเกิดขึ้นเสมอ

 

หากพูดว่านี่เป็นช่วงเวลาอันเป็นภาระหนักของพ่อ-แม่นก ก็ไม่ผิดจากความจริง

แต่ดูเหมือนว่านกเงือกตัวผู้จะเหนื่อยกว่าใครๆ

เพราะวิถีการเลี้ยงดูลูก ซึ่งตัวเมียจะเข้าไปอยู่ในโพรงแคบๆ ปิดปากโพรง เหลือเพียงช่องเล็กๆ พอสอดปากออกมารับอาหาร

นกตัวผู้จะยุ่งทั้งวัน มันต้องนำอาหารมาให้วันละหลายรอบ

ปลายๆ เดือนมีนาคม ลูกนกออกจากไข่ งานพ่อนกหนักยิ่งขึ้น มันจะต้องหาอาหารซึ่งเป็นโปรตีนมาให้บ้าง ไม่แค่ผลไม้ อย่างลูกไทร หรือลูกตาเสือ

งู, กิ้งก่า, หนู, แมลง, กระรอก การป้อนต้องมีสารอาหารครบถ้วน

ไม่เช่นนั้นพ่อนกจะถูกแม่นกรับอาหารมาแล้วโยนทิ้งต่อหน้า

 

ลูกนกส่งเสียงเล็กๆ ออกมาจากโพรงเหมือนขออาหาร พ่อนกต้องเพิ่มปริมาณอาหาร จากที่ป้อนแม่นกเพียงสามครั้งต่อวันในช่วงแรกๆ

ความเชี่ยวชาญของนกเงือก นอกจากอาชีพหลักคือปลูกป่า แพร่กระจายพันธุ์พืช การควบคุมปริมาณสัตว์ต่างๆ พวกมันก็ทำได้ดี

กบ, เขียด, งู, แมลง ตั๊กแตน เลี่ยงหลบไม่พ้นสายตาคมกริบ

นกเงือกคอแดงชำนาญการจับปูจับหอย มันถลาลงจากต้นไม้ กระโดดไปตามลำธาร ไล่ล่าอย่างได้ผล

 

นกเงือกเป็นนกขนาดใหญ่ มีหลายชนิด มีประชากรในป่าอยู่มาก บางชนิดเหลือน้อย

นกเงือกคอแดง ประชากรเหลือไม่มากในป่าด้านตะวันตก

ในป่า ต้นไม้ที่มีโพรงอันเหมาะสมสำหรับใช้วางไข่นั้นเหลือไม่มาก

เกิดการแก่งแย่งกันบ่อยๆ โพรงที่นกเงือกคอแดงใช้ ถูกนกกกที่ตัวโตกว่าแย่งไป

บางปีผมเคยพบซากนกเงือกคอแดง มันคงถูกเหยี่ยวจิกตี

ซากพ่อนกบอกให้รู้ว่า แม่และลูกนกในโพรง รอในสิ่งที่เดินทางมาไม่ถึง

 

แม่และลูกนกใช้เวลาอยู่ในโพรงแคบราวสองเดือน

หลังจากนั้นจะมีนกเงือกน้อยจำนวนหนึ่งออกจากโพรงมาพบกับโลกจริงๆ

หลายครั้งผมมีโอกาสเฝ้าดูช่วงเวลาที่ลูกนกจะออกจากโพรง

สิ่งที่ทุกตัวทำคือ ลังเล โผล่หน้าออกมาดูรอบๆ และกลับเข้าโพรง ไม่สนใจพ่อ-แม่นกส่งเสียงเรียก

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะพวกมันรู้ดีว่า โลกที่รออยู่ข้างนอกนั่นเป็นอย่างไร

โลกที่ต้องทำทุกสิ่งด้วยตนเอง ไม่มีอาหารที่พ่อนำมาป้อน

พวกมันรู้ดีถึงความเป็นจริง ระหว่างการอยู่ใน “โพรงกับโลก”

 

ในป่า การพบกับช่วงเวลาที่สภาพอากาศราวกับมีสามฤดูในหนึ่งวันไม่ใช่เรื่องแปลก

กลางคืนหนาวจัด

ช่วงเช้าท้องฟ้ามืดด้วยเมฆฝน

บ่ายท้องฟ้าสดใส สีครามเข้ม

เมื่อลูกนกออกจากโพรง หลายตัวจบชีวิตลง ไม่ผ่านด่านทดสอบ

แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย ได้พบกับท้องฟ้าสดใสภายหลังพายุฝนในฤดูแล้งผ่านพ้นไปแล้ว