ครัวอยู่ที่ใจ : ผัดกะเพราในฝัน / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: ผัดกะเพราในฝัน

 

อาหารหลายอย่างทำไม่ยาก แต่ใครทำก็ไม่ถูกใจ เช่น ผัดกะเพรา เป็นต้น ผัดกะเพราใช้วัตถุดิบพื้นๆ ไม่กี่อย่าง บางคนมองว่าผัดกะเพราเป็นจานสิ้นคิด

แต่จานที่ใครๆ ก็รู้จัก กลับหาร้านที่จะติ๊กเครื่องหมายถูกทุกข้อยากนัก

ผัดกะเพราเป็นจานโปรดของเขา ผัดกะเพราในฝันของเขามีคุณสมบัติดังนี้

1. ใส่กะเพราเยอะ และเป็นกะเพราดำ

2. เผ็ดจากพริกขี้หนูสวน ไม่ใช่พริกจินดา

3. เผ็ดค่อนข้างมาก

4. ไม่หวาน

5. ไม่มัน

6. ใช้หมูชิ้น ไม่ใช่หมูสับ ถ้าเป็นสันคอหมูก็เด็ดเลย

7. น้ำมันหอยไม่ต้องก็ได้ ถ้าจะใส่ ก็ใส่แต่น้อย

ถ้ามีผัดกะเพราตามข้างต้น เขากินได้ทุกวัน ตรงกันข้ามกับฉัน ฉันชอบผัดกะเพรา แต่มันเป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ฉันกินได้ไม่บ่อย

ต่อหนึ่งสัปดาห์ ฉันทำผัดกะเพราอย่างมากก็สองมื้อ

ก็วันนี้ละ ได้กะเพรามาสองมัด มีข้าวเย็นเหลือก้นหม้อจากหลายมื้ออยู่ในตู้เย็น เอามาผัดได้ข้าวผัดที่เม็ดข้าวสวยเป็นพิเศษ

ก่อนตัดสินใจ ฉันควรถามเขา

“กินข้าวผัดกะเพราคลุกดีมั้ย หรือจะกินแบบราดข้าว”

“เอาแบบคลุก” เขาตอบทันที “หมูชิ้นใช่มั้ย”

ฉันพยักหน้า “หมูชิ้น และหมักด้วย”

 

ฉันหมักสันคอหมูกับซีอิ๊วขาวและไวน์ขาวนิดหน่อย ฉันมีไวน์ถูกๆ เก็บไว้สำหรับทำอาหารเสมอ ผลลัพธ์ของมันเกินคุ้ม หมักลงในเนื้อสัตว์ ใส่ซอส ล้วนช่วยให้จานนั้นๆ อร่อยขึ้น

หั่นหมูให้มีความหนาสักนิด หมักสัก 15 นาทีก็ใช้ได้

ระหว่างนั้นก็ล้างใบกะเพรา เด็ดไว้ และทำน้ำปลาพริก

พริกขี้หนูกับกระเทียมไทยเป็นสิ่งที่ครัวของฉันขาดไม่ได้ กับมื้อนี้ ฉันใช้ทำทั้งพริกน้ำปลาและผัดกะเพรา

หงายครก เด็ดพริกลงไปจำนวนมาก ตามด้วยกระเทียมไทยเป็นกลีบ ไม่ต้องปอกเปลือก ตำให้ละเอียด

ข้าวเอาออกจากตู้เย็นก่อนหมักหมู ใส่ชามใหญ่ไว้ เยาะซีอิ๊วขาวลงไป เกลือ และตัดด้วยน้ำตาล (นิดเดียว)

ฉันชอบใส่เครื่องปรุงลงในข้าวเลย ข้าวผัดต้องการความเร็ว เมื่อไฟร้อนฉ่า จะได้ไม่ต้องมองหาขวดซอสหรือกระปุกเครื่องปรุงใดอีก

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อม เปิดเตาสิบนาทีก็เสร็จ

ฉันมีไข่ ไม่ค่อยสด ไข่ในฤดูร้อน มาจากร้านก็ไม่สดแล้ว แต่ฉันอยากเพิ่มโปรตีน เราจะกินไข่ดาวด้วย

ใส่น้ำมันลงกระทะ ปริมาณที่แน่ใจว่าไข่ดาวจะลอย แต่ไม่ท่วม รอน้ำมันร้อน เทไข่ที่ตอกรอในถ้วยลงไป ปล่อยให้ไฟทำงาน ไข่จะลอยขึ้นมาเอง ไข่ขาวด้านล่างกรอบ ด้านบนขาว และไข่แดงยังเป็นครีม

ทอดไข่สองฟองเสร็จ เอาน้ำมันออกก่อนจะผัดข้าว เพราะข้าวผัดมันเลี่ยนย่อมไม่น่ากิน เบาไฟลง ผัดพริกกับกระเทียมตำให้หอม แล้วค่อยใส่หมู เร่งไฟ พอหมูสุก ก็ใส่ข้าว คลุกเร็วๆ ให้ข้าวร้อน ใส่ใบกะเพรา คลุกต่อให้กะเพราสลด ชิมอีกครั้ง ถ้าอ่อนเค็ม ฉันจะเติมเกลือ

แต่วันนี้อร่อยแล้ว โอเค ปิดเตา

 

“น่ากินมาก กินทุกวันได้เลย” เขาบอก ก่อนตักข้าวผัดกะเพราคลุกเข้าปาก

ฉันเอานิ้วจิ้มอกตัวเอง “นี่แระ ที่กินทุกวันไม่ได้ อร่อยนะ แต่ต้องนานๆ ที”

“ไม่เหมือนน้ำพริกกะปิใช่มั้ย” เขายิ้ม

ใช่ ถ้าเป็นน้ำพริกกะปิ ฉันกินได้ทุกวัน ซึ่งเขากินไม่ได้ แม้จะชอบมาก เราสองคนชอบอาหารรสเดียวกัน และชอบชนิดเดียวกัน แต่ระดับความชอบแตกต่างกัน

เขากินผัดกะเพราได้ทุกวัน

ส่วนฉันกินน้ำพริกกะปิกับผักได้ทุกมื้อ (กินกับข้าวเหนียวก็ได้)

อย่างไรก็ตาม เราทั้งสองชอบผัดกะเพราและน้ำพริกทุกชนิด นี่เป็นจุดร่วมสำคัญ ซึ่งทำให้ฉันคิดเมนูอาหารง่าย

ถ้าเรากินไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือนกัน อร่อยไม่เหมือนกัน ฉัน-ผู้เป็นแม่ครัวต้องทำงานหนักกว่านี้สองเท่า

เพื่อนของฉันบางคนทำอาหารให้ลูกอย่างหนึ่ง ให้สามีอย่างหนึ่ง ให้ตัวเองอีกอย่างหนึ่ง เห็นแล้วฉันก็ทึ่ง

แม่บ้าน แม่ครัว เป็นคำที่เราคุ้นเคยดี แต่จะมีสักกี่คนที่เข้าถึงและเข้าใจแม่ครัว หมดมื้อนี้ ก็มีมื้อหน้าให้คิด ให้ทำ ให้ล้าง เป็นงานซึ่งไม่มีวันเสร็จสมบูรณ์

 

เขารวบช้อน จานเกลี้ยงเกลา ไม่เหลือข้าวสักเม็ด พริกน้ำปลาก็ไม่เหลือพริก ไม่เหลือกระเทียม

เขาเดินไปเปิดตู้เย็น รินน้ำเย็นให้ฉัน ตามด้วยนมหนึ่งแก้ว “สำหรับแม่ครัว”

ช่วงนี้ฉันอยากเพิ่มน้ำหนัก หลังกินข้าวจึงตบท้ายด้วยนมทุกมื้อ ฉันไม่เคยบอกเขา แต่ดูเหมือนเขาจะจับสังเกตได้

“กินเยอะๆ น้ำหนักขึ้นไวๆ” เขายิ้ม “แต่อย่างนี้ก็โอเคนะ”

ฉันหัวเราะ หยิบแก้วนมดื่มก่อนแก้วน้ำ แบบนี้โอเค แต่ถ้าได้อีกสองกิโลกรัมจะโอเคกว่า ฉันคิด