ความขัดแย้งเครือข่าย “บิ๊กตู่” กับ “ภูมิใจไทย” ชนวนใหม่ “การบินไทย”/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

ความขัดแย้งเครือข่าย “บิ๊กตู่” กับ “ภูมิใจไทย”

ชนวนใหม่ “การบินไทย”

 

หากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่มุ่งกระแทกกลางประเทศไทยระลอก 3 รับประกันซ่อมฟรีว่า “เงื่อนไขทางการเมือง” ความขัดแย้งน่าจะยกระดับเข้าสู่จุดวิกฤต หนักหน่วงแน่นอนในช่วงนี้ โดยเฉพาะมหากาพย์เกี่ยวกับ “พรรคภูมิใจไทย”

การที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “ปฏิวัติเงียบ” ยึดอำนาจแบบตีเข่าโค้ง ออกพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผ่องถ่ายการบริหารจัดการ ในตำแหน่ง “ผู้อำนวยการศูนย์ ศบค.” ที่หัสเดิมอยู่ในการกำกับดูแลของ “หมอหนู” ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มาขึ้นตรงกับตัวเองแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

โดยออกพระราชบัญญัติ เตะรวบมาขึ้นตรงทั้ง 31 ฉบับ กระจุกอยู่ที่นายกรัฐมนตรี เพื่อให้การสั่งการ การแก้ปัญหา “รวมศูนย์” อยู่ที่ตัวเองเพียงผู้เดียว

ถือว่า “ภูมิใจไทย” เสียเครดิตอย่างมาก เพราะเป็นการสะท้อนผ่านว่า การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบที่ 3 ของ “หมอหนู” ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทุกกระบวนท่า ทั้งการวางแผนป้องกัน และการฉีดวัคซีน

นอกจากปฏิวัติเงียบ “สาธารณสุข” ไปแล้ว ในส่วนของ “คมนาคม” ที่กำกับดูแลโดย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ในฐานะรัฐมนตรีว่าการ ช่วงนี้ได้รับผลสะเทือนค่อนข้างสูง ติดต่อกันมากมายหลายเรื่อง ปมสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว-สายสีส้ม

ล่าสุด ต่อยอดมาตะลุมบอนกันที่ปมฟื้นฟูการบินไทย ที่ฝ่ายหนึ่ง ฟากคนรอบข้าง “บิ๊กตู่” เห็นว่า คณะรัฐมนตรีควรให้ความเห็นชอบนำกลับไปสู่ความเป็น “รัฐวิสาหกิจ” อีกครั้ง โดยให้กระทรวงการคลัง รวมทั้งหน่วยราชการอื่นๆ ให้ความช่วยเหลือการบินไทยกรณีการขอเพิ่มทุน หรือกู้เพื่อการเพิ่มทุนวงเงิน 5 หมื่นล้านบาท

โดยเห็นว่า แผนฟื้นฟูกิจการภายในกระบวนการของศาลล้มละลายกลาง ซึ่งจะต้องนำเสนอต่อศาลและบรรดาเจ้าหนี้ จะไม่ผ่านความเห็นชอบ มีผลให้ต้องล้มละลายหมดสภาพความเป็นสายการบินแห่งชาติ

แต่ “กระทรวงคมนาคม” ใต้ร่มเงาของ “ศักดิ์สยาม” กลับมองต่างมุมว่า แนวคิดดังกล่าวจะทำให้เกิดภาระรายจ่ายของรัฐ อาจจะก่อหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นราว 3 แสนล้านบาท จากเดิมมีอยู่ 2 แสนล้านบาท

จนป่านนี้ ทั้ง “สายสีเขียว-สายสีส้ม” ปัญหายังคาราคาซังหาจุดลงตัวไม่ได้ ว่าจะออกหัวหรือก้อย แถมปรอทความขัดแย้งระหว่างเครือข่าย “บิ๊กตู่” กับ “ภูมิใจไทย” ตอนนี้มีชนวนใหม่ ปม “การบินไทย” ต้องมานั่งเคลียร์หน้าเสื่อเพิ่มขึ้นมาอีกดอก…เรียกว่ายุ่งอีรุงตุงนังกันไปหมด

 

“พรรคภูมิใจไทย” ชั่วโมงนี้ใครๆ ต่างพากันอิจฉาตาร้อน เกิดมาถูกที่ถูกเวลา มีจุดลงตัวทางการเมืองสุดยอด โดยเฉพาะในการร่วมรัฐบาล “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ถือว่าเริ่ดสะแมนแตนกว่าตอนที่ร่วมรัฐบาล “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”

หลังเลือกตั้งใหญ่ “ภูมิใจไทย” มีสภาพเป็นพรรคร่วมลำดับที่ 3 มีฐานเสียง 51 ที่นั่ง โดยมีพรรคพลังประชารัฐ 121 เสียง ประชาธิปัตย์ 52 เสียง

“ภูมิใจไทย” เป็นพันธมิตรกับพลังประชารัฐตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง การได้เสียงมา 51 ที่นั่ง เป็นไปตามเป้า สามารถเป็นตัวแปรและทำเลทองได้แบบลงตัว หากขยับไปร่วมกับซีกเพื่อไทย ก็สามารถฟอร์มรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่ภูมิใจไทยเลือกจับมือกับ พปชร.

ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อภูมิใจไทยเทใจหนุน พปชร. ได้รับอานิสงส์ตามที่ต้องการ สามารถหยิบชิ้นปลามัน โดยเลือกกระทรวงเกรดเอได้ก่อนใครเพื่อน นั่นก็คือ “คมนาคม” ตามด้วย “สาธารณสุข” และ “การท่องเที่ยวและกีฬา” วินๆ ได้ทั้งเงิน-กล่อง

ขณะที่พรรคการเมืองอื่นชุลมุนชุลเกอยู่กับปัญหาภายใน แต่พรรคสีน้ำเงินมีเอกภาพ ขยายเครือข่ายเงียบๆ เวลานี้สามารถจับปลาในอ่างพรรคอื่น มียอด ส.ส.งอกเพิ่มขึ้นมาถึง 61 ที่นั่ง แปรสภาพเป็นพรรคอันดับ 2

ตามสัดส่วน จะต้องร้องแรกแหกกระเชอ เอากุ้งฝอยไปตกปลากะพงขอเพิ่มเก้าอี้รัฐมนตรี ตามสัดส่วน ส.ส.ที่งอกเพิ่มมาอีก 10 ที่นั่ง อย่างน้อยๆ ต้อง 1 ว่าการ หรือ 2 รัฐมนตรีช่วย

แต่ภูมิใจไทยไม่ได้ตายอดตายอยาก ไม่ปริปากเรียกร้องต่อรองตำแหน่งเพิ่มแต่ประการใด

ภูมิใจไทยกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 วางแผนไว้ได้เข้าเป้าเผง พรรคลำดับ 3 ไม่เกิน 60 ที่นั่ง เป็นพรรคตัวแปร แต่เลือกตั้งรอบใหม่ น่าจะหายใจรดต้นคอพรรคใหญ่ ทั้ง “เพื่อไทย” และ “พลังประชารัฐ”

ฐานที่มั่นใหญ่ในภาคอีสานหลายจังหวัด มี “บุรีรัมย์” เป็นเมืองหลวง ยังคุมอิทธิพลในจังหวัดใกล้เคียงอีกหลายแห่ง มีกลุ่มทุนเพียบพร้อม อย่างน้อยๆ ก็มี “วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หรือ “เสี่ยแป้งมัน” เจ้าของธุรกิจแป้งมันรายใหญ่สุดของประเทศไทย รับหน้าที่กระเป๋า ควบคู่กับเสี่ยหนู กระสุนไม่เป็นสองรองใคร โอกาสที่จะยึดหัวหาดในภาคอีสานได้มากกว่าเก่าสองเท่าตัว

“พื้นที่เป้าหมาย” คือ “สนามปักษ์ใต้” ตอนนี้ “ภูมิใจไทย” มี “โกเกี๊ยะ-พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมภริยา “นางนาที” ส.ส.บัญชีรายชื่อ คุมด้ามขวานทอง

เลือกตั้งครั้งที่แล้ว สองสามี-ภรรยาล้มเสาไฟฟ้าภาคใต้ระเนระนาด กวาดที่นั่งมาได้มากเป็นประวัติศาสตร์ถึง 8 ที่นั่ง

สนามปักษ์ใต้บ้านเรา เดิมประชาธิปัตย์ผูกปีไว้เรียบวุธ ปี 2554 มี ส.ส. 53 ที่นั่ง ประชาธิปัตย์สอยเข้ากระเป๋าซะ 50

แต่เลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 ประชาธิปัตย์เหลือเพียง 22 ที่นั่ง ถูกพลังประชารัฐยึดหัวหาดไป 13 ที่นั่ง ภูมิใจไทย 8 ที่นั่ง เลือกตั้งซ่อมเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ก็พ่ายแพ้ซ้ำซาก

เลือกตั้งใหญ่ ไม่ว่าจะอยู่ครบเทอม หรือ “พล.อ.ประยุทธ์” ชิงยุบสภาก่อนเวลาอันควร สนามเลือกตั้งปักษ์ใต้ “พรรคภูมิใจไทย” วางตัวบุคคลไว้พร้อมเพรียงที่จะยึดเมืองไว้หลายจังหวัด นอกจาก “พัทลุง-สตูล” แล้ว ยังมี 3 จังหวัด นราธิวาส-ยะลา-ปัตตานี และแผ่อิทธิพลมาถึงสงขลา-นครศรีธรรมราช-ภูเก็ต-ระนอง

เป้าหมาย ส.ส.อยู่ที่ 80 บวกๆ

การโตวันโตคืนของภูมิใจไทย แถมอยู่ในจุดศูนย์กลางสำคัญ พรรคการเมืองอื่น รวมทั้ง “พลังประชารัฐ” และ “ประชาธิปัตย์” อกไหม้ไส้ขม

ม้ากำลังผยศ ใครก็คุมยาก

ต้องสกัดจุดเสียก่อน ตอนนี้ “ภูมิใจไทย” เลย “งานเข้า” หนัก