รำลึก 1 ปีแห่งการจากไป ของนักเขียนซีไรต์ลาว ส.พวงดอกซ้อน/บทความพิเศษ

บทความพิเศษ

ปราโมทย์ ในจิต

 

รำลึก 1 ปีแห่งการจากไป

ของนักเขียนซีไรต์ลาว

ส.พวงดอกซ้อน

 

อาการช็อกและมึนงง! ในวงการวรรณกรรมของลาวและอาเซียนยังไม่จางหาย แม้เวลาผ่านไป 1 ปีแล้วก็ตาม!!

วันที่ 7 พฤษภาคม 2020 (2563) มีคนกระโดดตึกจากชั้น 8 โรงพยาบาล 103 ตึกใหม่ (ตึกตรวจเส้นประสาท) นครหลวงเวียงจันทน์ เพศชาย เมื่อตรวจสอบแล้วมีบันทึกลาตายด้วย ข้อความลายมือผู้ตายเขียนฝากไว้ว่า

การนำทุกขั้น, การจัดตั้งทุกภาคส่วน ก่อนอื่นข้าพเจ้าต้องขอโทษที่เลือกจบชีวิตแบบนี้ แต่ก็ว่าเป็นเพราะโรคร้ายแรง ข้าพเจ้ารู้ว่าจะต้องเป็นอัมพาตทรมานไปตลอดชีวิต ฉะนั้น จึงไม่มีทางเลือก เพื่อจะไม่เป็นภาระแก่คนอื่น ข้าพเจ้าไม่มีอะไรต่อการจัดตั้ง แพทย์หมอ ลูก เมีย ญาติพี่น้อง และเพื่อนมิตรสหาย ข้าพเจ้าจบชีวิตเพราะโรคตนเองเท่านั้น

ขอจงให้อภัยด้วย

สมใจ จันทะวง (ลายเซ็น) 6/5/2020

ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2020 (2563) แสดงว่าเจ้าตัวตัดสินใจและเตรียมการไว้แล้วอย่างน้อยหนึ่งวัน โดยที่ญาติพี่น้องใกล้ชิดไม่รู้ระแคะระคาย หนังสือพิมพ์ และสื่อมวลชนลงข่าวกันครึกโครม รวมทั้งสื่อออนไลน์บุคคลและอื่นๆ ในแวดวงวรรณกรรมลาว ได้แต่ช็อก มึนงง และเสียใจอาลัยอาวรณ์กัน

“การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของวงการนักประพันธ์ลาว! ส.พวงดอกซ้อน กระโดดตึกลาโลก เพราะไม่อยากเป็นภาระ”*

นับว่าเป็นข่าวเศร้าสลดที่เป็นการสูญเสียให้แก่วงการนักประพันธ์ลาว และอาเซียนที่ไม่เคยมีมาก่อน เมื่อท่านสมใจ จันทะวง นามปากกา ส.พวงดอกซ้อน นักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงของลาวที่กำลังรุ่งโรจน์ เจ้าของรางวัลซีไรต์ ปี 2017 (2560) ในเรื่องสั้นชุด “แหวนคำ” ที่ตัดสินใจจบชีวิตด้วยการกระโดดตึกของโรงพยาบาล 103 เพื่อตัดปัญหาทุกอย่างในชีวิตนั้น อายุของ ส.พวงดอกซ้อน มาถึงวันจบชีวิตประมาณ 51 ปี (1969-2020)

ขอให้ท่านไปสู่สุคติ สัมปรายภพที่เปี่ยมด้วยบรมสุขชั่วนิรันดร์นั้นเทอญ

ย้อนดูประวัติความเป็นมา

ส.พวงดอกซ้อน เป็นนามปากกาของ พ.ท.สมใจ จันทะวง เกิดที่บ้านสบล้อง เมืองเซียงค้อ แขวงหัวพัน สปป.ลาว เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 1969 (2512) ในครอบครัวที่คุณพ่อและคุณแม่เป็นทหาร (ปัจจุบันเกษียณรับบำนาญ) เป็นลูกคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน การศึกษาปริญญาตรีสาขาการเมืองการปกครอง ดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าบรรณาธิการหนังสือพิมพ์กองทัพประชาชนลาว

ประสบการณ์นักเขียน เริ่มเป็นนักหนังสือพิมพ์ตั้งแต่ปี 2530 และมีผลงานบทบันทึก เรื่องสั้น บทกวี และสารคดี

รางวัลวรรณกรรม รางวัลเรื่องสั้นชนะเลิศ ปี 2538, 2543 และ 2553 จากสหพันธ์นักรบเก่า รางวัลเรื่องสั้นชนะเลิศปี 2553 จากกรมพิมพ์จำหน่าย รางวัลเรื่องสั้นยอดเยี่ยม “สินไซ” ประจำปี 2556 (เรื่อง “แหวนคำ” นี่เอง) รางวัลวรรณกรรมแม่น้ำโขงปี 2557 (ประเภทเรื่องสั้นเรื่อง “ยังฝังในดวงใจ”) และรางวัลซีไรต์ลาวจากผลงานรวมเรื่องสั้นชุด “แหวนคำ” ประจำปี 2560

ส.พวงดอกซ้อน เป็น 1 ใน 3 ของนักเขียนซีไรต์ลาว (อีกสองท่านคือ สุบัน หลวงลาด ซีไรต์กวีลาวปี 2559 และทิดาจัน ซีไรต์นวนิยายลาวปี 2561) เดินทางมารับพระราชทานรางวัลในประเทศไทย ที่กรุงเทพมหานคร วาระเฉลิมฉลองรางวัลซีไรต์ครบรอบ 40 ปีในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 เวลา 18.00-22.00 น. ณ รอยัลบอลรูม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ นักเขียนซีไรต์ของกลุ่มประเทศอาเซียน 3 ปีรวด ตั้งแต่ปี 2559-2561 ร่วมกับนักเขียนไทย อันได้แก่ พลัง เพียงพิรุฬห์ จากกวีนิพนธ์เรื่อง “นครคนนอก” จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุท จากรวมเรื่องสั้น “สิงโตนอกคอก”

และวีรพร นิติประภา จากนวนิยายเรื่อง “พุทธศักราชอัสดงกับทรงจำของทรงจำของแมวกุหลาบดำ”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องสั้น “แหวนคำ” ที่นำพา ส.พวงดอกซ้อน ให้ได้รับรางวัลซีไรต์ มีเนื้อเรื่องโดยย่อว่า ลุงพิมและภรรยาอาศัยอยู่ชนบทนอกเมืองซำเหนือ แขวงหัวพัน ไปเผาไร่ และเก็บแหวนทองวงหนึ่งได้ ต่างก็สันนิษฐานว่า เป็นแหวนของทหารอเมริกาที่เครื่องบินถูกยิงตกละแวกนั้น ครั้งสงครามถล่มลาวโน้น

ลุงพิมจึงนำส่งทางการเพื่อประกาศหาญาติของผู้เจ้าของแหวนนั้น ในที่สุดพ่อ-แม่และญาติทหารคนนั้นก็เดินทางจากสหรัฐอเมริกา มาร้องห่มร้องไห้ทำพิธีให้แก่ลูก และกล่าวขอบคุณลุงพิม ซึ่งเป็นเรื่องสะท้อนถึงภาวะสงคราม ไม่ว่าเกิด ณ ที่ใด เมืองใด ก็มีแต่ความเศร้าสลด สูญเสีย และหายนะของทุกฝ่ายนั้น

แสดงถึงความมีน้ำใจ มีมนุษยชาติธรรม ความเมตตาปรานี มีคุณธรรม อย่างจริงใจของคนลาว โดยลุงพิมย้ำว่า มนุษย์แห่งประเทศศิวิไลซ์ไม่ควรทำให้เกิดสงคราม ที่ไล่ล่าฆ่ากันอย่างไร้ความปรานี มีแต่ความหายนะสูญเสียของมนุษยชาติอีกต่อไปเลย

เรื่องสั้น “แหวนคำ” ได้สะท้อนประเด็นสำคัญ 3 ประการ ต่อไปนี้คือ

1. สะท้อนถึงประวัติศาสตร์แห่งการต่อสู้ของกองทัพประชาชนลาวอย่างอาจหาญต่อผู้รุกราน

2. รัฐบาลลาวยังมีนโยบายแห่งมนุษยธรรมไม่เคยเสื่อมคลาย ในการค้นหาซากเครื่องบิน และซากศพทหารอเมริกามาโดยตลอด

3. ผลกระทบการสูญเสีย และอันตรายต่อประชาชนลาวมาโดยตลอดกว่า 40 ปี และปัจจุบันระเบิดจำนวน 3 ล้านตันที่อเมริกาถล่มลาวตั้งแต่ครั้งนั้น ยังระเบิดไม่หมดเลย จึงไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะให้เกิดสงครามขึ้นในโลกใบนี้!

วรรณกรรม บทกวี เรื่องสั้น และนวนิยาย สามารถสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ทั้งความรู้สึกนึกคิดภายใน และทั้งสติปัญญา จิตวิญญาณ อดีต ปัจจุบัน ทั้งอนาคตกาลได้อย่างลุ่มลึก กว้างขวาง และกว้างไกลได้ไม่มีขีดจำกัด กวี นักเขียน นักประพันธ์จึงเป็นผู้ที่มีคุณค่าน่ายกย่องเชิดชู เป็นสง่าราศี แห่งสังคมมนุษยชาติสืบไป

ส.พวงดอกซ้อน จึงเป็นนักประพันธ์ที่ควรยกย่องเชิดชูอย่างสูงส่งแห่งวงวรรณกรรมอาเซียน และนานาชาติ ไม่แพ้ชนชาติในโลก

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสังเกตที่น่าคิดอันเป็นบทเรียนแก่เรา ปุถุชน ปัจเจกชน และสังคมทุกชนชั้นชาติพันธุ์ว่า เมื่อเป็นโรคร้ายแรง การเปิดเผยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และผลกระทบที่มีต่อผู้ป่วยในอนาคตนั้น คุณหมอเจ้าของไข้โดยจรรยาบรรณ น่าจะไม่ได้พูดโดยตรงกับผู้ป่วยแน่ๆ คงค่อยๆ เปิดเผยกับญาติสนิทของผู้ป่วยก่อนอย่างแน่นอน ต่อจากนั้น เป็นหน้าที่ของญาติที่จะพูดกับผู้ป่วยเอง

ตามความคาดการณ์ของหลายคนเชื่อว่า ญาติเมื่อรับทราบรายละเอียดทุกอย่างจากคุณหมอผู้รักษานั้นแล้ว อาจจะด่วนบอกรายละเอียดทุกอย่างไม่ปิดบังกับ ส.พวงดอกซ้อน เร็วเกินไป จึงทำให้ผู้ป่วยสิ้นหวังที่จะมีชีวิตอยู่ และตัดสินใจกระโดดตึกจบชีวิตดังกล่าว

แต่หากค่อยๆ พูด ในแง่มุมที่เปี่ยมกำลังใจ ที่ไม่เลวร้าย…เปิดบางส่วน มีศิลปะในการเล่า…และทอดระยะเวลาในการรับรู้ทีละเล็กทีละน้อยให้นานออกไปบ้าง ซึ่งน่าจะไม่เกิดข่าวร้ายนี้เร็วเกินคาดคิดก็ได้

เหนือสิ่งอื่นใด การตัดสินใจของ ส.พวงดอกซ้อน ก็สง่างาม เด็ดเดี่ยว อย่างรับผิดชอบ ไม่ต้องการให้เป็นภาระยุ่งยากกับใครในโลกนี้ แม้แต่ลูก-เมีย ญาติสนิท เหมือนนักประพันธ์เอกรางวัลโนเบลรุ่นพี่ อย่างเฮมมิ่งเวย์ ก็ลั่นไกปืนปลิดชีวิตตนอย่างเด็ดเดี่ยวงามสง่ามาแล้วเช่นกัน เมื่อตระหนักว่าตนเองป่วย ไม่ง่ายในการเยียวยาแล้ว

นี่คือบทเรียนล้ำค่าแก่เราทุกคน ผู้ที่ยังมีชีวิต กำลังเผชิญชะตากรรมกันอยู่ขณะนี้!!!?