ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
เผยแพร่ |
สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
————————–
โยกและคลึง
————————–
ปรากฏการณ์ ใน ปรากฏการณ์
นั่นคือ การเปลี่ยนชื่อ เฟซบุค จาก “ย้ายประเทศกันเถอะ” (ก่อตั้งเมื่อ 1 พฤษภาคม)
มาเป็น เฟซบุค “โยกย้าย มาส่ายสะโพกโยกย้าย” (เปลี่ยนชื่อวันที่ 4พฤษภาคม)
เป็น”ตลกร้าย” และเป็นคำตอบหนึ่ง ว่า ทำไมความรู้สึกย้ายประเทศ จึงพุ่งทะยานขึ้นสูง
อย่างที่ทราบกัน กระแสย้ายประเทศกันเถอะ พุ่งทะยานแรง ภายในหนึ่งสัปดาห์ มีผู้ติดตาม9.4 แสนราย อาจจะทะลุล้านในเวลาอีกไม่นาน
แทนที่ รัฐบาล จะแสวงหาคำตอบว่าทำไมกระแสนี้มาแรง เพื่อหาทางรับมือและแก้ไข
แต่ สิ่งที่เราได้เห็นกลับเป็นความเห็นของรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
“…(กระแส”ย้ายประเทศกันเถอะ”)แฝงด้วยประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะสมาชิกกลุ่มบางคนที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศมีพฤติกรรมชังชาติอยู่แล้ว มีวัตถุประสงค์แอบแฝงเพื่อสร้างความแตกแยก และหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กระทรวงดีอีเอสมีคณะทำงานเพื่อตรวจสอบและติดตามการกระทำความผิดในสังคมออนไลน์อยู่แล้ว ก็ได้กำชับไปให้ตรวจสอบดูว่ามีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากพบก็จะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาด”
ท่าทีซ้ำๆซากๆ ที่เอะอะ อะไรก็จะเอา “กฎหมาย”มาปิดปาก ปิดหู ปิดตานั้น
ถามว่าได้ผลหรือไม่
เพียงแค่ “คนรุ่นเยาว์” คลิกเปลี่ยนชื่อ นิดเดียว
ก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันสนุก
ผู้มีอำนาจหลายคน อาจเหรอหราไปเที่ยวเปิดตำรากฎหมาย โยกย้ายส่ายสะโพก มีความผิดต่อความมั่นคงของชาติตรงไหน
นี่จึงเป็นตลกร้าย ที่ผู้มีอำนาจชอบออกมาเล่นโชว์ชาวบ้าน
ทำให้คนรุ่นใหม่ เขาส่ายหน้า
และถึงพากันชวนย้ายประเทศกันยกใหญ่นั่นไง
“นัย”ที่เหล่า เยาวภาพ ส่งสัญญาณให้ผู้มีอำนาจได้ทราบครั้งแล้วครั้งเล่าถึงสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลง
ตั้งแต่ตรงไปตรงมาแบบ เยาวชนปลดแอก นักเรียนเลว กลุ่มราษฏร
แต่ผู้มีอำนาจ ก็ตีความ”นัย”ไม่ออก จึงตามคนรุ่นใหม่ไม่ทัน ถึงได้นำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นทั้งในส่วนเนื้อหา และรูปแบบ
ที่ผ่านมา สังคมจึงได้สัมผัสปรากฏการณ์ “เกิดมาไม่เคยเห็น ก็ได้เห็น”เป็นระยะๆ
แน่นอนย่อมสร้างความแตกตื่น ตกใจ ให้กับ คนในโลกเก่า และยึดแนวทางอนุรักษ์อย่างยิ่ง
ด้วยรู้สึกถูกคุกคาม ถูกเขย่าสถานะที่มั่นคงมาเนิ่นนาน
จึงต้องจัดการ ขจัด ปราบปราม กวาดล้างเข้าคุก เสียใหม่หมด
ไม้ตายคือนำกฎหมายที่ถูกร่างโดยพวกเขาเอง หรือตีความโดยฝ่ายพวกเขาเอง มาเป็นเครื่องมือ
การกวาดจับและตั้งข้อหานานาสาระพันต่อคนรุ่นใหม่ จึงเกิดขึ้นอย่างที่เห็น
ซึ่งก็ได้ผลระดับหนึ่ง ที่สามารถลากเอาแกนนำบางส่วนเข้าไปอยู่ในคุกและเรือนจำ พร้อมๆกับเงื่อนไขอันยุ่งยากที่จะได้รับการประกันตัว
โดยหวังว่าจะสยบ กระแสความวุ่นวายของคนรุ่นใหม่ ที่มีจุดยืนอยู่ตรงข้ามได้
อาจจะจับตัวแกนนำบางส่วนไปขัง
แต่ถามว่าถอนรากถอนโคนได้หรือไม่
ตรงกันข้าม สังคมกลับได้เห็น ปรากฏการณ์ใหม่ๆถูกผลิตออกมาท้าทายผู้มีอำนาจ อย่างต่อเนื่อง
และพลอยส่งผลกระทบต่อ “สถาบันหลักของประเทศ”อย่าง”พันลึก”
แน่นอนรวมถึงกระแสอันแหลมคม “”ย้ายประเทศกันเถอะ”
ที่วันนี้กลายเป็น การส่ายสะโพก–โยกแล้วคลึง ต่อหน้า ผู้มีอำนาจ อย่างท้าทายอีกแล้ว!!