ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
ผู้เขียน | สันติ จิรพรพนิต |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]
เจาะสเป๊ก ‘แมคลาเรน อาร์ทูรา’
ซูเปอร์คาร์ไฮบริด-สปีดจัดจ้าน
หลังเปิดตัวในระดับโลกได้ไม่ถึง 2 เดือนดี ไทยกลายเป็นประเทศแรกในกลุ่มอาเซียนที่ได้สัมผัส “แมคลาเรน อาร์ทูรา” (McLaren Artura) ซูเปอร์คาร์ไฮบริด สมรรถนะสูง (High-Performance Hybird-HPH)
อาร์ทูรา ถือเป็นซูเปอร์คาร์ไฮบริด สมรรถนะสูงรุ่นแรกของแมคลาเรน ออโตโมทีฟ ประเทศอังกฤษ
ซึ่งจะว่าไปเป็นไปตามเทรนด์โลกที่กำลังใส่ใจสิ่งแวดล้อม ด้วยการเน้นสร้างรถยนต์พลังงานทางเลือกมากขึ้น เพื่อทดแทนเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่ใช้น้ำมันเป็นพลังงานหลัก
เพราะตามแผนของหลายประเทศในแถบยุโรป รวมถึงอเมริกา อีกราวๆ 20 ปีข้างหน้า เครื่องยนต์สันดาปภายในจะกลายเป็นประวัติศาสาสตร์ของวงการยานยนต์
ส่วนระยะเวลาจากนั้นน่าจะถึงคิวของกลุ่มประเทศที่เจริญรองๆ ลงมา ที่ค่อยๆ ลดกำลังการผลิตรถยนต์สันดาปภายใน ก่อนที่จะยกเลิกสายพานการผลิตทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ที่ยังเป็นข้อด้อยของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
รถยนต์ไฮบริดจึงถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมในเวลานี้ เพราะได้ทั้งความรักษ์โลกและความแรง ความสะดวกในการเติมพลังงานไปพร้อมๆ กัน
ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้แมคลาเรนตัดสินใจส่งซูเปอร์คาร์แบบไฮบริดออกมาชิมลาง
พัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ “McLaren Carbon Lightweight Architecture” (MCLA) ที่แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา
อาร์ทูรา ถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่นี้ เน้นชิ้นส่วนผลิตจากไฟเบอร์และอะลูมิเนียม ทำให้น้ำหนักขณะไม่บรรทุกสัมภาระ (DIN kerb weight) อยู่ที่ 1,498 ก.ก.
ทรงรถยังเป็นเอกลักษณ์กระโปรงหน้าลาดลงต่ำ พร้อมชายล่างสีดำ
ไฟหน้าทรงบูมเมอแรง ส่วนไฟท้ายเป็นแบบขีดเส้นเดียว แต่สว่างจ้า พร้อมช่องระบายอากาศด้านหลัง
กระจกข้างแบบก้านฝังบนประตู มีช่องดักลมขนาดใหญ่อยู่ด้านข้าง
ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้วในคู่หน้า และขนาด 20 นิ้วคู่หลัง ประกบยางสมรรถนะสูง Pirelli P ZERO แก้มบางเฉียบด้านหน้า 235/35 หลัง 295/35
การตกแต่งภายในที่เป็นเอกลักษณ์ ภายใต้ปรัชญาการออกแบบ “form follows function” เน้นประโยชน์ใช้สอยและผู้ขับสามารถควบคุมปุ่มสั่งงานได้ทั้งหมด
เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ตัวมาตรฐานจะมาในโทนสีดำ Jet Black แผงคอนโซล เบาะนั่งเป็นวัสดุ Alcantara
พวงมาลัยท้ายตัดหุ้มหนัง มาพร้อมปุ่มควบคุมที่ไม่ต้องยกมือออกมาจากพวงมาลัย
มาตรวัดความเร็วเป็นแบบจอสี มีพร้อมปุ่มปรับโหมดการขับขี่
หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูงขนาด 8 นิ้ว McLaren Infotainment System II รองรับระบบอินโฟเทนเมนต์ รองรับ Apple CarPlay, Android Auto และระบบช่วยขับขั้นสูง (ADAS)
รวมถึงเทคโนโลยีการเชื่อมต่อสื่อสาร ระบบแชร์หน้าจอจากสมาร์ตโฟน (Smartphone Mirroring) และการอัพเดตข้อมูล-ระบบปฏิบัติการผ่านดาวเทียม (Over-The-Air หรือ OTA)
มีระบบติดตามยานพาหนะที่ถูกโจรกรรมในตัว และระบบที่รองรับการอัพเกรดในอนาคต
ตัวเกียร์จะดูแปลกตาเป็นแบบปุ่มกด ส่วนเกียร์ “P” หรือจอด จะอยู่ใกล้ๆ กับจอมาตรวัด
ขุมพลังเครื่องยนต์ M630 วี6 ความจุกระบอกสูบ ปริมาตรกระบอกสูบ 2,993 ซีซี เทอร์โบคู่ วางกลางลำตัวรถ
ให้กำลังสูงสุด 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 585 นิวตัน-เมตร ขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 95 แรงม้า และแรงบิด 225 นิวตัน-เมตร
เมื่อรวมเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 680 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 720 นิวตัน-เมตร
ส่งกำลังสู่ล้อหลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ SSG 8 จังหวะรุ่นใหม่ มาพร้อมกับระบบดิฟเฟอเรนเชียลแบบอิเล็กทรอนิกส์ E-DIFF ตัวแรกของแมคลาเรน
สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ 3.0 วินาที และ 0-200 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 8.3 วินาที
ความเร็วสูงสุด 330 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การขับขี่มีให้เลือก 4 โหมด เริ่มจาก Comfort, Sport และความเร้าใจขีดสุดแบบ Track modes
สุดท้ายคือโหมด Electric ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100% (EV) สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุ 7.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง (KWH) เมื่อชาร์จไฟเต็มสามารถวิ่งในโหมด EV โดยเครื่องยนต์ไม่ติดขึ้นมาเลยได้ระยะทาง 30 กิโลเมตร
ช่วงล่างออกแบบใหม่ ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่อะลูมิเนียม ส่วนหลังใช้ปีกนกด้านบนและมัลติลิงก์ด้านล่าง แบบปรับไฟฟ้าอัตโนมัติ
ระบบเบรก คาร์บอน เซรามิก จานหน้า 390 ม.ม. คาลิปเปอร์เบรก 6 สูบ ส่วนจานหลัง 380 มม. คาลิปเปอร์เบรก 4 สูบ
ส่วนมิติตัวถัง (กว้าง x ยาว x สูง) 2,080 x 4,539 x 1,193 ม.ม. ระยะฐานล้อ 2,640 ม.ม.
รถรุ่นนี้นำเข้ามาโดย McLaren Bangkok ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ เป็นหนึ่งในกลุ่มนิชคาร์ เจ้าพ่อรถซูเปอร์คาร์นำเข้าของไทย ที่มีหลายแบรนด์ดังอยู่ในมือ
อีกทั้งด้วยความเป็นรถยนต์พลังงานทางเลือก จึงได้อัตราการเสียภาษีนำเข้าต่ำกว่ารถยนต์สันดาป จึงทำราคาไว้ที่ 16.7 ล้านบาท
พร้อมรับประกันตัวรถ 5 ปี หรือ 75,000 ก.ม. และรับประกันแบตเตอรี่ 6 ปี หรือ 75,000 ก.ม. (แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน)