ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ขอแสดงความนับถือ |
เผยแพร่ |
ขอแสดงความนับถือ
เรียนบรรณาธิการมติชนสุดสัปดาห์
ผมเป็นคนชอบมวย
โปรมแกรมดีๆ มักจะไม่พลาดชม
ทั้งวิกสังกะสีลุมพินี หรือเวทีอ่างยักษ์ราชดำเนิน
เมื่อเกือบห้าสิบปีมาแล้ว
ในยุคนั้นบ่อยครั้ง มักมีของแถมจากเหล่าแฟนมวยส่งไปให้กรรมการบนเวที
ทั้งแก้วน้ำ ขวดน้ำ ขวดน้ำอัดลม ยี่ห้อต่างๆ เป็นแก้วล้วนๆ
สมัยนั้นขวดพลาสติก แก้วพลาสติก ยังไม่มีใช้กัน
และบางครั้งยังมีวัสดุพิเศษปนมาด้วย
นั่นคือรองเท้าขนาดต่างๆ
สาเหตุเกิดจากการตัดสินมวยแบบด้นเมฆ ขัดสายตาของคนดู
มวยเป็นรองชนิดไม่มีราคา กรรมการดันชูมือให้ชนะ
แล้วสิ่งบรรณาการจากคนดูรอบสนามก็ปลิวเป็นห่าฝนไปบนเวที
ผู้คนไม่ว่าชาติไหน ภาษาไหนๆ ต่างก็รักความยุติธรรมทั้งนั้น
คราวหนึ่ง เกิดการจลาจลที่วิกสังกะสี ซึ่งผมตีตั๋วเข้าไปนั่งชมอยู่ด้วย
สาเหตุก็เกิดขึ้นจากการตัดสินที่ขัดสายตาของคนดูทั้งสนามนั่นแหละ
ห่าแก้ว ขวดน้ำและรองเท้าว่อนไปบนเวที
พ.อ.เอิบ แสงฤทธิ์ นายสนามมวย ลอดเชือกกั้นเวทีขึ้นไปขอร้องให้ผู้คนหยุดการกระทำดังกล่าว
ขณะที่อ้าแขนขอร้องผู้ชมไปรอบๆ เวที
ขวดน้ำจากมือดีรายไหนไม่ทราบ ลอยมากระทบศีรษะของท่านอย่างจัง
เล่นเอาเสธ.ล้มตึงกลางเวที ชนิดนับร้อยก็ยังไม่ฟื้น
ประคองตัวลงมาจากเวที แพทย์สนามรีบเข้าไปสอยแผลบนศีรษะไปหลายเข็ม
ซึ่งหากเป็นสมัยนี้ แอนตาซินคงจ่ายไปหลายตังค์ แต่คนแตกดันมาเป็นนายสนามมวย คงหมดสิทธิ์
แถมไม่ได้แตกด้วยศอก แต่แตกเพราะขวดบิน (ฮา)
เห็นความไม่เป็นธรรมของกรรมการตัดสินมวยของวิกสังกะสีในครั้งนั้นแล้ว
อดนึกถึงบ้านเมืองในยุคนี้ของเหล่าผู้รักษากฎหมายของบ้านเมืองไม่ได้
ทั้งตำรวจ อัยการ ศาล หรือผู้กุมอำนาจในการบริหารบ้านเมือง ที่ถืออำนาจ ถือกฎหมายอยู่ในมือ
แบบพวกข้าละเมิดได้ไม่ผิด
แต่พวกเอ็งตรงข้าม ละเมิดเมื่อไหร่เรียบร้อย กฎหมายอยู่ในมือข้า แล้วแต่ข้าจะใช้
บ้านเมืองวุ่นวายไม่หยุด ตั้งแต่ 19 กันยายน 2549-22 พฤษภาคม 2557 จนมาถึงวันนี้
ก็เพราะกติกาที่โหลยโท่ย และอยู่ในมือของผู้คนโหลยโท่ยเหล่านี้แหละ
ตัวอย่างของป้ายนี้ บ่งบอกได้ว่า การเลือกใช้กฎหมายตามอำเภอใจของผู้รักษากฎหมายนั้นมีมานานแล้ว
ป้ายขนาดใหญ่ข้างถนนซูเปอร์ไฮเวย์ สายเชียงใหม่-ลำปาง ช่วงแยกดอยติ เมืองลำพูน เมื่อหลายสิบปีก่อนมาแล้ว ก่อนสมัยป๋าเหนาะคุมมหาดไทย
ยาบ้ายังใช้ชื่อ ยาม้า ซึ่งผู้เฒ่าวังน้ำเย็น ปราจีนบุรี เป็นคนมาเปลี่ยนเป็นยาบ้า มาจนถึงทุกวันนี้
แม้จะรู้ว่าข้อความในป้ายเจือไปด้วยอารมณ์ขัน
แต่มองเข้าไปลึกๆ เถอะครับ ยังแฝงการใช้กฎหมายตามใจพระเดชพระคุณกันอย่างปฏิเสธไม่ได้
หัวใจของการปกครองบ้านเมืองอยู่ที่ความยุติธรรมนะครับ
ขอตบท้ายด้วยท่อนท้ายสุดของเพลง “เมืองกังวล”
จากการประพันธ์ของ “ศิราณี” ถนอม อัครเศรณี
ซึ่งเป็นความจริงและจับใจของผู้คนมาจนถึงทุกวันนี้
“เมืองใดไร้ธรรมอำไพ เมืองนั้นบรรลัยแน่เอย”
ตากล้อง อีตาปิยพงศ์ (เมืองหละปูน) เจ้าเก่า
“ปิยพงศ์” เมืองหละปูน
การปาสิ่งของที่ว่อนเวทีลุมพินีเมื่อห้าสิบปีก่อน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สิ่งของมาปลิวว่อนที่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาฯ
เหตุสำคัญส่วนหนึ่งคล้ายๆ กัน
ภาวะ “เมืองใดไร้ธรรมอำไพ” นี้กระมัง
ทำให้เหล่า “เยาว์ที่รัก…” ประกาศก้องโลกโซเชียล
#ย้ายประเทศกันเถอะ