ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ยานยนต์ |
เผยแพร่ |
ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต cars@khaosod.co.th
‘เบนซ์ GLA’ ปะทะ ‘บีเอ็มฯ X1’
เอสยูวีหรูขนาดเล็ก-2 ล้านต้นๆ
ในช่วงหลายปีหลังมานี้ตลาดรถยนต์ “เอสยูวี” ในบ้านเรานั้นได้รับความนิยมต่อเนื่อง ทำให้หลายค่ายส่งเซ็กเมนต์ต่างๆ เข้ามาแชร์ตลาด จากสมัยก่อนเน้นไปที่กลุ่มขนาดกลาง หรือใหญ่เท่านั้น
แต่ตอนนี้มีขนาดเล็กเข้ามาเป็นตัวเลือก เพื่อทำราคาได้จูงใจมากขึ้น
เช่นเดียวกับกลุ่มรถหรูจากยุโรป ที่แต่ก่อนเน้นรถใหญ่หรือขนาดกลาง หันมาเจาะตลาดเอสยูวีขนาดเล็กด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า 2 ค่ายหลักทั้ง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “บีเอ็มดับเบิลยู” ยังกระโดดลงสู่สมรภูมิเอสยูวีเล็ก เพื่อบดบี้กันเหมือนเดิม
หลายเดือนที่ผ่านมาทั้ง 2 ค่ายส่งรถรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาด
เมอร์เซเดส-เบนซ์ มีน้องเล็กอย่าง “GLA” ส่วนบีเอ็มดับเบิลยูมีรุ่น “X1”
ทั้งคู่มาในห้วงเวลา และตั้งราคาใกล้เคียงกันเหลือเกิน
ประเดิมกันที่ “GLA” ชื่อรุ่นเต็มๆ คือ “GLA 200 AMG Dynamic” เป็นรุ่นประกอบในเมืองไทย ออกมาโลดแล่นพร้อมกับเก๋ง “เอ-คลาส” ที่เป็นคู่แฝดกัน
คอมแพ็กต์เอสยูวีเจเนอเรชั่นที่ 2 ดีไซน์ภายนอกตัวถังสั้นลงเล็กน้อยดูคอมแพ็กต์มากขึ้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
ความสูงของตัวถังที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,605 มิลลิเมตร ทำให้ตัวรถในภาพรวมดูมีรูปทรงที่สูงขึ้น ส่งผลให้ห้องโดยสารแถวหน้ามีพื้นที่เหนือศีรษะมากขึ้น ในขณะที่ห้องโดยสารแถวหลังก็มีพื้นที่วางขาที่กว้างขึ้น
หน้าตาภายนอกกระจังหน้าแบบ diamond radiator grille สีเงิน เส้นเดี่ยวแนวนอน และตราสัญลักษณ์ดาวสามแฉกตรงกลาง
ไฟหน้า LED แบบ LED High Performance ที่มีความเพรียวบาง และกรอบโครเมียมที่ทำงานร่วมกับไฟส่องสว่างขณะขับขี่ตอนกลางวันแบบ LED ที่มีลักษณะคล้ายคบเพลิง
ด้านกว้างของตัวรถถูกออกแบบมาให้ดูทรงพลังและเร้าอารมณ์ สอดรับกับเส้นสายด้านข้างที่ทอดตัวอยู่บริเวณช่วงล่างของตัวถัง ช่วยให้ตัวรถดูกว้าง
ไฟท้ายถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนในแต่ละฝั่ง โดยปรับตำแหน่งของทับทิมสะท้อนแสงมาไว้ที่บริเวณกันชนท้าย
ส่งผลให้ประตูด้านหลังสามารถเปิดได้กว้างขึ้นกว่าเดิมและจัดเก็บสัมภาระได้ง่ายขึ้น
ห้องโดยสารให้ความรู้สึกสปอร์ต โมเดิร์น ด้วยชุดตกแต่งภายในแบบ AMG Interior package
หน้าปัดล้ำสมัยออกแบบทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้า ผ่านคอนโซลกลาง เชื่อมไปจนถึงด้านบนของแผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่ตกแต่งแบบสปอร์ตหุ้มด้วยหนัง nappa หน้าปัดล้ำสมัยออกแบบทรงปีกนกที่ทอดยาวตั้งแต่ประตูหน้า ผ่านคอนโซลกลาง เชื่อมไปจนถึงด้านบนของแผงหน้าปัดฝั่งผู้ขับขี่
หน้าจอ Widescreen ขนาด 10.25 นิ้วต่อกัน 2 หน้าจอ
หน้าจอทั้งสองจะอยู่ติดกันและมีลักษณะลอยตัวแบ่งการแสดงผลเป็น 2 ส่วน คือแผงหน้าปัดสำหรับแสดงมาตรวัดต่างๆ ซึ่งเป็นหน้าจอแบบ Widescreen ขนาดใหญ่
อีกส่วนหนึ่งจะเป็นหน้าจออินโฟเทนเมนต์พร้อมระบบปฏิบัติการหน้าจอแบบ MBUX ที่ใช้ระบบสัมผัส (Touchscreen) สามารถควบคุมและออกคำสั่งได้ด้วยการสัมผัสที่หน้าจอ หรือใช้ Touchpad
ช่องลมแอร์ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบพัดของเครื่องบินเจ็ต (turbine)
มีระบบไฟส่องสว่างแบบ Ambient Light ให้เลือกถึง 64 สี
เบาะด้านหลังยังสามารถพับได้แบบ 40:20:40
ขุมพลังเบนซิน 4 สูบเทอร์โบ ความจุ 1,332 ซีซี กำลังสูงสุดถึง 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 8.1 วินาที
มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ไม่เคยมีในรถยนต์รุ่นก่อนหน้า เช่น ระบบช่วยหยุดรถ และระบบช่วยจอดพร้อมกล้องหลัง ฯลฯ
GLA 200 AMG Dynamic ราคา 2,399,000 บาท
ส่วนบีเอ็มดับเบิลยู X1 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ภายนอกที่แข็งแกร่งบึกบึนยิ่งขึ้น กระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ขึ้น
ไฟหน้า Projector แบบ LED พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าแบบอัตโนมัติ ไฟตัดหมอก LED
ด้านท้ายมาพร้อมกับสไตล์การออกแบบใหม่ บังโคลนล้อหลังฝังมากับตัวรถในสีเดียวกับตัวถังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบเปิด-ปิด ฝาท้ายด้วยระบบไฟฟ้า
ใต้กระจกมองข้างด้านคนขับมีไฟส่องสว่างสัญลักษณ์ “X1” เมื่อปลดล็อก
กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
ภายในเน้นสีดำ ห้องโดยสารตกแต่งด้วยอะลูมิเนียมลาย Finely Brushed Lengthwise พร้อมแถบโครเมียม
พวงมาลัยดีไซน์ M Sport พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ต หุ้มด้วยหนัง Dakota พร้อมรูระบายอากาศ
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
จอ Control Display ขนาด 8.8 และ 10.25 นิ้ว ควบคุมผ่านระบบ iDrive ระบบการสั่งงานด้วยเสียง หรือระบบสัมผัส
บีเอ็มฯ X1 มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย คือ sDrive18i ICONIC, sDrive20d xLine และ sDrive20d M Sport
ขุมพลังขอยกมาแค่ 2 บล็อก คือรุ่น sDrive20d xLine และ sDrive20d M Sport เนื่องจากมีราคาใกล้เคียงกับเบนซ์ GLA และเครื่องยนต์เดียวกัน
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,500 รอบต่อนาที
รุ่น xLine มาพร้อมเกียร์ Steptronic อัตโนมัติ 8 จังหวะ และในรุ่น M Sport มาพร้อมเกียร์ Steptronic อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบสปอร์ต
อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 7.9 วินาที
ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ อาทิ ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ เซ็นเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
รุ่น xLine และ M Sport มีระบบนำทางรุ่น Plus จอ BMW Head-up Display และกล้องแสดงภาพด้านหลัง
BMW X1 sDrive20d xLine ราคา 2,359,000 บาท และ sDrive20d M Sport ราคา 2,559,000 บาท