เปิดวงจรปิดมัดลุงวิศวะ นาทีต่อนาทีวางบึ้ม ร.พ. ผงะป่วน 6 จุด-ปี “50 ด้วย ทำคนเดียว-ไม่มีใบสั่ง

นับเป็นความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ที่สามารถปิดคดีลอบวางระเบิดที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ได้สำเร็จ

เพราะที่ผ่านมาเรียกได้ว่าคดีบึ้มป่วนเมือง มักไม่สามารถสืบสาวราวเรื่องได้

เนื่องจากหลักฐานที่จะมัดตัวคนร้ายได้ มักจะถูกทำลายไปพร้อมกับแรงระเบิด

แต่ครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมที่ไล่เช็กกล้องวงจรปิดภายในโรงพยาบาล ที่ดูแล้วดูอีกจนพบบุคคลต้องสงสัย

ก่อนจะขยายผลตรวจสอบชีวิตประจำวัน แล้วบุกเข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้ต้องสงสัย ซึ่งก็พบหลักฐานมากมายหลายอย่าง

เมื่อรวมกับคำให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือทำจริง แถมไม่ใช่แค่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เท่านั้น แต่ยังลงมือระเบิดป่วนเมืองแล้วถึง 6 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2550

โดยมีสาเหตุจากความไม่พอใจทหารที่ก่อรัฐประหาร รวมทั้งเพื่อล้างแค้นให้กับ 6 ศพวัดปทุมฯ ที่เสียชีวิตจากการขอคืนพื้นที่การชุมนุมของ นปช. เมื่อปี 2553

แถมทุกครั้งลงมือทำคนเดียว ไม่มีใครสั่งการ

รวบอดีตวิศวะระเบิด ร.พ.

หลังเหตุระเบิดที่ห้องวงษ์สุวรรณ ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 25 คน เมื่อช่วงสายของวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา

เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นระเบิดไปป์บอมบ์ แบบเดียวกับที่หน้ากองสลากกินแบ่งรัฐบาลแห่งเก่า และที่หน้าโรงละครแห่งชาติ

ต่างกันเพียงว่าครั้งนี้ใส่สะเก็ดระเบิด ประกอบด้วยตะปูเข็ม เพื่อหวังผลให้เกิดความบาดเจ็บล้มตาย

จนทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องระดมทีมสืบสวนสอบสวนมือดีร่วม 200 คนลงมือทำคดี

ในที่สุดก็ได้เบาะแส โดยเมื่อกลางดึกวันที่ 14 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ก็บุกเข้าค้นบ้านผู้ต้องสงสัยในหมู่บ้านอัมรินทร์นิเวศ ซอยรามอินทรา 3 เขตบางเขน กทม. พบ นายวัฒนา ภุมเรศ อายุ 62 ปี อดีตวิศวกรไฟฟ้า กฟผ. อยู่พร้อมกับครอบครัว

ตรวจสอบพบระเบิดแสวงเครื่อง ประกอบแล้ว 1 ชุด ซุกในกระถางต้นไม้ พร้อมใช้งาน แผนที่วงจรระเบิดที่ประกอบแล้วติดตั้งไอซีไทเมอร์สมบูรณ์ 4 ชุด ดินเทาเชื้อปะทุ 2 กระป๋อง

จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองพันทหารราบ มทบ.11 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเคร่งเครียด

ก่อนที่เช้าวันที่ 15 มิถุนายน จะบุกเข้าไปตรวจค้นคอนโดมิเนียม 2 จุดที่ด้านหลังการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เพื่อรวบรวมหลักฐานต่างๆ ไปตรวจสอบว่าเป็นชนิดเดียวกับที่บึ้มโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ หน้ากองสลากเก่า และหน้าโรงละครแห่งชาติหรือไม่

หลังสอบสวนได้ไม่นาน ก็ต้องพบความจริงที่น่าตะลึง เมื่อนายวัฒนารับสารภาพว่าเป็นคนวางระเบิดจริง

และไม่เพียงแค่ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ แต่ก่อเหตุมาแล้ว 6 ครั้งตั้งแต่ปี 2550

โดยครั้งแรก เมื่อเวลา 23.18 น. วันที่ 9 เมษายน 2550 ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ หน้าโรงภาพยนตร์เมเจอร์ รัชโยธิน เพื่อสร้างสถานการณ์ ไม่ต้องการให้มีผู้บาดเจ็บ

2. เวลา 20.30 น. วันที่ 8 พฤษภาคม 2550 ที่ตู้โทรศัพท์ปากซอยราชวิถี 24

3. เวลา 21.00 น. วันที่ 30 กันยายน 2550 ที่ด้านข้างกรมแผนที่ทหารบก ใกล้ บก.ทบ. ถนนราชดำเนิน เนื่องจากไม่พอใจ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ซึ่งสมัยนั้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.

4. วางระเบิดหน้ากองสลากเก่า เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560 เนื่องจากในวันที่สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 ได้อยู่ในจุดดังกล่าว และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย

5. หน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ซึ่งเป็นจุดที่มีผู้ชุมนุม นปช. เสียชีวิตที่จุดดังกล่าวเช่นกัน

จนมาถึงครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ตั้งใจเอาระเบิดไปวางที่ห้องวงษ์สุวรรณ เพื่อแสดงออกในวันครบรอบ 3 ปี คสช. และล้างแค้นให้กับผู้เสียชีวิต 6 ศพวัดปทุมฯ เมื่อปี 2553

เป็นระเบิดเพื่อแสดงสัญลักษณ์

สารภาพป่วน 6 จุด-ปี “50 ด้วย

หลังจากได้คำสารภาพของนายวัฒนา รวมทั้งหลักฐานที่สามารถบุกยึดได้ที่บ้านพัก พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน ก็ยื่นขอให้ศาลอาญา อนุมัติหมายจับ 5 หมาย เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ในความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ และข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กระทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัส

มีและใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย มียุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ประกอบด้วยเหตุระเบิดหน้าเมเจอร์รัชโยธิน ปี 2550 เหตุระเบิดหน้าโรงละครแห่งชาติ สำนักงานสลากกินแบ่งฯ เก่า โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ และบ้านพักที่ย่านบางเขน

ก่อนจะขออนุมัติหมายจับเพิ่มอีก 2 หมาย เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน ในเหตุการณ์วางระเบิดข้าง บก.ทบ. และปากซอยราชวิถี 24

พร้อมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ รวมทั้งหมด 14 จุด ประกอบด้วย

1. บ้านเลขที่ 44/408 ย่านบางเขนของนายวัฒนา ที่ใช้เป็นสถานที่ประกอบระเบิด

2. หน้าห้างเมเจอร์ รัชโยธิน ที่วางระเบิดเมื่อปี 2550

3. ที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

4. กฟผ. ที่เอารถใส่วัตถุระเบิดมาจอดไว้

5. ร้านสินค้า 20 บาท ซอยบางกรวย-ไทรน้อย 2 จุดที่ซื้อแจกันและดอกไม้แห้ง

6. ยันฮีคอนโด ที่นายวัฒนาพักกับเพื่อนสาวคนสนิท ก่อนไปลงมือ

7. ร้านขายท่อพีวีซี ปากซอยบางกรวย 10 ซึ่งซื้อท่อพีวีซีและกาวตราช้าง

8. ป้ายรถโดยสารประจำทาง ใกล้กับ ซ.จรัญสนิทวงศ์ 97 ที่นั่งรถเมล์ไปก่อเหตุ

9. ใต้สะพานพระราม 7 ที่ซื้อดินดำเมื่อปี 2550

10. ร้านณัฐพงศ์ ย่านบ้านหม้อ ซื้ออุปกรณ์ในการประกอบวัตถุระเบิด อาทิ ตัวเก็บประจุ ไอซีไทเมอร์ หลอดไฟฉาย แบตเตอรี่ หัวแร้งพร้อมตะกั่ว

11. หน้ากองสลากแห่งเก่า

12. หน้าโรงละครแห่งชาติ

13. บริเวณหน้า บก.ทบ.

และ 14. หน้าซอยราชวิถี 24

ก่อนนำตัวฝากขังศาลอาญาและคัดค้านประกันตัว

ขณะที่นายวัฒนา ผู้ต้องหา ระบุว่า รับสารภาพว่าลงมือจริง มีแรงจูงใจจากความไม่เห็นด้วยกับการปฏิวัติ เพราะทำให้ประเทศพบความหายนะทางเศรษฐกิจ สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกลิดรอน

ต้องการแสดงออกเป็นสัญลักษณ์ ต้องขอโทษเหยื่อที่รับบาดเจ็บทุกคน

ยืนยันว่าทำคนเดียวไม่มีใบสั่งจากใคร เพราะต้นทุนระเบิดราคาเพียงลูกไม่ถึง 50 บาท ไม่ต้องให้ใครมาอุดหนุน และไม่อยากให้เรียกว่าระเบิด ขอให้เรียกว่าประทัดยักษ์

เป็นคำชี้แจงจากผู้ต้องหา

เปิดวงจรปิดมัดลุงมือบึ้ม

สําหรับการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุโดยใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน ต้องยกความดีความชอบให้กับชุดสืบที่ไล่ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด

โดยตอนแรกเจ้าหน้าที่พยายามออกข่าวเพื่อเบียงเบนความสนใจ โดยระบุว่าวงจรปิดในโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ เสียหายไม่สามารถดูได้เพื่อให้ผู้ต้องหาตายใจ

ก่อนจะตรวจสอบจนพบว่ามีบุคคลเข้า-ออกภายในโรงพยาบาล 12,000 คน แล้วค่อยไล่ตรวจจนเหลือ 100 คน และ 10 คนตามลำดับ

ทั้งนี้ กล้องวงจรปิด 21 ตัวในโรงพยาบาล พบชายต้องสงสัยสูงวัยถือถุงพลาสติกภายในบรรจุวัตถุมีน้ำหนัก และร่มสีดำ 1 คัน เดินเข้ามาทางประตูหน้า ใช้เวลา 1 นาที 20 วินาที เข้าไปในอาคารเฉลิมพระเกียรติ และอยู่ในห้องวงษ์สุวรรณ 1 ชั่วโมง 33 นาที โดยออกจากห้องก่อนระเบิดเพียง 10 นาที ในมือมีถุงพลาสติกต้องสงสัย แต่ไม่มีวัตถุมีน้ำหนัก เหลือร่มสีดำ 1 คันเท่านั้น

เมื่อเช็กประวัติการรักษาพบว่าชายคนดังกล่าวไม่มีนัดหมายกับหมอ จึงไล่วงจรปิด จนพบว่าก่อนวันเกิดเหตุ เวลา 16.50 น. ชายคนดังกล่าวขับรถเก๋งเข้าไปที่ลานจอดรถ กฟผ. บางกรวย แล้วเอาจักรยานปั่นออกประตูหลังไปยังยันฮีคอนโด

ต่อมาเวลา 06.13 น. วันที่ 22 พฤษภาคม ผู้ต้องสงสัยขี่จักรยานจากยันฮีคอนโด เข้ามาที่ลานจอดรถ กฟผ. อีกครั้ง แล้วหยิบถุงพลาสติกสีขาวขนาดใหญ่ จากประตูด้านหน้าฝั่งคนขับ ในถุงมีแจกันและช่อดอกไม้สีส้มแดง

จากนั้นขี่จักรยานออกทางประตูหน้า ย้อนศรมุ่งหน้าปากซอยจรัญสนิทวงศ์ 97 แล้วข้ามสะพานลอยไปยังซอยจรัญฯ 96/2 ขึ้นรถเมล์ ปอ.18 ในเวลา 07.43 น. ก่อนจะพบภาพลงรถเมล์ระหว่างประตู 5 และ 6 ของโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ สวมหน้ากากอนามัย เดินถือถุงพลาสติกมาตามถนนราชวิถี จากแยกตึกชัย มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ

เข้าโรงพยาบาลทางประตู 6 เข้าไปห้องวงษ์สุวรรณเวลา 08.47 น. เปิดสวิตซ์ระเบิดหน่วงเวลาแล้วออกมาเวลา 10.20 น. ก่อนระเบิด 10 นาที ต่อมาเวลา 10.43 น. ขึ้นรถเมล์สาย 14 ไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ลงรถบริเวณเกาะพญาไท จากนั้นเดินบนสกายวอล์ก ไปฝั่งโรงพยาบาลราชวิถี นั่งบริเวณตู้เอทีเอ็ม 18 นาที แล้วลุกเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยว

ต่อมาเวลา 11.31 น. เดินไปยังป้อม ขสมก. กระทั่งเวลา 12.24 น. เดินออกจากป้อมขึ้นรถเมล์สาย 18 ไปยังท่าอิฐ จ.นนทบุรี ลงรถที่ปากซอยจรัญฯ 97 ขี่จักรยานเข้าไปใน กฟผ. แล้วขับรถยนต์ออกไป เมื่อตรวจสอบแล้วจึงพบว่าเจ้าของรถเป็นลูกชายนายวัฒนา

จึงตรวจสอบประวัติจนทราบว่าที่พักอยู่ที่ไหน ก่อนบุกเข้าตรวจสอบที่บ้านพักจนค้นพบหลักฐานชิ้นสำคัญ

ปิดคดีวางระเบิดป่วนกรุงได้เรียบร้อย