ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 เมษายน - 6 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | กรองกระแส |
เผยแพร่ |
กรองกระแส
อำนาจ แข็งแกร่ง
ของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ปฏิกิริยา ท้าทาย
มีภาพ 2 ภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงอยู่ แม้จะมองเห็นไม่เด่นชัดเท่าใดนักในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
แต่หลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 มีความแจ่มชัดขึ้น
ภาพหนึ่ง เป็นภาพอำนาจอันยิ่งใหญ่ เกรียงไกรของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่มาพร้อมกับอำนาจของ “คสช.”
เป็นภาพที่แม้จะมีการต่อต้านแข็งขืน แต่ก็ถูก “จัดการ” อย่างรวดเร็ว เบ็ดเสร็จ
ภาพหนึ่ง เป็นภาพการแข็งขืน ต่อสู้ และแสดงการไม่ยอมรับต่ออำนาจอันมีพื้นฐานมาจากการรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หลังการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 ภาพนี้ยิ่งแจ่มชัด มิอาจปิดบังได้
ยิ่งภายหลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 การลุกขึ้นมาต่อต้าน แข็งขืน ยิ่งซึมลึก แผ่กว้าง กลายเป็นกระแส ก่อรูปขึ้นเป็นขบวนการ
และส่งผลสะเทือนเข้าไปแม้กระทั่งภายในของรัฐบาล
หากมองจากการขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 คล้ายกับการสืบทอดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นไปโดยราบรื่น
เนื่องจากป้อมอันแข็งแกร่งของ 250 ส.ว.
แม้พรรคภูมิใจไทยจะเข้าร่วมอย่างไม่มีเงื่อนไขมากนักนอกจากกระทรวงบางกระทรวง แต่พรรคประชาธิปัตย์มีเงื่อนไขอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
แต่เมื่อเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิดในเดือนมีนาคม 2563 สัญญาณเริ่มปรากฏ
ปรากฏจากการใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน “รวบอำนาจ” ของรัฐมนตรีไปอยู่ในมือของ “หัวหน้า ศบค.” และต่อสายตรงไปยัง “ปลัดกระทรวง”
ปรากฏจากการแย่งชิงคะแนนนิยมและพื้นที่ทางการเมือง
สัมผัสได้จากการเลือกตั้งซ่อมที่พรรคพลังประชารัฐไม่ยอมอ่อนข้อให้กับพรรคร่วมรัฐบาล สัมผัสได้จากคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 85/2564 มอบหมายรัฐมนตรีไปรับผิดชอบงานพัฒนาในแต่ละพื้นที่
นับวันรอยร้าวระหว่างรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลยิ่ง “ร้าวลึก”
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 1 สถานการณ์การแย่งชิงพื้นที่ทางการเมืองเพื่อตระเตรียมรับมือกับการเลือกตั้งหลังเดือนมีนาคม 2566 เป็นอีกปัจจัย 1
ทำให้ความขัดแย้งทาง “ความคิด” พัฒนาเป็นการแตกแยกทาง “การเมือง”
สังคมจึงได้เห็นความหงุดหงิดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อความบกพร่องของโทรสายด่วนในความรับผิดชอบของนายอนุทิน ชาญวีรกูล
ก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวของ “หมอไม่ทน” ล่า 1 แสนรายชื่อ
สังคมจึงได้เห็นความหงุดหงิดของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มอบหมาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปคุมงานพัฒนาในนครศรีธรรมราช สงขลา ภูเก็ต
รวมถึงความหงุดหงิดของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ต่อปมปัญหาโควิด
ยืนยันว่าความสำเร็จและความล้มเหลวมิได้ขึ้นกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล เพราะอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเป็นหัวหน้า ศบค.
แล้วลงเอยที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่พอใจต่อเสียงนินทาของ “รัฐมนตรี”
สภาพการณ์ในปัจจุบัน เด่นชัดยิ่งว่าอำนาจอันแข็งแกร่งอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เหนือกว่ารัฐมนตรีจากพรรคการเมือง
จะบีบก็ตาย จะคลายก็รอด
คล้ายกับว่าบรรดาพรรคการเมืองทั้งหลายมีสภาพอยู่ในลักษณะ “หมูในอวย” และยากเป็นอย่างยิ่งที่จะแข็งขืนต่ออำนาจพิเศษของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กระนั้น ลักษณะ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ก็เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นเป็นลำดับ