ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 23 - 29 เมษายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
ณัฐวุฒิ กรัณยโสภณ
‘ธนาธร’ ในเกมคู่ขนาน
ก้าวหน้า-ก้าวไกล
อีก 2 ปี ถึงเวลา ‘พิธา’ เป็นนายกฯ
“ผจญภัยน่ากลัวกว่าเยอะ อันนั้นเป็นความตายจริงๆ ขาสั่นหมด คือกูจะตายไหม”
“แต่เรื่องการเมืองมันไม่ใช่ โจทย์มันเยอะกว่านั้น เราต้องรับผิดชอบกับประวัติศาสตร์ ต้องรับผิดชอบกับคนรุ่นก่อนเรา คนรุ่นต่อไป ถ้าคิดไม่ถี่ถ้วนไม่ได้ เพราะไม่ใช่เราคนเดียว เรายังต้องแบกรับอะไรอีกเยอะแยะ”
คือคำตอบระหว่างบรรทัดของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า นักธุรกิจระดับหมื่นล้านที่ยอมทิ้งสมบัติ ตัดขาดธุรกิจครอบครัว เพื่อกระโจนเข้าสู่วงอำนาจการเมือง
เมื่อถูกถามว่า ระหว่างเสี่ยงตายจากการผจญภัยทั่วโลกกับการติดคุกติดตะรางเพราะการเมือง กลัวอะไรกว่ากัน…
“ธนาธร” เข้าสู่วงการเมืองในการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 แต่ผ่านมา 2 ปี เขาและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ในการก่อตั้งพรรคมีคดีติดตัวหลายคดี บ้างก็ถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมืองจากเหตุยุบพรรคอนาคตใหม่
สำหรับเขาโดนกว่า 20 คดี พันไปถึงญาติ ทั้งแม่ พี่สาว น้องชาย ต่างถูกลากสู่หุบเหวแห่งมุมมืดการเมือง “ธนาธร” บอกว่า “ต้องสู้ทุกวิถีทาง” แล้วชี้นิ้วมือมาที่ใบหน้าตัวเอง
“ดูสิผมมีลักษณะเป็นอาชญากรหรือเปล่า คิดว่าผมเป็นอาชญากรป่ะ มองผมสิ 40 ปีในการใช้ชีวิตไม่เคยขึ้นสถานีตำรวจ ไม่เคยขึ้นโรงขึ้นศาลสักครั้งเดียว ผมทำธุรกิจมีพนักงาน 2 หมื่นคน ทำธุรกิจหมื่นล้านในหลายประเทศ ก่อนออกมาบริษัทผม 8 หมื่นล้าน ไม่เคยมีใครฟ้องร้องผม วันนี้มี 20 กว่าคดี ผมโกงที่ดินป่ามาเป็นของตัวเองหรือเปล่า มองผมสิ”
แม้ในความรู้สึกอาจไม่เป็นอาชญากรทางคดีอาญา แต่อาจเป็น “อาชญากรทางความคิด” แต่ธนาธรก็ไม่กังวลใจ
“วันที่ตัดสินใจตั้งพรรคการเมือง พอรู้อยู่แล้ว ผมพูดบ่อยตอนตั้งพรรคแรกๆ พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงวันนี้ และถามใจตัวเองมาแล้วว่าพร้อมหรือเปล่า แล้วมีคำตอบแล้วถึงมาทำ”
“สิ่งเดียวที่เหนือความคาดหมายคือไม่คิดว่าพวกนี้จะสกปรกขนาดเอาครอบครัวผมมาเล่นด้วย เหนือความคาดหมายของผมในวันนั้น”
ย้อนไปในการเลือกตั้ง 2562 ไม่มีใครคิดว่า “ธนาธร” กับ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรค และผู้ร่วมก่อตั้ง “พรรคอนาคตใหม่” และผู้ร่วมก่อตั้งอีก 24 คน จะพาผู้แทนราษฎรเข้าสู่ห้องประชุมผู้ทรงเกียรติได้ทะลุเพดาน 81 คน
ทว่าในยุคการเมืองที่ถูกคุมด้วย “บิ๊กบราเธอร์” พี่น้อง 3 ป. พรรคอนาคตใหม่ถูกตัดตอน-บอนไซเรื่อยๆ
แล้วพรรคอนาคตใหม่ของเขามีอายุในตัวเลขกลมๆ แค่ 500 วันก็ปิดฉาก… แต่ธนาธรและพวกปักธงใหม่ในนาม “คณะก้าวหน้า” และมีพรรคการเมืองที่สานงานต่อในฝ่ายนิติบัญญัติคือ “พรรคก้าวไกล” เล่นเกม 2 ขา ใน-นอกสภา
“ธนาธร” ยอมรับว่าในการตั้งพรรคการเมืองเขา “ขาดทุน”
“ส่วนตัวไม่ได้อะไรเลย คิดว่าผมอยากเป็นนายกฯ เหรอ…ซีเรียส ตั้งพรรคอยากเป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี เหรอ ไม่ใช่… ณ วันนั้น ไม่มีพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนความฝันของผมได้ ผมไม่เห็น”
“ดังนั้น ถ้าถามว่ามันมีแต่ต้นทุนไหม…ใช่ ผมก็บอกอาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล ว่า ถ้าผมจะทิ้งทั้งชีวิต อาจารย์ต้องคุยกับผมนะ ทิ้งทั้งชีวิตเหมือนกัน จะครึ่งๆ กลางๆ ไม่ได้ ถ้าจะทำนี่ต้องสร้างความเปลี่ยนแปลง นำมาซึ่งสังคมไทยที่เท่าเทียมเสมอภาค สังคมไทยที่เป็นประชาธิปไตย เจริญก้าวหน้า”
ตัดภาพกลับมาที่ “คณะก้าวหน้า” ของ “ธนาธร” เน้นปักธงเปลี่ยนความคิดของผู้คนในการเมืองระดับรากฐาน ท้องถิ่น เขาประเมินความสำเร็จ-ล้มเหลว ดังนี้
เลือกตั้งใหญ่เราส่ง 350 ได้ ส.ส.เขต 30 คน อัตราส่งผู้สมัครกับอัตราชนะ ตกที่ 8.5% อบจ.เราส่ง 42 จังหวัดเราไม่ได้นายก อบจ.เลย อัตราคือ 0% ส่วนเทศบาล เราส่ง 107 ที่ เราได้มา 16 ที่นั่ง อัตรา 15% ดังนั้น ยิ่งพื้นที่ใหญ่ยิ่งลำบาก ใน 3 ลำบากนี้ อบจ.ใหญ่สุดคือพื้นที่ใหญ่สุด พื้นที่ใหญ่โอกาสยิ่งยากที่จะชนะอันดับ 1
24 มีนาคม 2562 เราได้ ส.ส. 80 คน ยุบพรรค ถูกตัดสิทธิ์กันไปเหลือ 50 กว่าคน พอมาธันวาคม 2563 เราไม่ได้นายก อบจ. แต่เราได้ ส.จ. 50 กว่าคน วันนี้เรามีนายกเทศบาล 16 คน และมี ส.ท.ประมาณร้อยคนทั่วประเทศ เราตั้งใจทำเต็มที่เท่าที่ศักยภาพเรามี
“เราทำงานการเมืองไม่ถึง 3 ปี ประมาณ 2 ปีกว่า การที่จะทำการเมืองให้มีฐานที่จะทำงานกับประชาชนอย่างใกล้ชิดจริงๆ ยังไม่สมบูรณ์หรอก จิ๊กซอว์เราต้องต่ออีกเยอะ”
“ธนาธร” กล่าวว่า ผมไม่เคยบอกว่าประเทศไทยจะสามารถเปลี่ยนให้ดีขึ้นภายใต้การเลือกตั้งครั้งเดียว ผมไม่เคยพูด ผมบอกเสมอว่าสู้กันยาว ใช้เวลาอีกหลายปี อาจจะเป็น 10 ปี ตอนตั้งพรรคอนาคตใหม่ เรามองถึง 3 การเลือกตั้ง 3 รอบ ไม่ใช่รอบเดียว เราไม่คิดว่ามีนาคม 2562 จะได้เสียงข้างมากในสภา
“ธนาธร” มั่นใจว่า คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล จะยืนระยะได้ถึงการเลือกตั้ง 3 รอบ
พิสูจน์แล้วว่าไม่มีอนาคตใหม่ ก็มีก้าวไกล 1 ปีที่ผ่านมาหลังจากอนาคตใหม่ถูกยุบ พิสูจน์แล้วว่าก้าวไกลทำหน้าที่ได้อย่างสมศักดิ์ศรี สมกับที่ประชาชนไว้วางใจพวกเขา
เขาอภิปรายประเด็นบริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ไม่เคยมีใครกล้าพูดถึงบริษัทนี้ในสภามาก่อน ชัดเจนกับการควบรวมกิจการของซีพี เขาพูดถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน นิสิต นักศึกษา และไปยืนเคียงข้างเขา และยังปฏิรูประบบราชการรวมศูนย์ ตรวจสอบการทำงานของกองทัพอย่างใกล้ชิด
ทำให้ผมสบายใจ และรู้สึกว่า เราแสดงให้เห็นแล้วว่าพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ไม่จำเป็นต้องยึดตัวบุคคล ไม่มีธนาธร ไม่มีปิยบุตร (แสงกนกกุล) ไม่มีพรรณิการ์ (วานิช) พรรคก้าวไกลก็ยังเดินหน้าสง่างาม
ดังนั้น ไม่สงสัยในศักยภาพของพวกเขา
ถ้าที่สุดแล้ว “ธนาธร” ติดคุกขึ้นมา “ก้าวหน้า” จะไปต่ออย่างไร ธนาธรแสดงอาการตกใจในคำถาม…
โอ้… ยังไม่คิดถึงตรงนั้น แต่ก้าวไกลไม่ต้องเป็นห่วง ผมเชื่อว่าก้าวไกลไปต่อได้ และเห็นแล้วว่ามีคนที่มีศักยภาพอีกเยอะ และคิดว่าพิธา (ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล) โดดเด่นขึ้นทุกวัน
“ถ้ามีการยุบสภาปี 2566 มีเวลาให้พิธาอีก 2 ปี ถึงวันนั้นเขาจะอายุมากกว่าผมในปี 2562 ถึง 2 ปี เขาจะอายุ 43 ในวันนั้น เชื่อว่า ณ วันนั้นเขามีความพร้อมในการขึ้นเป็นผู้นำประเทศ เพราะคุณอภิสิทธิ์ คุณยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ตอนอายุ 44-45 แต่พิธาอายุ 43 ผมเชื่อว่าเขาจะมีความพร้อม มีประสบการณ์เพียงพอ”
เป็นนายกฯ ได้เลยหรือไม่? ถามธนาธร
“แน่นอน คิดว่าหน้ากระดานในปี 2566 มีใครบ้าง เชื่อว่าพิธาเหมาะสมที่สุดแล้วในวันนั้น” เขาตอบ
แล้วปลายทางการต่อสู้คืออะไร “ธนาธร” กล่าวว่า อย่างที่บอก ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย สังคมไทยเสมอภาคเท่าเทียม…พอแล้ว