ผิดและพังทั้งคู่ / โลกทรรศน์ อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

โลกทรรศน์

อุกฤษฏ์ ปัทมานันท์

 

ผิดและพังทั้งคู่

 

กลางเดือนเมษายน 2564 กระบอกเสียงทางการเมียนมาประกาศจะมีการเลือกตั้งภายใน 2 ปี

ช่วงเดียวกันนั้น รัฐบาลทหารเมียนมาก็ไม่ต้อนรับผู้แทนพิเศษขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งต้องการเยือนเมียนมา

ดูเหมือนว่า นายพลเมียนมาจะปกครองเมียนมาตามแบบนายพลประเทศเพื่อนบ้านของเขา

แต่ผมว่า ผิดและพังทั้งคู่

เมียนมาอยากนำประเทศเป็นดังนี้

 

เมียนมาอยากทดลองปกครองเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน สิ่งแรกที่ทำคือรัฐประหารคว่ำรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งเหมือนกัน แล้วสัญญาว่า ด้วยเสียงเพลงอันไพเราะ สัญญาว่าอยู่ไม่นาน ให้รอ จะเลือกตั้งใหม่ แล้วประชาธิปไตยจะกลับมา

แต่ไม่จริง

ความจริงคือประเทศเพื่อนบ้านปกครองมาได้เกือบ 7 ปีที่ผ่านมา

ในทางการเมือง มีแต่ผูกขาดด้วยคนกลุ่มเดียวกับคนทำรัฐประหาร

มีการสืบทอดอำนาจในรัฐสภา ทั้ง ส.ว.และ ส.ส.ล้วนเป็นคนของผู้นำ

ไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญ เพียงแค่สัญญาและก็หลอกแม้แต่ตัวเองว่าจะแก้ จะแก้ไปทำไม ในเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันให้ประโยชน์ผู้ปกครองอยู่แล้ว

ลิดรอนเสรีภาพการแสดงออกทางการเมืองทุกรูปแบบ ปิดทางการแสดงความคิดเห็น อ้างโควิด-19 แล้วห้ามทุกคนชุมนุม ยกเว้นพวกเขาเอง ผู้คนถูกจับกุมมากขึ้น เยาวชนถูกจับและขังซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศนี้ พวกเขาถูกจับเพียงเพราะชูมือขึ้น เอาริบบิ้นติดเสื้อ ยืนดูเฉยๆ

ในทางเศรษฐกิจ จากโงหัวไม่ขึ้น ถึงเศรษฐกิจตกต่ำหรือมากกว่านี้…

จีดีพีของประเทศนี้ลดลงเรื่อยๆ จนน่าใจหาย จนต่ำกว่าทุกประเทศในอาเซียน

ธุรกิจขนาดใหญ่เจ๊ง สายการบินแห่งชาติล้มละลาย กิจการโรงแรมขนาดใหญ่ปิดตัว หรือต้องปล่อยเช่าห้องราคาถูกแสนถูก แล้วคนธรรมดาตกงานเป็นจำนวนมาก รายได้ครัวเรือนลดลง แต่หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น บัณฑิตตกงานจำนวนมาก ตอนแรกประมาณว่าราว 2 แสนคน แต่เด็กจบใหม่แทบหางานทำไม่ได้ไปเรื่อยๆ ไร้อนาคต

ปลายปี 2562 โรคระบาดโควิด-19 มาเยือน แม้โรคนี้ระบาดทั่วโลก แต่ตอนแรกประเทศนี้ท่าดี มีคนติดเชื้อน้อย ตายน้อย ผู้นำอ้างว่า ประเทศนี้จัดการโควิด-19 ดีที่สุดในโลก แม้เศรษฐกิจย่ำแย่ก็ตาม

ตอนนั้น สนามมวยเป็นต้นเหตุหลัก ผู้คนที่ติดเชื้อโรค ส่วนหนึ่งเป็นยาม นักเล่นพนัน มีดาราที่มาจัดรายการมวยบ้าง แต่ก็น้อย

ต่อมาบ่อนเป็นต้นเหตุหลัก มีคนงานในโรงงานไปเล่นที่บ่อนในประเทศใกล้เคียง แล้วกลับไปทำงานโรงงานปลากระป๋อง ตลาดขายปลา ที่จังหวัดใกล้ชายทะเล แรงงานต่างด้าวเป็นตัวแพร่เชื้อสู่ผู้คนเป็นส่วนใหญ่ เจ้าของโรงงานลงทุนเอง ตรวจหาเชื้อโรคเอง ตั้งโรงพยาบาลสนามเอง ทำสถานที่กักกันผู้ป่วยเอง ผู้ว่าราชการจังหวัดแทบจะเอาชีวิตไม่รอด แล้วสถานการณ์ก็ดีขึ้น

ต่อมาปลายเดือนมีนาคม 2564 คลับชั้นสูงในย่านดังแถวถนนสุขุมวิทเป็นต้นเหตุการแพร่เชื้อโควิด-19 เป็นหลัก

คราวนี้เกิดคำศัพท์ใหม่ บ้างเรียกว่า โฮสท์ชนะ หมายถึงผู้ให้บริการผู้หลักผู้ใหญ่ชนะ นอกจากเธอจะมีรายได้ดีแล้ว ผู้ใหญ่ไม่ฉลาดเอง ไปติดโรคจากพวกเธอที่ให้บริการคนชั้นสูง

บ้างก็เรียกว่า ตึก…คู่ฟ้าคลับ อันนี้น่าสนใจเพราะนักการเมืองระดับรัฐมนตรี นักการเมืองเกือบทั้งพรรคต้องเฝ้าระวังกักตัว นักธุรกิจชั้นแนวหน้า ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่

คำศัพท์ ตึก…คู่ฟ้าคลับ ถูกตีความว่า เป็นแหล่งหาประโยชน์ของสิ่งที่เราคุ้นเคยคือ ธนกิจการเมือง การเจรจาความเมืองและกิจการการลงทุนขนาดใหญ่ อันต้องมีการเอ็นเตอร์เทนด้วยพริตตี้ระดับนำ ทั้งสวยทั้งรวย

คำร่ำลือ ธนกิจการเมือง กลายเป็นจริงเมื่อต้องเปิดเผยไทม์ไลน์อันมาจากโรคระบาดโควิด-19 ไทม์ไลน์ที่ช่วยให้เราเห็นว่ามีใครบ้าง ใครไปบ่อยแค่ไหน ไปพูดคุยและไปเอ็นเตอร์เทนกับใครบ้าง

ท่ามกลางข้อสงสัยสังคมไทยเมืองพุทธ เศรษฐกิจแย่มาก ร้านค้าแหล่งบันเทิงเล็กๆ ของพ่อค้าย่อยที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี อุบลราชธานี ปิดกิจการ เจ๊งกันเป็นแถว

แต่คลับชั้นสูงของผู้นำและนักการเมืองของพรรคที่ดูแลโรคระบาดโควิด-19 กลับสว่างไสวและอุดมสมบูรณ์

 

เมียนมาจะเลียนแบบ

การเมืองแบบประเทศเพื่อนบ้าน

หรือเมียนมาเป็นยิ่งกว่า

เราอาจไม่รู้เรื่องโรคระบาดโควิด-19 ในเมียนมาตอนนี้เลย เราอาจไม่รู้มากนักว่า เศรษฐกิจเมียนมาแย่ขนาดไหน แต่ดูไปแล้ว เมียนมาซึ่งพยายามเลียนแบบประเทศเพื่อนบ้านในทางการเมืองการปกครอง กลับแย่ยิ่งกว่า

คนเมียนมาต่อต้านการรัฐประหารของผู้นำทหารเมียนมาตั้งแต่วินาทีแรกด้วยเหตุผลหลักคือ

ประการแรก คนเมียนมาไม่ว่าเชื้อชาติใด ไม่เคยเชื่อในคำสัญญาของผู้นำทหาร กองทัพเมียนมาที่ผ่านมา มีแต่กดขี่คนเมียนมา กองทัพเมียนมาร่ำรวย ผู้นำทหารมีบทบาททางการเมืองในรัฐสภาทั้งสองสภา และมีตำแหน่งในกระทรวงสำคัญ แต่ยังไม่พอใจ

ประการที่สอง คนเมียนมาส่วนใหญ่พอใจในสังคมเปิด เศรษฐกิจเปิด การเมืองเปิด แม้หลังปี ค.ศ.2010 มีการเลือกตั้งทั่วไป มีรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง เพียงแค่ไม่ถึง 5 ปี รัฐบาลพลเรือนอาจยังบริหารประเทศไม่ดี มีความล่าช้า มีผู้คนประท้วงรายวันด้วยเรื่องราวสารพัด แต่เศรษฐกิจก็เดินหน้า มีการลงทุนจากต่างประเทศ คนเมียนมามีงานทำทั้งในประเทศและออกไปทำงานต่างประเทศ

ที่น่าสนใจ คนรุ่นใหม่มีงานทำ ประกอบอาชีพอิสระ มีความหวังในชีวิต นักเรียน นักศึกษา ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ดารา นักร้อง ไม่ต้องการให้เมียนมากลับไปแบบเดิมที่ปกครองด้วยรัฐบาลทหาร ความคิดนี้กลับเหมือนกับคนรุ่นพ่อ-แม่ของพวกเขาซึ่งเผชิญกับความยากลำบากในยุคทหารครองเมือง

ประการที่สาม อย่างไรก็ตาม คนเมียนมาทั่วประเทศไหวตัวก่อนและเคลื่อนไหวต่อต้านทหารเต็มที่ ผิดกับคนในประเทศเพื่อนบ้าน คนเมียนมาต่อต้านรัฐประหารในทุกวิถีทาง ด้วยเคาะหม้อ กระทะ ส่งเสียงต่อต้าน จอดรถขวางทาง ไม่ยอมทำงานในหน่วยงานของรัฐ เอาผ้าถุงมาแขวนเพื่อไม่ให้ทหารเมียนมาผ่านทาง เอารูปผู้นำมาวางทั่วถนนไม่ให้ทหารเดินผ่าน สู้ด้วยไม้ ก้อนหิน สู้เช่นนี้มากว่าเดือนแล้ว

และยังสู้ต่อไป

 

แล้วผู้นำก็พังทั้งคู่

แน่นอนรัฐบาลทหารเมียนมายังคงปราบปรามผู้ประท้วงด้วยอาวุธและความป่าเถื่อน

ผู้นำแก้เกมตลอดเวลาออกแถลงการณ์ ออกข่าวว่า ที่ใช้ความรุนแรง ที่คนล้มตายหลายร้อยคนนั้นไม่เป็นความจริง ทหารมีอาวุธ ถ้าจะปราบย่อมตายมากกว่านี้ แล้วก็ปฏิเสธการติดต่อจากต่างประเทศทุกรูปแบบ

ทำไมผู้นำเมียนมาจะพังพินาศ ก็โฆษณาอย่างไรคนเมียนมาก็ไม่เชื่อ ปราบปรามอย่างไรก็ยังมีการประท้วง

ต่อให้มีเลือกตั้ง ผลจะเป็นอย่างไรคนเมียนมาก็ไม่ยอมรับ

แล้วผู้นำเมียนมาจะปกครองประเทศอย่างไร จะปกครองไปปราบปรามไปหรือ

ที่ประเทศเพื่อนบ้าน ชะตากรรมผู้นำไม่เหมือนเสียทีเดียว แต่ก็พัง น่าสนใจ การเมืองผูกขาดด้วยกฎหมาย ด้วยกลไกรัฐสภาและพรรคการเมือง แต่กลับไร้เสถียรภาพอย่างมาก การเมืองตึงตัวเกินไป ทั้งนโยบายและผู้เล่นหลัก แค่เปลี่ยนตัวแกนนำ โอกาสที่จะพังมีสูงมาก

ในประเทศเพื่อนบ้าน การประท้วงรัฐบาลอาจต่างจากเมียนมา แต่นี่คือภูเขาไฟที่พร้อมจะระเบิดและจะรุนแรงมาก คนตกงาน ผู้คนไร้อนาคต ไร้ความหวัง จะเป็นเชื้อไฟที่เปลี่ยนเป็นความรุนแรงทางการเมืองได้ไม่ยาก ทำไมจึงคิดว่า ผู้นำคนจะมีชีวิตอยู่ตลอดไปหรือครับ

เขียนมาขนาดนี้ คงพอรู้แล้วว่า ประเทศเพื่อนบ้านนั้นชื่อว่า ประเทศไทย นี่เอง

มาดูที่เมียนมา ผู้นำกำลังจะพังเพราะไม่เพียงคนเมียนมาประท้วงต่อไป ตอนนี้มีการตั้งรัฐบาลของผู้ประท้วงฝ่ายต่างๆ หากนานาชาติรับรองรัฐบาลนี้ ผู้นำเมียนมาพัง

กลับมาดูที่ไทย โควิดรอบใหม่ เศรษฐกิจเสียหายหนักไม่ฟื้นอีกนาน ตามด้วยเสียงเรียกร้อง ผู้นำคนใหม่ดังขึ้นทุกที

ผู้นำพังแล้วครับ