จดหมาย/ฉบับประจำวันที่ 16-22 เมษายน 2564

จดหมาย

ครอบครัว (1)

ผมเคยดั้นด้นไปพบคุณอุรุดา โควินท์ ที่บ้านพักที่เชียงราย

เพราะติดตามงานของเธอมาก่อนในสื่ออื่นๆ และหนังสือเล่ม

วันนั้นเธอกล่าวอย่างตื่นเต้นว่ากำลังลุ้นว่า มติชนสุดสัปดาห์จะรับข้อเขียนของเธอในคอลัมน์ประจำหรือไม่

คำตอบวันนี้ ก็คือผ่าน

ทำให้ผมเป็นแฟนนักอ่าน พลอยดีใจกับเธอไปด้วย

อุรุดาเป็นนักเขียนคุณภาพ

หยิบเรื่องใกล้ตัว เกี่ยวกับอาหาร งานครัว ชีวิตประจำวัน มาเขียนเล่าได้อย่างเห็นภาพ

ออกรส ในสำนวนที่เป็นกันเอง

แทบจะได้กลิ่นน้ำพริก-น้ำแกง หรือสารพัดบรรดามี

ที่เธอปรุงทำ ถ่ายภาพประกอบ และเขียนด้วยหัวใจ

ในวันที่ไม่ค่อยมีสิ่งใหม่ๆ ดีๆ ให้อ่าน

หนังสือพิมพ์ก็ล้มหายตายจากแผงไป

ก็ขอให้มติชนสุดสัปดาห์ ยังเป็นที่รวมของนักเขียนคุณภาพ ให้ได้อ่านบทความประเล้าประโลมใจไปนานๆ

สมวุฒิ สุนทรวิจิตร

ศรีราชา ชลบุรี

 

ความชื่นชอบในผลงานเขียน

และพัฒนาไปสู่ความผูกพัน

ประหนึ่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน

เป็นสิ่งที่น่ายินดี

และควรค่าต่อการรักษาเอาไว้ยิ่ง

ผู้อ่าน นักเขียน และมติชนสุดสัปดาห์

หากเชื่อมผสานกันได้โดยเหนียวแน่น

เราก็คงสามารถประคองตัวในยุคเปลี่ยนผ่านรุนแรง

ไปได้อย่างมั่นคง

 

ครอบครัว (2)

สวัสดีครับ

ผมขออนุญาตติดต่อฝ่ายสมาชิกนิตยสารเครือมติชน ด้วยเหตุผลทางผมไม่สามารถติดต่อผ่านช่องทางอื่นได้นอกจากจดหมาย เพราะผมอยู่ในเรือนจำ

จึงขอเรียนต่อฝ่ายสมาชิกนิตยสารว่า เนื่องด้วยทางญาติได้สมัครนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ให้ผมที่ปัจจุบันอยู่เรือนจำกลางพิษณุโลก เป็นสมาชิกรายปี

ผมจึงเขียนจดหมายตอบกลับมาทางฝ่ายสมาชิกนิตยสาร เพื่อยืนยันการได้รับนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์แล้ว

เพื่อให้ทางฝ่ายสมาชิกนิตยสารได้รับทราบ เพื่อให้จัดส่งในฉบับต่อๆ ไป ตามชื่อและที่อยู่ดังกล่าวดังเดิม

หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีปัญหาใดๆ ในการรับนิตยสาร

ผมจะเขียนจดหมายไปแจ้งยังฝ่ายสมาชิกนิตยสารอีกครั้ง

ถ้าหากบริษัทมติชนมีหนังสือที่อยากแนะนำแนวทาง

ด้านการเกษตร และการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีของโลกภายนอก เพื่อเป็นแนวทางในการประกอบอาชีพในอนาคตข้างหน้าเมื่อพ้นโทษไปแล้ว จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

และขอเป็นกำลังใจทุกๆ คอลัมน์ ในการเขียนนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ เพื่อสู้กับปัญหาในยุคนี้ต่อไป

คนแดน 3

พิษณุโลก

 

ถือเป็นคนในครอบครัวเดียวกันคนหนึ่ง

แม้จะไม่มีอิสรภาพในทางกาย

แต่สิ่งที่ได้อ่าน

ก็คงทำให้ความคิดได้ติดปีกบินไปในโลกกว้าง

ขอบคุณเรือนจำกลางพิษณุโลก ที่อนุญาตให้ผู้ต้องขังได้รับสิ่งที่ดีๆ ตามสมควร

เชื่อว่า หนังสือไม่น่าจะเป็นพิษเป็นภัย หรือทำให้เกิดปัญหาใดๆ

ตรงกันข้าม สาระในหนังสือ น่าจะทำให้การกลับตัวเป็นคนดี มั่นคง สถาพรยิ่งขึ้น

 

ครอบครัว (3)

ผมขอเสนอทางออกจากโลก ตามความเชื่อทางพุทธะ

เพื่อต้อนรับปีใหม่ไทย-ไทย

ดังนี้

พระพุทธเจ้าตรัสว่า โลกนี้ตกอยู่ภายใต้กฎของไตรลักษณ์ คือ

1) เป็นอนิจจัง คือความไม่แน่นอน มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

2) เป็นทุกข์ คือไม่สามารถคงอยู่ในสภาพเดิมได้ มีการเสื่อมลงทุกขณะ

3) เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตน หรือความว่างเปล่า

การอยู่ในโลก จะหนีไม่พ้นจากหลัก 3 ประการข้างต้น

การจะออกจากโลก จะต้องอาศัยความเชื่อและการปล่อยวาง

พระองค์บอกว่า “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

เชื่อเรื่องกรรมและวิบากกรรมของสัตว์โลกแล้ว จะรู้สึกเบื่อหน่ายในความไม่แน่นอน และความวุ่นวายของโลก

เห็นสัตว์โลกเป็นสุขหรือเป็นทุกข์ จะทำให้ปล่อยวาง เพราะมันเป็นธรรมดาของโลก จิตจะไม่ยินดีฝันร้ายแต่อย่างใด

เมื่อจิตไม่ยินดียินร้ายในโลก จิตก็จะอยู่เหนือโลก

จะเห็นโลกนี้ว่างเปล่า ไม่ยึดติดอะไรในโลกอีกต่อไป

เป็นอุบายในการออกจากโลกทางหนึ่ง อีกทาง

หนึ่งเป็นทางออกโดยจิตว่าง

ท่านว่า จิตแรกเกิดจะผ่องใสประภัสสร ว่างจากความคิด จะมีความคิดในภายหลัง จากสิ่งแวดล้อมและความจำเป็นของชีวิต

คิดดิ้นรนหาความจำเป็นในปัจจัย 4 เมื่อมีสิ่งใดขาดก็แสวงหา ถ้ามีแล้วก็ให้รู้จักพอ ไม่รู้จักพอจะหาความสุขไม่ได้

เมื่อมีปัจจัย 4 พอเพียงแล้วจะเหลือเวลา ฝึกจิตให้ว่าง ว่างจากความคิดทั้งหลายทั้งปวง ท่านว่าจิตว่างคือจิต ที่ไม่มีความคิดเหลืออยู่ในจิตเลย

ทั้งหมดดังกล่าวแล้วเป็นทางออกจากโลกของผู้ครองเรือนที่เป็นไปได้

ด้วยความนับถือ

ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์

 

“ผู้ครองเรือน” ทั้งหลาย

ลองตรึกตรองข้อเสนอของ ร.ต.ท.นฐพล พิทักษ์ ดู

บางทีครอบครัวอาจเป็นสุขได้ง่ายๆ

จากการปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลงบ้าง

เป็นข้อคิดส่งท้ายวันปีใหม่ไทย และวันครอบครัวปีนี้