ขอแสดงความนับถือ/ฉบับประจำวันที่ 16-22 เมษายน 2564

ขอแสดงความนับถือ

 

รัฐบาล พล.เอกเปรม ติณสูลานนท์

มีมติเมื่อ 14 ธันวาคม 2525

ให้วันที่ 13 เมษายนของทุกปี นอกจากเป็นวันสงกรานต์แล้ว

ยังให้เป็นวันผู้สูงอายุ

ปัจจุบัน สังคมไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว

ผู้สูงอายุมีมากมาย

และปีนี้เป็นปีที่สองแล้ว ที่ช่วงสงกรานต์และวันผู้สูงอายุ

พ่อ-แม่ ปู่-ย่า ตา-ยาย ชะเง้อชะแง้

รอลูก-หลานมาเยี่ยมเยียน

แต่ก็รอเก้อ ด้วยปัญหาการระบาดของโควิด-19

แม้จะรู้เหตุแห่งความจำเป็น–แต่ในใจของผู้เฒ่าแม่เฒ่าก็คงว้าเหว่

และคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับความไม่แน่นอน

พร้อมทำใจอยู่กับความชราด้วยตนเองให้ได้

 

มีจดหมายจาก “ปิยพงศ์” (เมืองหละปูน)

เล่าถึงการเตรียมพร้อมของผู้สูงวัย

อย่างน่าสนใจ

 

เมื่อวัยชรามาเยือน

สังขารเริ่มชำรุดทรุดโทรม

เรี่ยวแรงเริ่มลดน้อยลง

เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าอีกไม่ช้า วันหนึ่งก็คงมาถึง

วันที่จะต้องอำลาจากลูก-หลาน ญาติพี่-น้อง เพื่อนฝูง และโลกใบนี้ไป

วัฏจักรหมุนเวียนอยู่เช่นนี้

ไม่มีใครหลีกหนีพ้น

ไม่น่าเชื่อ

ความรู้สึกนึกคิดเช่นนี้อยู่ในจิตใจและความคิดของผู้ชราทั้งชาย-หญิง “ชาวลีซอ” ทุกๆ คน

พวกเขาจึงไม่หวั่นกับความตาย

ด้วยคิดว่าได้ทำหน้าที่ของมนุษย์โดยสมบูรณ์แล้ว

มีลูก-หลานไว้สืบตระกูลไม่ขาดสาย

และภายหลังที่ละโลกนี้ไป เหล่าลูก-หลานก็คงจะทำบุญส่งไปให้ในปรภพ

ดุจเดียวกับที่ตัวเองได้ทำให้กับพ่อ-แม่ที่ล่วงลับไปแล้วเช่นกัน

แล้วการเตรียมพร้อมที่จะพบกับความตายของผู้ชราทั้งหลายก็เริ่มขึ้น

โลงศพ

คือสถานที่สุดท้าย ที่จะได้ใช้พักผ่อนหลับนอนยามเมื่อสิ้นลม

เพื่อความอบอุ่นใจ จึงต้องเตรียมหากันให้พร้อมไว้ก่อน เมื่อยามที่มีชีวิตอยู่

ดังนั้น ต้นไม้ขนาดใหญ่ในป่าจึงถูกคนชราชาวลีซอออกเสาะแสวงหากัน

และเมื่อพบต้นที่ถูกใจก็เกณฑ์เหล่าลูก-หลานให้ไปทำการตัดโค่น

และเลื่อยจนได้แผ่นไม้กระดานใหญ่ตามขนาดที่ต้องการ

ลำเลียงกลับมายังหมู่บ้าน ทิ้งไว้จนเนื้อไม้แห้งดีแล้ว

จึงช่วยกันประกอบเป็นโลงศพขึ้นมา

บ้านสำเร็จรูปหลังสุดท้ายนี้ จะถูกตั้งไว้ใต้ชายคานอกบ้าน

เตรียมพร้อมเสมอที่จะบรรจุร่างของผู้ไม่ประมาท เมื่อวันสิ้นลมมาถึง

บางบ้านอาจจะตั้งไว้คู่กันสำหรับสามี-ภรรยา

บางบ้านอาจจะมีเพียงโลงเดียว นั่นก็หมายความว่า คู่ชีวิตคนใดคนหนึ่งได้จากไปก่อนหน้านี้แล้ว

จิตใจที่สงบเมื่อความตายเข้ามาเยือน

สุคติย่อมเป็นภพภูมิ ที่สิงสถิตของผู้ที่รู้เท่าทันชีวิต อย่างผู้ชราชาวลีซอเหล่านี้อย่างแน่นอน

ตบท้ายวันนี้ ขอส่งเรื่องและภาพเตือนสติ ไปถึงเหล่าเสือสิงห์กระทิงแรด

โดยเฉพาะผู้เป็นใหญ่ที่เข้ามาบริหารประเทศชาติบ้านเมือง

ตั้งแต่หัวแถวยันท้ายแถว

ว่าควรจะหยุดบริหารบ้านเมือง เพื่อตัวเองและพวกพ้องเสียทีเถอะ

ไหนๆ ส่วนใหญ่ของพระเดชพระคุณเหล่านี้ก็ร่ำรวยระดับหลายสิบล้าน ร้อยล้าน พันล้านกันถ้วนหน้าแล้ว

ควรจะหันกลับมาทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง

กับประชาชนผู้ยากไร้ส่วนใหญ่ของประเทศกันบ้าง

อย่าได้หลงภูมิใจกับความเหลื่อมล้ำของผู้คนในประเทศ ที่ห่างกันเป็นอันดับ 1 ของโลกกันนักเลย

เพราะท้ายสุดก็มีเพียงโลงไม้ หลังขนาดโตกว่าตัวเองเพียงนิดเดียว

ที่เอาไว้บรรจุร่างของตัวเองเพียงเท่านั้นจริงๆ

ดารานำแสดง : แม่เฒ่าชาวลีซอ

โลเกชั่น : บ้านลีซอห้วยแห้ง (นาเลาใหม่) บนดอยสูงของ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

ตากล้อง : “ปิยพงศ์” (เมืองหละปูน) เจ้าเก่า

“ปิยพงศ์” (เมืองหละปูน)

 

อ่านจดหมายแล้ว นอกจากผู้เฒ่าโดยทั่วไปแล้ว

ยังอยากให้ผู้เฒ่าในแวดวงอำนาจ

“ซาโตริ” เหมือนพ่อเฒ่า-แม่เฒ่าลีซอบ้าง

คือรู้จักปล่อยวาง

ไม่ยึดมั่นถือมั่น หรือหวงอำนาจไว้

เมื่อเด็กรุ่นใหม่ส่งเสียงเตือน แทนที่จะรับฟัง

กลับใช้ทุกวิถีทางกำจัดพวกเขา

ทำตัวเป็นผู้เฒ่า “ขวางโลง” ซะอย่างนั้น