ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 เมษายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
ทหารคอแดง
สยายปีก ทร.-ทอ.
‘ผบ.นย.-ผบ.อย.’ แกร่ง
ทอ.จับตา 5 บิ๊ก
ลุ้นชิงแม่ทัพฟ้า
ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทหารกลุ่มใหม่ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาอย่าง “ทหารคอแดง” กำลังเป็นกลุ่มที่มีเพาเวอร์ที่สุดในกองทัพ
จากเดิมที่มีวงศ์เทวัญ ทหารเสือราชินี บูรพาพยัคฆ์ รบพิเศษ ที่คุมอำนาจในกองทัพ นั่งตำแหน่งสำคัญ คุมกำลัง และเป็น ผบ.เหล่าทัพ
ทหารคอแดงเริ่มขึ้นเมื่อบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผช.ผบ.ทบ. แล้วไปฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ หรือทหารคอแดง เป็นเวลา 3 เดือน ในการฝึกความแข็งแกร่งทางร่างกาย จิตใจ และความคิด และการปฏิบัติตาม “ราชสวัสดิ์”
และต่อมาก็ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ที่เป็นนายทหารคอแดงคนแรก และเป็นนายทหารพิเศษประจำ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) คนแรก ที่สังกัด ทบ. และเป็น ผบ.หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) และจัดตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 ให้เป็นรูปร่าง
โดยมีกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล 1 รอ.) เป็นกำลังหลัก ก่อนที่จะมีการโอนย้าย ร.1 รอ. และ ร.11 รอ. จาก ทบ.ไปเป็นหน่วยในพระองค์
และมีการจัดการฝึกหลักสูตรทหารคอแดงให้ ผบ.หน่วยของกองทัพภาค 1 ที่ต่างต้องการจะฝึก เพราะการได้เป็นทหารคอแดง จะทำให้มีคุณสมบัติครบที่จะนั่งตำแหน่งสำคัญในกองทัพภาคที่ 1 ทั้งระดับผู้พัน ผู้การกรม ผบ.พล.1 รอ. ผบ.พล.2 รอ. แม่ทัพภาคที่ 1 และจนขึ้นเป็น ผบ.ทบ.
นายทหารคนใดที่ไม่ได้ฝึกเป็นทหารคอแดง ก็ต้องเปลี่ยนเส้นทางรับราชการใน ทบ.
จึงไม่แปลกที่นายทหารใน ทบ.ที่ต้องการจะเติบโต จะต้องเป็นนายทหารคอแดง ที่ตอนนี้ฝึกกันไป 2 รุ่น แล้วก็พักไปเป็นปี
การมีสถานภาพเป็นทหารคอแดงไว้ก่อน ก็จะได้รับการพิจารณาในการลงตำแหน่ง ผบ.หน่วยใด กองทัพภาคที่ 1 แม้จะไม่ใช่หน่วยที่เกี้ยวข้องกับ ฉก.ทม.รอ.904 ก็ตาม
รวมทั้งในกองบัญชาการกองทัพไทย ที่ทหารคอแดงจาก ทบ. จาก ฉก.ทม.รอ.904 ถูกทยอยส่งข้ามมา ตั้งแต่บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ที่ พล.อ.อภิรัชต์ส่งข้ามจาก ทบ. มาเป็นเสธ.ทหาร และขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนแรกที่เป็นทหารคอแดง
และมีการดึงบิ๊กบุ๋ม พล.ท.สุวิทย์ บุตรศรี น้องรักทหารม้าคอแดง จากรองแม่ทัพภาคที่ 1 มาอยู่ บก.ทัพไทย เป็นรอง ผบ.วิทยาลัยเสนาธิการทหาร แล้วเพิ่งขยับขึ้นพลโท ผบ.ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย (ศตก.) ที่ถูกมองว่าเข้าไลน์เตรียมเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ที่เป็นทหารคอแดงคนที่ 2 ในตุลาคม 2566 เมื่อบิ๊กแก้วเกษียณ
ในส่วนของโรงเรียนเหล่าทัพนั้น จะมี “ทหารคอแดง” อยู่ในกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ ของ รร.นายร้อย จปร. กรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ และกรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์
ที่มีการตั้งเป็น “ฉก.คะเด็ท” (Cadet)
แต่เมื่อจบไปเป็นนายทหาร ก็จะไม่ได้เป็นทหารคอแดง แต่ต้องเลือกที่จะไปลงหน่วยทหารคอแดง เช่น กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระค์ (ทม.รอ) ที่เป็นหน่วยทหารในพระองค์
หรือมาลงหน่วยที่ขึ้นกับ ฉก.ทม.รอ.904 แล้วก็จะไปฝึกหลักสูตรคอแดง เพื่อการเป็นนายทหารคอแดงอย่างเต็มตัว
มีนักเรียนนายร้อย จปร.จำนวนไม่น้อยที่จบมาก็เลือกลงหน่วยทหารที่ขึ้นกับ ฉก.ทม.รอ.904 เช่น ร.31 รอ. ใน พล.1 รอ. โดยเฉพาะลูกชายอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน
ในส่วนของกองทัพนั้น หลังห่างหายจากการฝึกหลักสูตรทหารรักษาพระองค์ หรือทหารคอแดงของ ทม.รอ. มานานเป็นปี หลังจากที่ฝึกมาแค่ 2 รุ่น ที่ส่วนใหญ่จะเป็นในส่วนของ ทบ.
แต่ขณะนี้สำหรับกองทัพเรือและกองทัพอากาศ ในส่วน ผบ.หน่วย ที่มีภารกิจหน้าที่เกี่ยวข้องกับการถวายงาน และถวายอารักขา กำลังฝึกหลักสูตรทหารคอแดง ที่เริ่มตั้งแต่ 1 เมษายนที่ผ่านมา
โดยในการฝึกทหารคอแดงรุ่นที่ 3 นี้ มีบิ๊กค็อก พล.ร.ท.รณรงค์ สิทธินันทน์ ผบ.หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.นย.) ซึ่งเป็นหน่วยกำลังรบหลักบนภาคพื้นดินของ ทร. เข้าร่วมฝึกด้วย ที่วังทวีวัฒนา ซึ่งเป็นพื้นที่ของโรงเรียนทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์
ทหารเรือ นาวิกโยธิน ได้ชื่อว่าเป็นทหารหน่วยรบที่แข็งแกร่งของ ทร. โดยมักจะจบหลักสูตรลาดตระเวนระยะไกลสะเทินน้ำสะเทินบก หรือ Recon ด้วย
ไม่แค่นั้น เป็นทหารเรือที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงผูกพัน และทรงฉลองพระองค์เครื่องแบบสนามของทหาร นย. และเคยมาร่วมทอดพระเนตรการฝึก และเสด็จเยี่ยมเยือนเสมอๆ เมื่อครั้งทรงมีพระชนม์ชีพ และทรงพระราชนิพนธ์เพลงมาร์ชราชนาวิกโยธินด้วย
โดยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์และเป็นสยามมกุฎราชกุมารก็โดยเสด็จด้วยเสมอ
ทหารนาวิกโยธิน หรือทหารมะรีน ซึ่งมีเป็นเหล่าพรรคนาวิกโยธิน โดยเฉพาะของ ทร.จึงได้ชื่อว่า เป็นทหารที่มีความแข็งแรง และแข็งแกร่ง โดยนายทหารที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.นย.ได้ ก็จะต้องแข็งแรง และฟิต
ก่อนหน้านี้ นายทหารเรือนาวิกโยธิน และเป็นนักรบ Recon ที่เกษียณราชการแล้ว อย่างบิ๊กเบรฟ พล.ร.ท.กล้าหาญ เพ็ชรมีศรี อดีตรอง ผบ.นย. ก็ได้ไปถวายงานต่อ เป็นหัวหน้าสำนักงาน รองผู้บัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ (นภปภ.รอ.) หรือ พล.ร.ท.วินัย กล่อมอินทร์ อดีต ผบ.หน่วยซีล ที่เป็นราชองครักษ์พิเศษ
ขณะที่อากาศโยธินนั้น พล.อ.อ.ภูมิใจ ชัยพันธุ์ เคยเป็น ผบ.อย.คอแดง และต่อมาได้โอนย้ายไปเป็นพลเอกทหารบก ไปเป็นข้าราชการในพระองค์
และต่อมา บิ๊กสี พล.อ.อ.สุรสีห์ สิมะเศรษฐ์ (ตท.21) เป็น ผบ.อย. ที่ก็เป็นทหาร อย.คอแดงเช่นกัน แม้จะไม่ใช่เหล่า อย. แต่เป็นเหล่านักบิน ที่ในโผตุลาคม 2563 ขึ้นเป็นพลอากาศเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. แต่จะเกษียณตุลาคม 2564 หมดสิทธิ์ชิงเก้าอี้ ผบ.ทอ.ในโยกย้ายตุลาคมนี้
จึงกล่าวได้ว่า เกิดทหาร อย.คอแดงมาก่อนหน้านี้แล้ว
ส่วนทหารเรือนาวิกโยธินที่มี พล.ร.ท.รณรงค์เป็น ผบ.นย.คนปัจจุบัน จึงมีความพร้อมในการเข้าฝึกหลักสูตรทหารคอแดง เป็นเวลา 3 เดือนนี้ ก่อนที่ออกมาจะได้สวมเครื่องแบบทหารนาวิกโยธิน คอแดง ที่สวมเสื้อยืดคอกลมสีขาว ขลิบคอแดง ไว้ด้านใน
เช่นเดียวกับบิ๊กควร พล.อ.ท.สมควร รักดี ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน (ผบ.อย.) ที่เข้าฝึกหลักสูตรทหารคอแดงนี้ด้วย เพราะหน่วยบัญชาการอากาศโยธินของ ทอ. ที่เป็นหน่วยกำลังรบทางบกของกองทัพอากาศ ยังมีหน้าที่ในการถวายความปลอดภัยเมื่อทรงมาประทับเครื่องบินพระที่นั่งด้วย
พล.อ.ท.สมควรนี้เป็นเหล่า อย.อยู่แล้ว มีความแข็งแกร่ง เติบโตในกรมทหารต่อสู้อากาศยาน รักษาพระองค์ (ต.อ.รอ.) เคยเป็นผู้บังคับกองพัน ทหารต่อสู้อากาศยาน 1 (ตอ.) จนเป็นผู้บังคับการกรมทหารต่อสู้อากาศยาน รักษาพระองค์ และขึ้นมาเป็นรองเสนาธิการ อย. ก่อนจะขึ้นมาเป็น ผบ.อย.ในปัจจุบัน
ที่สำคัญ จบปริญญาโท MS.CP. จากมหาวิทยาลัย F.I.T สหรัฐอเมริกาด้วย
แต่ทว่า ทหารคอแดงในส่วนของ ทร. และ ทอ. แตกต่างจาก ทบ. เพราะถ้าเป็นทหารคอแดงของ ทบ. และมีคุณสมบัติครบ จะสามารถนั่งตำแหน่งสำคัญ เช่น ผบ.พล.1 รอ. แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.
แต่สำหรับทหารเรือนาวิกโยธิน แม้จะเป็นทหารคอแดง ก็ไม่สามารถขึ้นเป็น ผบ.ทร.ได้ เพราะกองทัพเรือมีประเพณีที่ว่า ต้องพรรคนาวินเท่านั้น ที่จะเป็น ผบ.ทร.ได้ พรรคนาวิกโยธินเป็นได้แต่ ผบ.นย.เท่านั้น
เช่นเดียวกับ ทอ. ที่แม้ ผบ.อย.จะเป็นทหารคอแดง แต่ก็จะไม่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. หากเป็นเหล่า อย. เพราะคนที่จะเป็น ผบ.ทอ.ได้นั้น ตามธรรมเนียมประเพณีต้องเป็นเหล่านักบินเท่านั้น ไม่ว่าจะนักบินขับไล่ หรือนักบินลำเลียง
ยกเว้นเสียแต่ว่า ผบ.อย.คนนั้นเป็นเหล่านักบิน และเหลืออายุราชการมากพอที่จะลุ้นขึ้นเป็น ผบ.ทอ.
อย่าง พล.อ.อ.สุรสีห์ ทหาร อย.คอแดง ที่เป็นนักบิน F-5 และ L-39 call sign ว่า Shadow เผยเป็นผู้ฝูง 401 กองบิน 4 ตาคลี นครสวรรค์ และผู้การกองบิน 41 เชียงใหม่ อดีต ผช.ทูต ทอ.ประจำเวียงจันทน์ แต่ก็จะเกษียณตุลาคมนี้แล้ว ถือเป็นนักบินเอฟคอแดงคนแรกของ ทอ.ก็ว่าได้
แต่ก็ได้กลายเป็นเทรดดิชั่นใหม่ของ ทร. และ ทอ. แล้ว ที่ ผบ.นย. และ ผบ.อย. ต้องเป็นทหารคอแดง
ดังนั้น หากนายทหารคนใดที่จะมาลงตำแหน่งนี้ ก็ต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่ง พร้อมรับการฝึกหลักสูตรทหารคอแดงนี้ด้วย
เพราะส่วนใหญ่คนที่ขึ้นมาเป็น ผบ.นย. และ ผบ.อย. ก็เหลืออายุราชการแค่ 1-2 ปีจะเกษียณแล้ว เหมือน พล.ร.ท.รณรงค์ ตท.20 ที่จะเกษียณตุลาคม 2565 และ พล.อ.ท.สมควรที่ใกล้จะเกษียณตุลาคม 2564 นี้แล้ว
ดังนั้น การจะเป็น ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ.จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฝึกหลักสูตรทหารคอแดง ซึ่งแตกต่างจาก ผบ.ทบ. ที่ต้องเป็นทหารคอแดงแล้วเท่านั้น
เพราะหากมองไปที่แคนดิเดต ผบ.ทอ.ในโยกย้ายตุลาคมนี้ ที่จะมาแทนบิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ที่จะเกษียณ แล้วมีหลายคน แทบจะเรียกได้ว่า ยศพลอากาศเอกทั้งหมด ล้วนเป็นนักบิน ก็มีสิทธิ์ชิง ผบ.ทอ.ได้ ไม่ต้องอยู่ใน 5 ฉลามอากาศ เพราะ พล.อ.อ.แอร์บูลก็มาจากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. แต่มีดีกรีของการเป็นนักบินซี 130 เครื่องบินลำเลียง ที่บินเครื่องบินพระที่นั่งมาตลอด ตั้งแต่เป็นอยู่กองบิน 6 ทั้งเป็นผู้ฝูง ผู้การกองบิน
จึงทำให้บิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ (ตท.22) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. นักบิน T-Bird และ L-39 ก็พร้อมลุ้นชิง ผบ.ทอ.ด้วย
หลังจากมีข่าวว่า พล.อ.อ.แอร์บูลสนับสนุน เพราะโตมาจากสำนักปลัดบัญชี ทอ.ด้วยกัน
และยังมีบิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง (ตท.21) รอง ผบ.ทหารสูงสุด ที่อาจจะโยกข้ามมา เพราะมี พล.อ.ประยุทธ์สนับสนุน
ส่วนใน 5 ฉลามอากาศ ยังมีทั้งบิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. เพื่อน ตท.21ของ พล.อ.อ.แอร์บูล ที่ได้ชื่อว่าใกล้ชิดกับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่ใหญ่ 3 ป. และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย
หรือแม้แต่บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ (ตท.21) ประธานที่ปรึกษา ทอ. ที่ครองอัตราพลอากาศเอกพิเศษ ลูกชาย พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีต ผบ.ทอ.ผู้ล่วงลับ
แต่เสธ.หนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสธ.ทอ. ถูกจับตามองมากที่สุด ที่นอกจากเป็นนักบินขับไล่ เอฟ 16 เคยเป็นผู้ฝูง ผู้การกองบิน 4 แล้วยังเคยเป็น ผช.ทูตทอ.ประจำสวีเดน เติบโตมาตามไลน์ ที่เรียกว่าเส้นทางเหล็กของ ทอ. และเป็นเพื่อน ตท.23 ของบิ๊กหมี พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย แกนนำรุ่น ในสายราชสำนักด้วย
เพียงแต่ว่า พล.อ.อ.ชานนท์จะขึ้นเลย เพื่อนั่งยาว 3 ปี ทำงานต่อเนื่อง หรือว่าจะมี ผบ.ทอ.รุ่นพี่มาขัดตาทัพก่อน 1 ปี ซึ่งมีแคนดิเดตมากถึง 6 คน จึงยังคงไม่ชัดเจนนักว่าใครจะเป็น ผบ.ทอ.
แต่ทว่า ใน ทร.นั้น เริ่มมองเห็นได้ชัดขึ้นว่า แคนดิเดตคนใดที่มีโอกาสมากที่สุด
หากเทียบเฉพาะแค่ 3 คนในตำแหน่งหลัก ใน 5 ฉลามทัพเรือ ระหว่างบิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสธ.ทร. รุ่นพี่ ตท.21 ที่เกษียณตุลาคม 2566 และรุ่นน้อง ตท.22 อีก 2 คนคือ บิ๊กโต๊ะ พล.ร.อ.ทรงวุฒิ บุญอินทร์ ผช.ผบ.ทร. ที่เกษียณ 2565
และบิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผบ.กร. ที่เกษียณ 2566 ว่ากันว่า เป็นคนที่บิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร.วางตัวไว้ เพราะรู้ฝีไม้ลายมือตั้งแต่อยู่หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) ด้วยกันมา ตอนบิ๊กลือเป็น ผบ.สอ.รฝ. แล้วบิ๊กปูเป็นเสธ.สอ.รฝ.
นอกจากนั้น ยังทำงานด้านการอนุรักษ์เต่าทะเล และธรรมชาติ รวมทั้งได้ถวายงานพระบรมวงศานุวงศ์ และโครงการพระราชดำริต่างๆ ด้วย
คาดกันว่า ในอนาคต ผบ.หน่วยรบสำคัญต่างๆ ของเหล่าทัพ ก็จะไปฝึกหลักสูตรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการถวายความปลอดภัยด้วย ตามภารกิจที่จะได้รับมอบหมาย เพราะล้วนเป็นทหารราชองครักษ์ทั้งสิ้น
เพราะกองทัพกำลังปรับเปลี่ยนจากที่เคยเป็นฐานอำนาจทางการเมืองของรัฐบาลในแต่ละยุค เพื่อค้ำเก้าอี้นายกฯ ให้แข็งแกร่ง แต่หาก ผบ.เหล่าทัพไม่ใช่คนของรัฐบาล ก็มักจะจบลงด้วยการรัฐประหาร
แต่กองทัพกำลังเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่าน ถอยห่างจากการเมือง มาทำหน้าที่ในการดูแลป้องกันประเทศ ผลประโยชน์ชาติ พัฒนาประเทศ ช่วยเหลือประชาชน สนองงานพระราชดำริ ปกป้องสถาบันหลักของชาติ และองค์จอมทัพไทย