
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 เมษายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | เขย่าสนาม |
เผยแพร่ |
เขย่าสนาม/เด็กเก็บบอล [email protected]
ความหวังใหม่คนไทย
เจ้าหนู ‘ธนวัฒน์’ อิน ‘พรีเมียร์’!
ความฝันของคนไทยอย่างหนึ่งในช่วงที่ผ่านมา คือการได้เห็นนักฟุตบอลไทยได้โลดแล่นหรือรับโอกาสลงเล่นในลีกฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ดังนั้น การได้เห็นชื่อของเจ้าหนู “กัน” ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร มีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมระหว่าง “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ปะทะกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ย่อมทำให้ทุกๆ คนนั้นตื่นเต้นและประทับใจอย่างแน่นอน
แม้ว่าสุดท้ายแล้วเกมดังกล่าว ธนวัฒน์จะยังไม่ได้รับโอกาสลงสนาม แถมทีมที่มีเจ้าของเป็นคนไทยอย่างเลสเตอร์ก็พ่ายให้กับเรือใบสีฟ้าแบบสู้ไม่ได้ 0-2
แต่อย่างน้อยนี่ก็เป็นการจารึกประวัติศาสตร์ว่าเป็นนักเตะที่มีสายเลือดไทยแท้ๆ คนแรกที่มีชื่อในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
จริงๆ ผลงานของเจ้ากันนั้นถือว่าได้รับความสนใจมาพักใหญ่แล้ว นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมจิ้งจอกสยามเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเล่นให้กับทีมยู-23 สามารถเบิกประตูแรกในเกมอีเอฟแอล คัพ ที่แพ้ฮาโรเกท ทาวน์ 1-3 แต่ก็มาทำประตูในเกมสำคัญกับ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี
ซึ่งจากผลงานในทีมยู-23 ที่ทำได้ยอดเยี่ยม ทำให้เจ้าตัวถูกเลือกขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ร่วมกับนักเตะดาวดังอย่างเจมี่ วาร์ดี้, เจมส์ แมดดิสัน หรือฮาร์วีย์ บาร์นส์ และอยู่ในสายตาของเบรนแดน ร็อดเจอร์ส อย่างใกล้ชิดเลยทีเดียว
และเมื่อก่อนช่วงพักเบรกทีมชาติ มีข่าวลือว่าเจ้าตัวนั้นเกือบจะได้มีชื่อในเกมเอฟเอคัพกับแมนฯ ยูไนเต็ดแล้ว เรียกได้ว่าติด 22 คนสุดท้ายก่อนจะตัดชื่อให้เหลือ 11+9 ที่จะลงสนาม แต่สุดท้ายเขาก็คือ 1 ใน 2 ชื่อที่ถูกตัดทิ้งอย่างน่าเสียดาย
ธนวัฒน์ได้พูดถึงการมีชื่อเกมแรกในพรีเมียร์ลีกว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณแฟนบอลชาวไทยที่ให้กำลังใจอยู่ การได้ขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่นั้นทำให้เขาประทับใจมากๆ ทั้งการได้เจอกับนักเตะระดับโลก หรือได้รับคำสอนจากกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ
“สิ่งสำคัญที่ผมได้เรียนรู้คือ ต้องเล่นให้เร็วขึ้น รวมถึงต้องแสดงศักยภาพของตัวเอง และมีความตื่นตัวความต้องการจะเล่นฟุตบอลตลอดเวลา โดยการเล่นฟุตบอลในอังกฤษ กับที่ฝรั่งเศส สมัยที่อยู่กับน็องซี่ มีความแตกต่างกัน เนื่องจากลีกฝรั่งเศสเล่นด้วยแท็กติกมากกว่า แต่สำหรับการเล่นในอังกฤษ ต้องใช้ร่างกายที่แข็งแกร่ง ความฟิต ต้องวิ่งไม่มีหมด”
อย่างไรก็ตาม การที่ธนวัฒน์จะได้ชื่อว่าเป็นนักเตะไทยที่ได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกเป็นคนแรกนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะจากเว็บไซต์ทางการของพรีเมียร์ลีกนั้น ยังยกให้ธนวัฒน์เป็นนักเตะสัญชาติฝรั่งเศสอยู่
เพราะถึงตัวธนวัฒน์จะเป็นแข้งเชื้อชาติไทยแบบแท้ๆ ทั้งพ่อและแม่ก็เป็นคนไทย แต่ด้วยความที่เจ้าตัวนั้นเดินทางไปอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่อายุ 6 ขวบ จนได้สัญชาติฝรั่งเศส และยังเคยลงเล่นให้กับทีมยู-16 และยู-17 ของทีมตราไก่ จึงทำให้ตอนนี้สัญชาติอย่างเป็นทางการของเขาคือฝรั่งเศส
ถึงแม้ว่าเจ้าหนูกันจะติดทีมชาติฝรั่งเศสชุดเล็กมาแล้ว แต่เจ้าตัวเองก็ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า ต้องการลงเล่นให้กับทีมชาติไทยในอนาคต เพราะถือว่าตัวเองมีสายเลือดไทยแท้ๆ และเชื่อว่าครอบครัวจะภูมิใจถ้าได้เห็นสวมชุดทีมชาติไทยในอนาคต
“ผมต้องการที่จะเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ลงสนามให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ชุดใหญ่ และเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมถึงเป็นตัวแทนทีมชาติไทยอีกด้วย ขอบคุณกำลังใจของคนไทยทุกคนที่ส่งมาให้ ผมได้เห็นมันเพราะได้มีโอกาสเห็นผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียมาบ้าง และหวังว่าจะได้พบกับทุกคนเร็วๆ นี้ จากนี้ไปจะทำงานอย่างหนัก มีสมาธิและฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำตามเป้าหมายให้ได้”
แน่นอนว่าด้วยสไตล์การเล่นของธนวัฒน์นั้นมีส่วนคล้ายเคียงกับ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะรุ่นพี่ในทีมชาติไทย ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่ในเจลีก ญี่ปุ่น อยู่ไม่น้อย แต่ด้วยอายุเพียง 21 ปี หากได้สะสมกระดูก รวมถึงประสบการณ์ในลีกอังกฤษ น่าจะทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยสำหรับทีมชาติไทยในอนาคต
ขอเพียงอย่างเดียวว่าอยากให้ธนวัฒน์นั้นตั้งใจและมีความมุ่งมั่นที่จะอยู่ในลีกอังกฤษหรือลีกยุโรปต่อไปเรื่อยๆ เพื่อพยายามพัฒนาตัวเองและหาโอกาสขึ้นมาสอดแทรกเป็นนักเตะชุดใหญ่แบบเต็มตัวของเลสเตอร์ ซิตี้ให้ได้
เพราะอย่างน้อยธนวัฒน์มีภาษีที่ดีกว่านักเตะไทยรายอื่นๆ คือเรื่องของใบอนุญาตทำงาน (เวิร์กเพอร์มิต) ที่เจ้าตัวมีสัญชาติฝรั่งเศสอยู่ ทำให้สามารถลงเล่นในลีกต่างๆ ในยุโรปได้แบบสบายๆ
ดังนั้น ไม่ว่าจะได้เล่นในพรีเมียร์ลีก หรือลงไปเล่นแชมเปี้ยนชิพ หรือจะกลับไปยังลีกฝรั่งเศสที่เขาเติบโตมา ล้วนแต่เป็นโอกาสที่ดีแทบทั้งสิ้น
ซึ่งจากการที่ได้มีชื่อบนม้านั่งสำรองของเลสเตอร์ชุดใหญ่ นั่นก็ถือว่าเป็นย่างก้าวที่ดี ที่อย่างน้อยช่วงท้ายฤดูกาลนี้ ถ้ามีจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เจ้าตัวจะได้รับโอกาสลงเล่นอย่างน้อย 5-10 นาที ในบางเกมที่สกอร์มันขาด
หรือถ้าดีกว่านั้น อาจจะกลายเป็นคนที่ลงมาทำบางอย่างที่สำคัญต่อผลการแข่งขันให้เลสเตอร์ก็เป็นได้
ดังนั้น มารอลุ้นในวันที่ธนวัฒน์กลายเป็นนักเตะไทยที่ได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกอย่างใจจดใจจ่อกันดีกว่า