ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 เมษายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว |
ผู้เขียน | มุกดา สุวรรณชาติ |
เผยแพร่ |
หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว
มุกดา สุวรรณชาติ
เผด็จการไทยและพม่า…สืบทอดอำนาจ (จบ)
สู้แบบมียุทธศาสตร์…ชาติจึงจะพ้นหายนะ
ฉบับที่แล้วเริ่มจากรัฐประหาร 2549 ถึงรัฐประหาร 2557 ผลการต่อสู้คือเสียหายทั้งพรรค, แกนนำ และมวลชน
มาดูว่าภาค 2 ใน 7 ปีหลังเป็นอย่างไร
รัฐบาลของซูจีชนะเลือกตั้งปี 2558 เหมือนกับรัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปี 2554 คืออยู่ในสภาพ…ชนะเลือกตั้งแต่ยังไร้อำนาจ และสุดท้ายก็ถูกรัฐประหารทั้งคู่
แต่การต่อต้านก็มีมาโดยตลอด ในสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน
สถานการณ์วันนี้ของพม่าเพียงแค่ 70 วันคนตายเพราะถูกปราบด้วยอาวุธ ประมาณ 600 คน
คาดว่าความขัดแย้งจะขยายต่อ เพราะมีกองกำลังของชนชาติต่างๆ ที่ยังสู้ และประชาชนไม่ถอย การแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือจากภายนอกคงทำให้ยืดเยื้อออกไป
ประชาชนพม่าจะต้องใช้แนวทางสามัคคีทุกกลุ่มตั้งรัฐบาล ทั้งประท้วงและร่วมต่อสู้ด้วยอาวุธ ตัดกำลังทางเศรษฐกิจฝ่ายเผด็จการทุกด้าน รับความช่วยเหลือจากนานาชาติ
แต่คงจะมีคนตายอีกเป็นหลายพัน
สำหรับไทยนั้นคงต้องช่วยกันคิดว่าทำอย่างไรจะไม่ให้มันเลวร้ายลุกลามไปอย่างพม่า เพราะตอนนี้คนที่คัดค้านก็ถูกจับขังเหมือนกัน
แต่ของไทยปีนี้ดีหน่อย ตรงที่ไม่ถูกยิงกลางถนน เพราะยุทธศาสตร์หลักผู้ปกครองไทยไม่ใช่อาวุธ แต่เป็นอำนาจและเงิน
การโจมตีภาค 2
ยังใช้ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีเดิม
การโจมตีครั้งที่ 19 ตัวอย่างการกำจัดศัตรูทางการเมือง
อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แม้หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่เป็นบุคคลที่มีประชาชนชื่นชม มีคะแนนเสียงดีมาก ถ้าหากทิ้งเอาไว้ก็จะกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญ ขืนปล่อยให้ลงเลือกตั้งได้คะแนนก็จะท่วม
ดังนั้น ต้องไม่ให้โอกาสลงสมัครรับเลือกตั้งและไม่ให้มาช่วยหาเสียง เป้าหมายการกำจัดนายกฯ ยิ่งลักษณ์ให้ออกจากวงการเมืองจึงจะต้องถูกทำให้สำเร็จก่อนมีการเลือกตั้ง
23 มกราคม 2558 สนช. ซึ่ง คสช.แต่งตั้ง ลงมติถอดถอนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากนายกรัฐมนตรี กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายโครงการจำนำข้าว ส่งผลให้ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี
19 มีนาคม 2558 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องยิ่งลักษณ์คดีจำนำข้าว
โดยกล่าวหาว่าละเลย ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
ครั้งที่ 20 วันที่ 13 กันยายน 2559 หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งให้กรมบังคับคดียึดทรัพย์จากความเสียหายการทุจริตซื้อข้าว ให้ยิ่งลักษณ์ชดใช้เงิน 35,717 ล้านบาท
การใช้ ม.44 ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ไม่ต้องรับผิดใดๆ ทั้งสิ้น ในการดำเนินการยึดทรัพย์
27 กันยายน 2560 มีคำพิพากษาคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ให้จำคุก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 5 ปี
ถ้าไม่หนีก็ติดคุก นี่คือวิธีการเนรเทศศัตรูทางการเมือง แบบเดียวกับนายกฯ ทักษิณโดนเล่นงาน
ผ่านไป 3 ปีกว่า
2เมษายน 2564 ศาลปกครองกลางสั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ชดใช้ค่าเสียหาย 35,717.2 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่ง ประกาศ และการดำเนินการยึด อายัดทรัพย์สินขายทอดตลาด
เหตุผลคือการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องดำเนินการตามมติ ครม. และเป็นไปตามนโยบายที่รัฐบาลแถลงต่อรัฐสภา มีอำนาจหน้าที่เพียงการกำกับดูแลนโยบายโดยทั่วไประดับมหภาคของโครงการ เมื่อมีการทุจริต น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง, มีการใช้มาตรการทางอาญากับผู้ทุจริตหรือผู้กระทำผิดควบคู่กับการใช้มาตรการทางปกครองตัดสิทธิผู้สวมสิทธิเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ
จึงถือได้ว่าอดีตนายกฯ “มิได้เพิกเฉยละเลย แต่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่วิสัยและพฤติการณ์เพื่อป้องกันยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแล้ว”
ที่ตัดสินไปแล้ว ถอดถอนไปแล้ว ที่ยึดทรัพย์ไปแล้ว จะว่าอย่างไร? คงเหมือนนิทานหมาป่ากับลูกแกะ ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแกะชื่อทักษิณ เดินท่องลำธารมากับแกะน้องชื่อยิ่งลักษณ์…
เพื่อสืบทอดอำนาจ
ต้องกำจัดศัตรูทางการเมืองทุกราย
การโจมตีครั้งที่ 21 กรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ
เป็นที่รู้กันอยู่ว่าแยกออกมาจากพรรคเพื่อไทยมีจุดประสงค์ที่จะสร้างคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพื่อให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวนหนึ่ง เพราะถ้าหากรวมกันอยู่เป็นพรรคใหญ่เมื่อได้ ส.ส.เขตจำนวนมากก็จะไม่ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เป็นการแก้เกมที่ฝ่ายตรงข้ามร่างกฎเกณฑ์การเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นแบบพิสดารที่เรียกว่าจัดสรรปันส่วนผสมเพื่อให้พรรคเล็กๆ ที่แพ้การเลือกตั้งได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มบ้าง จะได้สามารถดึงมาร่วมรัฐบาล
7 มีนาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติ และมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค 10 ปี
การตัดสินครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าเป็นการตัดกำลังคู่แข่ง แต่คะแนนเสียงตีกลับไปให้พรรคใหม่ๆ อย่างเช่น อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย มีผลให้พรรคอนาคตใหม่มีคะแนนบวกเพิ่ม และไม่ต้องตัดคะแนนกับไทยรักษาชาติ พลิกกลับมาชนะ ส.ส.ได้หลายเขตและได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม
ยุบพรรคอนาคตใหม่
และทำลายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
เป็นการโจมตี ครั้งที่ 22 คงเป็นเพราะธนาธรประกาศไว้ว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อเข้าเลือกตั้งเพื่อส่งใครไปเป็นสมาชิกสภา หรือส่งใครเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย การเลือกตั้งจึงเป็นทางผ่าน ไม่ใช่เป้าหมายที่ตั้งไว้
ปัญหาของประเทศต้องแก้ที่โครงสร้าง ไม่ใช่นโยบายใดนโยบายหนึ่ง แต่คนไม่กล้าพูด มันอยู่ในโครงสร้างอุปถัมภ์เกือบทั้งสิ้น
สิ่งที่อนาคตใหม่ประกาศ มีทั้งอุดมการณ์ แนวทางการเมือง นโยบาย นี่จะเป็นการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ โดยผ่านระบบรัฐสภา แต่พวกเขายังรู้จักนายทุน ขุนศึก ศักดินา น้อยไป
ถ้าอนาคตใหม่ได้ ส.ส.มา 5-10 คนคงไม่มีใครหมายหัวไว้ เมื่อเห็นคนหนุ่ม-คนสาว อายุ 18-38 แห่ไปเลือกหลายล้านคน ก็ยิ่งตกใจ การกำจัดอนาคตใหม่จึงต้องเกิดขึ้น เร็วขึ้น เมื่อเห็นว่าบทบาทของอนาคตใหม่เป็นอันตรายต่อกลุ่มอำนาจเก่าทุกกลุ่ม
วันนี้พวกเขา…เขาทุบกล่องดวงใจและหม้อข้าว
พวกเขาจะแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เป้าหมายคือ ส.ว.แต่งตั้งต้องไม่มี
เลิกเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนเป็นสมัครใจ
…ขอตรวจสอบเงินงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับทหาร และสถาบัน
เสนอให้หาแนวทางทำกฎหมายต้านรัฐประหารและลงโทษผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุด
ออกกฎหมายไม่ให้ตุลาการยอมรับอำนาจคณะรัฐประหาร
20 พฤศจิกายน 2562 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ “ธนาธร” พ้นสมาชิก ส.ส. ตั้งแต่ 23 พฤษภาคม 25 62จากกรณีถือหุ้นสื่อ
21 กุมภาพันธ์ 2563 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นเวลา 10 ปี กรณีพรรคกู้เงินธนาธร
30 มีนาคม 2564 – นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โดนหมายเรียกในข้อหา ม.112 กรณีไลฟ์เฟซบุ๊กบรรยายหัวข้อ “วัคซีนพระราชทาน ใครได้ใครเสีย”
กลุ่มอำนาจเก่าได้สร้างศัตรูทางการเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ และมีอายุน้อยลงเรื่อยๆ กลุ่มล่าสุดคือเด็กๆ คณะราษฎร ผู้ที่ถือหลักการว่า ไม่มีใครขังความจริงได้ ก็เลยถูกขัง ถูกดำเนินคดี จำนวนมากโดนทั้งมาตรา 112, 116 และสารพัดข้อหา
จนถึงวันนี้ไม่รู้จำนวนคนและจำนวนคดี เพราะมีแจ้งข้อหาเพิ่มทุกวัน
ฝ่ายประชาธิปไตยต้องปรับยุทธศาสตร์
ไม่รู้ปฏิรูปแบบไหน 14 ปีกว่า พระเอกและผู้ร้ายเปลี่ยนหน้าไป รวมทั้งประชาธิปไตยก็กลายเป็นอำมาตยาธิปไตยไปได้ จะเห็นว่ามีการวางยุทธศาสตร์เพื่อการสืบทอดอำนาจ คือการตั้ง ส.ว., ร่างรัฐธรรมนูญ และแทรกแซงระบบยุติธรรม อย่างต่อเนื่อง
ถ้าฝ่ายประชาธิปไตยกำหนดยุทธศาสตร์ไว้แค่การเลือกตั้งและ ส.ส. นอกจากไม่มีวันชนะ ตัวเก่งของฝ่ายประชาธิปไตยก็จะถูกทำร้าย ทำลายไปทีละคนสองคน ถ้าไม่หนีก็ต้องติดคุก นี่คือการปิดเส้นทางปฏิรูป ขืนปล่อยต่อไป จะคล้ายการเมืองกัมพูชา คือจะให้มีแต่นักการเมืองหนุนรัฐบาล กินกันสบาย
ดังนั้น ต้องระดมทุกทางเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ, ส.ว. และระบบอยุติธรรมให้ได้ เรื่องอื่นก็จะสามารถแก้ไขตามมา ถ้าทำได้ก็ยังพอเห็นทางพ้นหายนะ
จุดปะทะทางการเมืองเฉพาะหน้า คงจะเป็น ส.ว.ที่ถูกขนานนามว่า สภาปรสิต