หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๘๙) / บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก เล่มใหม่ (๘๙)

 

จักรวาลวิทยาทุกวันนี้มีสี่ปริศนา

๑ แอนตี้สสาร

๒ สสารมืด

๓ พลังงานมืด

๔ ทฤษฎี Inflation

นักวิทยาศาสตร์นับหมื่นนับแสนทุกวันนี้ พยายามขบคิด ทะลุทะลวงสี่ปริศนานี้ แต่ก็ยังไม่เป็นผล มันยังเป็นด่านที่ยากยิ่งนัก

ในปี 1904 นักวิทยาศาสตร์ของโลก ก็เคยอยู่ในสภาพเช่นนี้ พวกเขาอยู่ใต้คอนเซ็ปต์ของ Newton ซึ่งอธิบายจักรวาลนี้ได้อย่างถูกต้อง แต่ทว่าก็มีปริศนาบางอย่างที่คลี่คลายไม่ได้ จวบจนถึงปี 1905 ปริศนาเหล่านั้นก็ถูกทำลาย โดยทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์

ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ จึงเป็นการ breakthrough ครั้งสำคัญของมนุษยชาติ และวันนี้มนุษย์ก็กำลังตกอยู่ในที่นั่งเดิม เราต้องการทฤษฎีที่แหวกฝ่าความเคยชิน ความรู้เดิมทั้งหมด เพราะเรามีปริศนาที่เกินกำลังของความรู้เดิมจะแก้ได้

 

โดยทฤษฎีแอนตี้สสาร ควรมีมากพอๆ กับสสาร แต่ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริง แอนตี้สสารมีเพียงน้อยนิด เป็นเพียงแค่เศษของเศษของสสาร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น นี้คือหนึ่งปริศนา

เช่นเดียวกัน จักรวาลนี้ไม่เป็นอย่างที่มันควรจะเป็น ไม่เป็นอย่างที่มันดูเหมือน ยกเว้นแต่ว่า เราต้องมีสสารมืด และพลังงานมืด ซึ่งเราก็ยังหาไม่พบ ไม่เคยเจอมาก่อนเลย มันเป็นเพียงแค่ทฤษฎีที่ใส่เข้ามาเพื่อให้ส่วนอื่นลงตัว

มันตอบโจทย์ แต่ตัวมันมีอยู่จริงหรือ นี้คือปริศนา

ทุกวันนี้ โลกทางฟิสิกส์ของเรา ประกอบด้วย

๕% คือ baryonic batter หรือสสารทั้งมวลที่เรารู้จัก

๒๕% สสารมืด

๗๐% พลังงานมืด

พูดอีกที เรารู้จักเพียง ๕% ส่วนที่เหลือ ๙๕% เป็นเพียงทฤษฎี ที่ยังยืนยันไม่ได้ ไม่รู้จัก เราอยู่ท่ามกลางความไม่รู้โดยแท้

 

ทฤษฎี inflation นี้ลึกซึ้ง และมีผลกว้างใหญ่ หากมันเป็นจริง หมายถึงจักรวาลนี้เป็นพหุจักรวาล มีจำนวนไม่สิ้นสุด และพิลึกกึกกือ เหลือเชื่อ ความลี้ลับพิสดารของมันนั้น ทำให้สงสัยว่า ข้อดีของมันกับข้อเสียของมัน อะไรจะมากกว่ากัน และเราจะพิสูจน์สิ่งนี้ได้อย่างไร

พหุจักรวาล เราพิสูจน์ได้อย่างไร มันลี้ลับพอๆ กับสสารมืด หรือพลังงานมืด

มันสนุกสนานเหลือเกิน แต่ว่างเปล่าในความรู้ เพราะจักรวาลที่เราอาศัยอยู่นี้ ลำพังแค่ตัวฟิสิกส์ของมัน เรารู้จักแค่ ๕% เท่านั้นเอง หากเป็นพหุจักรวาล เราต้องยิ่งคูณความไม่รู้ยิ่งขึ้นไปอีกเป็นยกกำลัง ยิ่งเพิ่มมิติ

มันกลายเป็นนิยายซ้อนนิยาย นิทานซ้อนนิทาน เหมือนสมัยก่อน ที่ฉันอ่านนิทานอาหรับราตรี มีคนเล่านิทาน และในนิทานนั้นเล่า ก็มีคนอื่นเล่านิทานอื่นอีก ซ้อนไปเรื่อยๆ

จนฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในนิทานชั้นที่เท่าไร

 

สิ่งหนึ่งที่เรารู้คือ ยิ่งจักรวาลนี้เย็นลงเท่าไร กาลเวลายิ่งไร้สาระ

ดังนั้น ในช่วงแรกหลัง Big Bang ซึ่งจักรวาลยังร้อนอยู่ จักรวาลนี้จึงมีเรื่องราวมากมาย ยิ่งถอยหลังกลับไปถึงวินาทีแรก ยิ่งมีเรื่องราวสุดคณานับ

กาลเวลามีค่าแตกต่างกันอย่างสุดกู่ เหมือนนิยายที่บอกว่า หนึ่งวันบนสวรรค์เท่ากับพันปีบนโลกมนุษย์ แต่นี่ยิ่งไปกว่านั้น หนึ่งวินาทีแรกของจักรวาล มีค่าเท่ากับหมื่นล้านปีของจักรวาล ในวันที่มันเย็นลงแล้ว ซึ่งคือวันนี้

ยิ่งถอยหลังกลับไป ยิ่งเข้มข้น ยิ่งลี้ลับ หากเราถอยไปถึงสิบยกกำลัง ลบ 32 ของวินาที ซึ่งก็คือเศษของเศษของหนึ่งวินาที มันน้อยนิดจนอะตอมไม่มีเวลาขยับตัว แต่ในวันก่อกำเนิดจักรวาล ห้วงเวลานั้น เกิดเรื่องราวมากมายสุดคณานับ

ทุกวันนี้ จักรวาลของเรามีอายุหมื่นล้านปีกว่า ช่างยาวนานเหลือเกิน แต่หากนับในแง่เนื้อหาสาระแล้ว มันว่างเปล่า มันช่างน้อยนิด หากเทียบกับหนึ่งวินาทีแรกของวันก่อกำเนิดจักรวาล

ยาวนานแต่ว่างเปล่า

น้อยนิด แต่เข้มข้น ดุดัน แต่ละเสี้ยวของเสี้ยววินาทีนั้น หากมนุษย์ศึกษา มันช่างอุดมไปด้วยเรื่องราว มันข้นคลั่ก นี้คือจักรวาลวิทยา

ทุกวันนี้ มนุษย์ที่ศึกษาจักรวาลวิทยา กำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่เย้ายวนใจเกินบรรยาย สมมุติให้พวกเขาไม่ต้องไปไหน ไม่อาจไปไหนนานเป็นสิบปี หรือหลายสิบปี แต่ขอให้พวกเขาได้ศึกษา ได้เข้าไปสืบค้นปริศนาเหล่านี้ ก็ยินดี มันเหมือนนิยายที่อ่านแล้ววางไม่ลง สนุกสนาน ตื่นเต้น ลืมกินลืมนอน

แต่ทฤษฎี breakthrough อย่างสัมพัทธภาพจะหาได้ที่ไหน คนอย่างไอน์สไตน์ จะหาได้ที่ไหน ตัวฉันหากเข้าไปศึกษา ก็จะเป็นเศษของเศษ อยู่ปลายของปลายแถว

มันคิดยากเหลือเกิน มันท่วมท้น

 

อะไรคือแก่นของจิตวิญญาณนักสู้ ฉันคิดว่า คือการที่แพ้แล้วกลับมาเอาชนะ

ในโลกนี้ อาจจะมีคนบางคนที่ชนะเสมอ เช่น นักมวยคนนี้ ชกร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง หรือชนะเก้าสิบเก้าครั้ง คนแบบนี้ อาจจะเป็นอัจฉริยะในการชกมวย หรือเป็นคนโชคดีเหลือเกิน แต่ทว่าในแง่ของนักสู้ เขาช่างไร้ค่า

คนที่แพ้แล้วกลับมาเอาชนะ นี้ลึกซึ้ง และน่านับถือ ที่สำคัญนี้คือมนุษย์ คนที่ชนะเสมอ เป็นเพียงผู้ยกเว้น แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ คือคนปานกลาง คือคนที่ฉลาดและเก่ง เท่าคนข้างๆ ไม่ได้เหนือมนุษย์

นี้คือความหมายของแก่นของจิตวิญญาณนักสู้ มันเฉือนกันนิดเดียวเท่านั้น เขามีสิทธิแพ้หรือชนะ แต่อาศัยความอดทน ความทรหดอย่างสูงสุด ความรอบคอบ ความละเอียดทางจิตนิดหนึ่ง เขาสามารถพลิกแพ้เป็นชนะได้