ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.ระอุ ‘ชัชชาติ’ ประคองทัพ ศึก นรต. ‘พี่วิน-น้องแป๊ะ’ ฝุ่นตลบ ‘ล็อบบี้’ วุ่น!! / บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.ระอุ

‘ชัชชาติ’ ประคองทัพ

ศึก นรต. ‘พี่วิน-น้องแป๊ะ’

ฝุ่นตลบ ‘ล็อบบี้’ วุ่น!!

 

ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.ระอุขึ้นเรื่อยๆ หลัง ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. เดินเครื่องหนักลงพื้นที่ กทม.

ส่วน ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ อดีตแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ประกาศลาออกจากพรรคมาลงในนามอิสระ

และล่าสุด ‘บิ๊กวิน’ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. มีทีมงานไปเปิดเพจ ‘รักษ์กรุงเทพ’ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะจากชาว กทม.

ทว่าความเคลื่อนไหวที่ชะลอตัวของ ‘ชัชชาติ’ ที่ไม่เปรี้ยงเท่ากับตอนเปิดตัวใหม่ๆ

มาพร้อมข่าวสะพัดว่า ‘ชัชชาติ’ จะถอยทัพ ‘กลับเพื่อไทย’ หรือไม่

เพราะมีการพูดกันว่า ‘ชัชชาติ’ อาจต้องกลับพรรคเพื่อไปนำพรรคสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นอีกไม่นานจากนี้ เพราะสัญญาณจากทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ที่ปูทางตั้งพรรคต่างๆ รวมทั้ง ‘พรรคสำรอง’ ของฝั่งผู้มีอำนาจ

ซึ่งภายในพรรคเพื่อไทยก็ยังคงเชื่อใน ‘แบรนด์ชัชชาติ’ ที่ยังเจาะตลาดได้

รวมทั้งมีการพูดถึงชื่อ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ บอสใหญ่แสนสิริ จะมาเป็น ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ของพรรคเพื่อไทยด้วย

แม้ ‘ชัชชาติ’ จะเคยออกมาสยบข่าวกลับพรรคเพื่อไทยหลายครั้ง ทว่ากระแสข่าวกลับไม่เคยถูกสยบลงไปได้ รวมทั้งท่าทีที่ ‘เครื่องไม่ฟิต’ เท่ากับตอนเปิดตัวลงชิงผู้ว่าฯ กทม.ตอนแรกๆ ยิ่งตอกย้ำกระแสข่าว ‘ถอยทัพ’ กลับที่ตั้งเดิม ทำให้สภาวะขณะนี้เป็นลักษณะ ‘ประคองทัพ’ นั่นเอง

ส่วน ‘เศรษฐา’ แม้จะออกมาปฏิเสธว่าไม่เล่นการเมือง แต่ก็ใช้เวทีและพื้นที่ต่างโชว์วิสัยทัศน์ทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่ง ‘เศรษฐา’ เองก็มีความใกล้ชิดกับคนใน ‘ตระกูลชินวัตร’ เป็นทุนเดิม

 

อย่างไรก็ตาม ‘ชัชชาติ’ ตกเป็นข่าวกับ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาตั้งแต่กันยายน 2562 ขณะนั้น พล.อ.ประวิตรยังไม่ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็น ‘ผู้มีบารมีนอกพรรค’

โดยมีข่าวสะพัดว่ามีการล็อบบี้ ‘ชัชชาติ’ ไม่ให้ลงผู้ว่าฯ กทม. ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด

แต่ พล.อ.ประวิตรชี้แจงว่า “ไม่มี ไปเอาข่าวที่ไหนมา เป็นข่าวเฟกนิวส์หรือไม่ หากเป็นสิ่งที่นักการเมืองพูดกัน ก็ขอให้ถามนักการเมือง”

ซึ่งที่ผ่านมา ‘ชัชชาติ’ ปฏิเสธกระแสข่าวต่างๆ มาตลอด ทั้งไม่กลับไปทำงานกับพรรคเพื่อไทย และไม่หลีกทางให้ผู้สมัครคนใด

และล่าสุด ‘ชัชชาติ’ ได้ออกมาสยบกระแสข่าวเช่นเดิม เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ว่า “ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้ง (ผู้ว่าฯ กทม.) เมื่อใด เพราะยังไม่มีการประกาศออกมา แต่ยืนยันจะลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างแน่นอนในนามอิสระ”

โดยที่ผ่านมา ‘หญิงหน่อย’ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมัยเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ก็เคยชวน ‘ชัชชาติ’ มาลงในนามพรรค แต่ก็ได้รับคำปฏิเสธมา

ทว่าความพยายามนี้ก็ยังคงมีอยู่ เพราะพรรคเพื่อไทยประสบปัญหาไม่มีตัวเลือกมากนัก และ ‘บุคลิกชัชชาติ’ เองก็สอดรับกับการ ‘รีแบรนด์พรรค’ ที่ปูทางโดยโครงการ The Change Maker

 

มากันที่ศึกสายเลือดพี่น้อง ‘นายร้อยตำรวจ’ ระหว่าง ‘บิ๊กแป๊ะ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์ นรต.36 และ ‘บิ๊กวิน’ พล.ต.อ.อัศวิน นรต.30 เริ่มกันที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ที่เดินเครื่องหนักตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2563 หลังพ้นเก้าอี้สมาชิก ส.ว. มาแค่ 3 เดือน โดยกระแสข่าว ‘บิ๊กแป๊ะ’ จะลงชิงผู้ว่าฯ กทม. มีตั้งแต่ยังไม่เกษียณจาก ผบ.ตร.

ทั้งนี้ ‘บิ๊กแป๊ะ’ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตรได้โทรศัพท์มาบอกว่า “ถ้าไม่มีอะไรทำก็น่าจะไปลงผู้ว่าฯ กทม. ส่วนเรื่องการจะสนับสนุนอย่างเป็นทางการหรือไม่อย่างไร คงต้องถาม พล.อ.ประวิตรเอง แต่การที่ท่านเป็นนักการเมืองจะมาพูดว่าช่วย ก็จะเกิดความหมิ่นเหม่อีก ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่ได้อะไร ก็ตอบตกลงไป โดยผมก็คิดว่าจะลงในนามอิสระแน่นอน”

ส่วน พล.อ.ประวิตรก็ไม่ได้ปิดประตู แต่สงวนท่าทีที่จะตอบคำถามตรงๆ เพราะสนามเลือกตั้ง กทม.มีความเฉพาะกว่าพื้นที่อื่นๆ ไม่มีใครเป็นเจ้าของพื้นที่ และ ‘การเมืองบ้านใหญ่’ ไม่ได้มีอิทธิพลเช่นพื้นที่อื่นๆ โดยสื่อได้พยายามจี้ถาม พล.อ.ประวิตรว่า พปชร.จะสนับสนุนหรือให้ ‘บิ๊กแป๊ะ’ เป็นนอมินี พปชร.หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็ยังไม่รู้” และ “เดี๋ยวดูก่อน” แทน

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรระบุว่า “ส่วนตัวถ้าเขาจะลงก็ดี เพราะตั้งใจทำงาน เป็น ผบ.ตร.มาตั้ง 5 ปี ทำงานให้กับประชาชนมาตลอด ก็ไม่มีอะไร”

มาพร้อมกับกระแสข่าวที่สะพัดในวงการเมืองว่า พล.อ.ประวิตรได้ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองหัวหน้า พปชร. คุมการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และให้ ส.ส. และ ส.ก. สนับสนุน พล.ต.อ.จักรทิพย์ แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีข่าว พล.อ.ประวิตรเรียก ส.ส.กรุงเทพฯ พปชร. พูดคุยที่พรรคเพื่อสนับสนุน ‘บิ๊กแป๊ะ’ ซึ่งที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตรก็ได้ปฏิเสธมาโดยตลอด

ทว่าล่าสุด พล.อ.ประวิตรได้แง้มช่องว่า แม้ พปชร.ไม่ส่งผู้สมัครในนามพรรค แต่จะสนับสนุนใครเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่สามารถทำได้

 

หากถามว่าทำไมถึงเป็นชื่อ ร.อ.ธรรมนัสที่จะมาคุมเกมเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

ย้อนกลับไปในการเลือกตั้งซ่อม ผลงานของ ร.อ.ธรรมนัสได้ทำให้ พปชร.คว้าชัยมาแล้ว โดยเฉพาะเลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.นครศรีธรรมราช ยิ่งทำให้บารมีของ ร.อ.ธรรมนัสแผ่ขยายใน พปชร.

และสิ่งที่ตอกย้ำอีกคือ หนึ่งในคนที่ลงพื้นที่กับ ‘บิ๊กแป๊ะ’ คือ ‘เสธ.หิ’ หรืออดีต พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่เป็นนายทหารผู้กว้างขวาง และเป็นเพื่อน ตท.25-จปร.36 กับ ร.อ.ธรรมนัส

ทั้งนี้ ‘บิ๊กแป๊ะ’ ยอมรับว่า “เพิ่งลงพื้นที่ 2-3 เดือน รู้อยู่แล้วว่ามาช้ากว่าคนอื่น และรู้ดีว่ามีข้อเสียเปรียบเยอะ บางคนมีฐานทางการเมืองอยู่แล้ว ขนาดที่ผมไม่มีอะไรเลย เข้ามาตัวคนเดียว ดังนั้น จะต้องทำการบ้านหนักพอสมควร แต่โชคดีที่เคยอยู่ในพื้นที่ กทม. รู้ปัญหา นี่คือสิ่งที่ได้เปรียบจากอาชีพเดิม”

สอดรับกับผลโพลของ ‘นิด้าโพล’ ที่ได้จัดทำครั้งที่ 2 คะแนนที่ 1 คือยังไม่ตัดสินใจ 32.67% ตามมาด้วย ‘ชัชชาติ’ 24.77% ต่อด้วย ‘บิ๊กแป๊ะ’ 11.93% และ ‘บิ๊กวิน’ ได้ 8.66% เป็นต้น

โดยเป็นโพลสำรวจจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใน กทม.จำนวน 1,316 ตัวอย่าง และกำหนดค่าความน่าเชื่อมันที่ร้อยละ 97.0

ทั้งนี้ หนึ่งในทีมงานของ ‘บิ๊กแป๊ะ’ เปิดเผยว่า ทีมงานได้ติดตามความนิยมอยู่ตลอด ซึ่งชื่อของ ‘ชัชชาติ’ นั้นติดลมบนไปแล้ว ส่วน ‘บิ๊กแป๊ะ’ กราฟความนิยมพุ่งขึ้นอยู่ตลอด จึงต้องนำเสนอนโยบายต่างๆ ให้ตรงใจชาว กทม. และลงพื้นที่เพื่อเรียกคะแนนความนิยมให้เพิ่มขึ้น

 

มากันที่ พล.ต.อ.อัศวินที่เริ่มเดินเครื่อง หลังมีการเปิดเพจ ‘รักษ์กรุงเทพ’ ขึ้นมา โดยแอดมินเพจได้โพสต์ข้อความว่า เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนรักษ์กรุงเทพ ที่ร่วมทุกข์ ร่วมสุข รับฟังปัญหาความเดือดร้อน และข้อเสนอแนะของพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ เพื่อเสนอส่งตรงต่อผู้ว่าฯ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ในอีกช่องทางหนึ่ง และหาวิธีการตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนได้อย่างรวดเร็ว

นาทีนี้ ต้องจับตาว่า พล.ต.อ.อัศวินจะถอยหรือไม่

เพราะจากผลโพลถือว่า ‘หายใจลดต้นคอ’ พล.ต.อ.จักรทิพย์เลยทีเดียว โดยมีรายงานข่าวว่า มีการส่งคนไปยื่นข้อเสนอให้กับ พล.ต.อ.อัศวิน เพื่อล็อบบี้ไม่ให้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ซึ่ง ‘ฐานเสียง’ ของ พล.ต.อ.อัศวินมีการมองว่ามาจาก ‘ฐานราชการ’ นั่นเอง

ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ อดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งอย่าง ‘เฮียชู’ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เคยออกมาวิเคราะห์ว่า การจะชนะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ต้องมีคะแนน 2 ส่วน คือคะแนนจัดตั้งและคะแนนนิยมส่วนตัว กทม.มี 50 เขต หากได้คะแนนจัดตั้งสักเขตละ 10,000 รวม 500,000 และคะแนนนิยมส่วนตัว (Popular Vote) อีก 500,000 คงได้แน่

ด้าน ‘เฮียชู’ ถอดบทเรียนอีกว่า คนกรุงเทพฯ นั้นเปลี่ยนใจง่าย ในใจจะเลือกคนนั้นคนนี้ แต่พออาทิตย์สุดท้ายก่อนเลือกตั้ง เจอกระแสโหม เปลี่ยนใจ คะแนนพลิกได้ทันที เพราะคนกรุงเทพฯ พื้นฐานไม่ได้พึ่งพานักการเมือง แต่อยู่ได้ด้วยตัวเอง

สำหรับ ‘คะแนนจัดตั้ง’ เป็นอีกสิ่งที่ต้องอาศัย ‘กำลังภายใน’ ที่มีทั้ง ‘หัวคะแนนในพื้นที่’ กับ ‘พันธมิตรการเมือง’ จะผนึกกำลังไปทิศทางใด ซึ่งในเวลานี้เรียกได้ว่า ‘ฝุ่นตลบ’ ไม่น้อย เพราะอยู่ระหว่างการ ‘เจรจาล็อบบี้’ กันอยู่

ทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวม ‘ตัวแปรอื่นๆ’ ที่จะเกิดขึ้นอีก ได้แก่ ผู้ลงสมัครในนามพรรคก้าวไกล ผู้ที่จะลงในนามอิสระอื่นๆ รวมทั้งกระแสธารทางการเมืองในช่วงเวลานั้นๆ เพราะศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. ถือเป็น ‘ศึกแห่งศักดิ์ศรี’ มานาน เพราะสามารถ ‘ใช้เคลม’ ในทางการเมืองได้ และชี้ถึง ‘เสถียรภาพรัฐบาล’ ด้วย

เกมนี้ยาว สู้กันจนวินาทีสุดท้าย!!