เมื่อ”โซเชียลมีเดีย”(อาจ)แพร่ความคิด ให้คนคนหนึ่ง”ก่อเหตุ” ( Lone Wolf หมาป่านักล่า ) : สุรชาติ บำรุงสุข

ศ.กิตติคุณ ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

หนึ่งในปัญหาที่ยุ่งยากของงานต่อต้านการก่อการร้ายในปัจจุบันก็คือ ผู้ก่อการร้ายไม่ได้มีลักษณะในแบบเดิมอีกต่อไป ส่วนหนึ่งผู้ก่อการร้ายในปัจจุบันเป็นในแบบ “ผู้ปฏิบัติการตามลำพัง” หรือ หากใช้แบบสำนวนไทยก็คือเป็นพวก “บุกเดี่ยว” กล่าวคือ เขาเป็นผู้ก่อเหตุด้วยตัวเอง และมักจะไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในเครือข่าย หรือโครงสร้างขององค์กรก่อการร้ายแต่อย่างใด ซึ่งลักษณะเช่นนี้ทำให้พวกเขาไม่อยู่ในบัญชีการติดตามของเจ้าหน้าที่รัฐ ในภาษาของวิชา “ก่อการร้ายศึกษา” แล้ว บุคคลเช่นนี้ถูกเปรียบเปรยว่าเป็นดัง “หมาป่าตัวเดียว” ที่ออกล่าเหยื่อ (lone wolf หรือ lone-wolf terrorists)

แม้ว่าปฏิบัติการที่เกิดขึ้นจะเป็นไปตามลำพัง แต่ก็อาจจะเป็นผลจากอิทธิพลทางความคิด หรืออุดมการณ์ หรือความเชื่อจากองค์กรภายนอก และสำหรับการส่งผ่านความคิดหรืออุดมการณ์เช่นนี้ในโลกปัจจุบัน ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สื่อสมัยใหม่หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ นั้นมีบทบาทอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “โซเชียลมีเดีย” ที่สามารถเผยแพร่ความคิดและความเชื่อให้กระจายตัวออกไปสู่ผู้รับสารอย่างรวดเร็ว ผลจากสภาพเช่นนี้ทำให้บุคคลในฐานะผู้รับสารไม่จำเป็นต้องนำตัวเองไปอยู่ในองค์กร/ โครงสร้างของการก่อการร้ายในแบบเดิม และขณะเดียวกันก็ทำให้บุคคลผู้นี้กลายเป็น “ผู้ร่วมขบวนการ” ไปโดยปริยาย หรืออย่างน้อยก็กลายเป็นการจัดตั้งทางความคิดเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวบุคคลเข้ามาเป็นนักจัดตั้งเช่นในแบบเดิมแต่อย่างใด ซึ่งอาจกล่าวได้โดยสังเขปก็คือ การจัดตั้งทางความคิดเพื่อดึงบุคคลร่วมอุดมการณ์ด้วยนั้น เกิดขึ้นโดยการอาศัยสื่อสังคมหรือสื่อใหม่ทั้งหลายและทั้งยังทำให้บุคคลผู้นี้เมื่อรับความคิดหรืออุดมการณ์ไปแล้ว พวกเขาก็เป็นเสมือนกับ “เซลล์ที่นอนหลับ” (sleeper cells) ที่รอเวลาและโอกาสในการออกปฏิบัติการ พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งภายใต้โครงสร้างที่มีสายการบังคับบัญชา… ขอเพียงแต่เวลาและโอกาสมาถึงเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

จุดกำเนิดของภาษา
คำว่า “หมาป่าตัวเดียว” นี้ เกิดขึ้นจากนักเคลื่อนไหวฝ่ายขวา โดยทอม เม็ตซ์เกอร์ (Tom Metzger) หัวหน้ากลุ่มแบ่งแยกผิวได้ใช้คำคำนี้ในช่วงทศวรรษของปี 1990 สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มแบ่งแยกผิวภายใต้การน าของเม็ตซ์เกอร์นั้น ท าให้เกิดการใช้ความรุนแรง โดยเขาเสนอให้มีการ“ทำความสะอาด” สังคมอเมริกัน ด้วยการขับไล่และจัดการกับพวก “ที่ไม่ใช่คนผิวขาว” ให้ออกไปจากสังคม เพื่อ “ความอยู่รอดของประชาชน” การนำเสนอแนวคิดในการแบ่งแยกผิวเช่นนี้ ทำให้เกิดการ สังหารชายชาวเอธิโอเปียที่เข้ามาศึกษาต่อในสหรัฐฯ ในปี 1988 ผลจากการสืบสวนพบว่ากลุ่ม “ต่อต้านของชาวอเมริกันผิวขาว” (The White American Resistance หรือ WAR) ที่เขาก่อตั้งในปี 1983 นั้น มีส่วนโดยตรง ผู้ก่อการสังหารถูกจับเข้าคุก แต่เม็ตซ์เกอร์พูดสนับสนุนการสังหารดังกล่าว จึงทำให้เขาถูกฟ้อง และถือว่าองค์กรที่เขาก่อตั้งขึ้นต้องรับผิดชอบต่อการสังหารครั้งนี้ด้วย ท าให้ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งเป็นเงินถึง 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ สภาพเช่นนี้ทำให้เขาแทบจะล้มละลาย จนต้องคิดหาทางในการเคลื่อนไหวใหม่

A police security cordon remains around the Houses of Parliament on March 23, 2017 in London.
Seven people have been arrested including in London and Birmingham over Wednesday’s terror attack at the British parliament, the police said on today, revising down the number of victims to three people. / AFP PHOTO / Justin TALLIS

ดังนั้นในช่วงต้นทศวรรษของปี 1990 เขาจึงเสนอวิธีการแบบ “หมาป่าตัวเดียว” และทิศทางการเคลื่อนไหวใหม่ก็คือ บุคคลไม่ควรจะแสดงอุดมการณ์เหยียดผิวออกให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ควรจะดำเนินการแบบ “ปิดลับ” เป็นเสมือนดัง “หมาป่าตัวเดียว” ที่ออกล่าเหยื่อ ว่าที่จริงข้อเสนอเช่นนี้ก็คือการหันไปใช้วิธีการจัดตั้ง “เซลล์” และดำเนินการแบบ “ใต้ดิน” มากกว่าจะเปิดเผยตัวด้วยกิจกรรม “บนดิน”

อย่างไรก็ตาม สำหรับหน่วยงานรักษากฎหมายของสหรัฐฯ แล้ว ปฏิบัติการแบบ “หมาป่าตัวเดียว” หมายถึง บุคคลที่ก่อเหตุก่อการร้าย โดยตัวเขาอยู่นอกโครงสร้างของสายการบังคับบัญชาขององค์กรก่อการร้าย ซึ่งโดยนัยก็คือ ปฏิบัติการของคนคนเดียว หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นปฏิบัติการแบบ“ข้ามาคนเดียว” นั่นเอง แม้เขาจะแสดงออกถึงความภักดีต่อกลุ่ม/ ขบวนการใดก็ตาม แต่องค์กรนั้นไม่ใช่ผู้สั่งการให้เกิดการปฏิบัติการก่อการร้ายขึ้นแต่อย่างใด

แนวโน้ม
ปฏิบัติการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นจากบุคคลตามล าพังเช่นนี้ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่กำลังเป็นแนวโน้มของการก่อการร้ายของโลก Sarah Teich จากสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการต่อต้านการก่อการร้าย (International Institute for Counter Terrorism) ได้ศึกษาแล้วเห็นถึงแนวโน้มสำคัญ 5 ประการ สำหรับการก่อการร้ายในอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกในช่วงระหว่างปี 1990 ถึงปี 2013 ดังนี้

1.ประเทศที่ถูกการก่อการร้ายแบบ “หมาป่าตัวเดียว” ในระหว่างทศวรรษของปี 1990 ถึงทศวรรษของปี 2000 เพิ่มจำนวนมากขึ้น

2. ประชาชนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากปฏิบัติการก่อการร้ายของบุคคลตามลำพังเช่นนี้เพิ่มมากขึ้น

3. ประสิทธิภาพของหน่วยงานต่อต้านการก่อการร้ายและบังคับใช้กฎหมายมีมากขึ้น

4. มีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องของการโจมตีแบบ “บุกเดี่ยว”

5. การโจมตีต่อเป้าหมายที่เป็นกำลังพลทหารเพิ่มมากขึ้น

Damage to a store is revealed after the stolen truck, which was driven through a crowd outside a department in Stockholm on April 7, 2017, was taken away on April 8.
A massive manhunt was underway for the driver of the stolen truck that ploughed into the crowd, killing four and injuring 15, Swedish police said. National police chief, Stefan Hector, said the police’s “working hypothesis is that this is a terror attack.” / AFP PHOTO / Odd ANDERSEN

อย่างไรก็ตามสำหรับปฏิบัติการแบบตัวคนเดียวเช่นนี้อาจจะอยู่ในรูปของ “หมาป่าตัวเดียว”
หรืออาจจะเป็นปฏิบัติการแบบ “หมาป่าฝูงเดียว” (lone wolf pack) ในการออกล่าเหยื่อก็ได้ ใช่ว่าจะต้องเข้มงวดอยู่เฉพาะกับปฏิบัติการของบุคคลตามล าพังเท่านั้น เพราะในบางกรณีอาจจะเป็นไปในแบบของการรวมกลุ่มบุคคลที่อยู่นอกโครงสร้างของสายการบังคับบัญชาก็ได้จากแนวโน้มที่กล่าวแล้วในข้างต้นและพิจารณาจากตัวแบบของสังคมอเมริกัน จะเห็นได้ชัดเจนว่า ภัยคุกคามจากการก่อการร้ายในสหรัฐฯนั้น มาจากปฏิบัติการแบบ “หมาป่าตัวเดียว” มากกว่าจะเป็นภัยที่มาจากองค์กรก่อการร้ายโดยตรง

ดังจะเห็นได้ชัดเจนว่าหากแยกกรณีการก่อการร้ายในวันที่ 11 กันยายน 2001 ออกไปแล้ว การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มาจากปฏิบัติการของผู้ก่อเหตุแบบตามลำพัง และผู้ก่อเหตุอาจจะอยู่ใน3ฐานะของการเป็น “ผู้ที่เห็นอกเห็นใจ” ต่อเรื่องที่เกิดขึ้นเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์การวางระเบิดตึกตึกของรัฐบาลกลางที่โอคลาโฮมาจนถึงเหตุกราดยิงที่ซานเบอร์นาดิโนและออร์แลนโดผู้ก่อการร้ายที่ต่อต้านการทำแท้งก็เป็นอีกส่วนในสังคมอเมริกันที่ใช้ความรุนแรงจัดการกับเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหมอและคลินิกทำแท้ง โดยพวกเขามักจะเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นว่า “ปฏิบัติการต่อต้านแบบไร้ผู้นำ” เพราะบุคคลก่อความรุนแรงด้วยความเชื่อในอุดมการณ์ ไม่ใช่ด้วยการออกคำสั่งของผู้นำแต่อย่างใด หรือวันนี้ดังตัวอย่างของผู้ก่อเหตุความรุนแรงในกรณี“บอสตันมาราธอน”อย่าง Samir Khan ก็เสนอถึงปฏิบัติการก่อการร้ายโดยปัจเจกบุคคลต่อสังคมอเมริกัน เป็นต้น

ตัวอย่างและตัวแบบ
ดังได้กล่าวในข้างต้นว่าปรากฏการณ์เช่นนี้ดูจะเห็นได้ชัดเจนกับการก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในยุโรปและในสหรัฐฯ ซึ่งมีตัวอย่างสังเขปต่อไปนี้

– 2 มีนาคม 2011: Arid Uka ยิงทหารอเมริกันในเยอรมนีเสียชีวิต 2 นาย และบาดเจ็บอีกส่วน
หนึ่งที่สนามบินแฟรงก์เฟิร์ต เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงเชื่อว่าปฏิบัติการนี้เป็นจุดเริ่มต้นของ
ปฏิบัติการก่อการร้ายแบบล าพังครั้งแรกในเยอรมนี

– 2012: Mohammed Merah ปฏิบัติการตามลำพังในเมืองตูลูส สังหารประชาชน 7 คน และถูก
ปิดล้อมโดยเจ้าหน้าที่ต ารวจฝรั่งเศสนานถึง 32 ชั่วโมง และถูกยิงเสียชีวิต

– 22 พฤษภาคม 2013: Michael Adebolajo สังหารนายทหารอังกฤษ ที่เมืองวูลลิช

– 26 พฤษภาคม 2013: Alexandre Dhaussy ชายชาวฝรั่งเศสที่เปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลามพยายามที่จะตัดคอทหารฝรั่งเศสที่กรุงปารีส แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

– 20 ธันวาคม 2014: ชายชาวฝรั่งเศสเชื้อสายบุรุนดีบุกโจมตีสถานีตำรวจตามลำพังด้วยมีด มี
ตำรวจบาดเจ็บ 3 นาย และเขาถูกยิงเสียชีวิต

– 14 มิถุนายน 2016: Larossi Abballa สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของปารีสและภรรยา
ด้วยการกระทำแบบบุกเดี่ยว ผู้ก่อเหตุได้รับอิทธิพลทางความคิดจากกลุ่มรัฐอิสลาม

A private ambulance crew remove a body from Russell Square in London early on August 4, 2016, after a woman in her 60s was killed.
The woman was killed and five people injured in a knife attack in central London late on August 3 which police said they are investigating for possible terrorist links. / AFP PHOTO / JUSTIN TALLIS

สหรัฐอเมริกาดูจะเผชิญกับตัวแบบของการก่อการร้ายแบบทำตามลำพังค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะแรงกดดันที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งก็อาจจะไม่แตกต่างจากยุโรป กับอีกส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการซื้อหาอาวุธ แม้กระทั่งอาวุธในแบบของปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติเป็นสิ่งที่สามารถหาได้ในตลาดปกติ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่สังคมอเมริกันจึงเผชิญกับปัญหาเช่นนี้อย่างมาก ตัวอย่างที่สำคัญในบางกรณี
เช่น
– 19 เมษายน 1995: Timothy McVeigh วางระเบิดตึกที่ท าการของรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เขา
เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของปฏิบัติการแบบ “หมาป่าตัวเดียว” มีผู้เสียชีวิต 168 คน และบาดเจ็บหลายร้อยคน

– 15 เมษายน 2013: พี่น้องตระกูล Tsarnaev วางระเบิดในงานวิ่งมาราธอนที่เมืองบอสตัน มี
ผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บมากกว่า 260 คน

– 4 พฤศจิกายน 2015: Faisal Mohammed ใช้มีดวิ่งไล่แทงคนกลางมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
(วิทยาเขต Merced) เขาได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งเป็นตัวอย่างของการปฏิบัติการแบบลำพัง
– 2 ธันวาคม 2015: การสังหารที่สำนักงานสุขภาพ ที่เมืองซานเบอร์นาดิโน โดย Rizwan
Farook และ Tashfeen Malik อันมีแรงบันดาลใจจากกลุ่มรัฐอิสลาม มีผู้เสียชีวิต 14 คนและบาดเจ็บ 22คน
– 12 มิถุนายน 2016: การสังหารที่ไนท์คลับในเมืองออร์แลนโด Omar Seddique Mateen บุก
เข้าไปยิงเกย์ไนต์คลับ มีผู้เสียชีวิต 50 คน และบาดเจ็บ 53 คน เขาเองได้ประกาศแสดงความจงรักภักดีต่อกลุ่มรัฐอิสลามก่อนตัดสินใจปฏิบัติการดังกล่าว

นอกจากนี้ก็ยังจะเห็นได้จากตัวแบบในแคนาดา ได้แก่
– 20 ตุลาคม 2014: Abu Ibrahim al Canadi ใช้รถพุ่งชนทหารและยิงทหารอีกนายหนึ่ง เขา
ปฏิบัติการเองตามลำพัง
– 22 ตุลาคม 2014: Michael Zehaf-Bibeau บุกยิงทหารที่อนุสรณ์สงครามแห่งชาติ และยังบุก
เข้าไปในรัฐสภาอีกด้วย จึงปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจในบริเวณ
ดังกล่าว
ตัวแบบจากออสเตรเลีย ก็เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงปฏิบัติการแบบบุกเดี่ยว แต่ก็มีข้อ
โต้แย้งจากผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่านว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของคนโรคจิตมากกว่าจะเป็นผู้ก่อการร้าย

Floral tributes left in honour of the victims of the London terror attack on March 22, are pictured in Parliament Square in Westminster, central London on March 25, 2017 as people take part in a march organised by Unite for Europe against Britain leaving the European Union. / AFP PHOTO / Chris J Ratcliffe

– 15 ธันวาคม 2014: Man Haron Monis พร้อมอาวุธบุกเข้าจับคนเป็นตัวประกันในร้านกาแฟที่
นครซิดนีย์ แม้เขาจะชู “ธงดำ” แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าใช่ธงของกลุ่มรัฐอิสลามหรือไม่ อีกทั้งแรงจูงใจที่
เกี่ยวข้องก็ไม้ได้เป็นประเด็นทางศาสนา และแม้จะมีการใช้ความรุนแรง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของการก่อการร้ายโดยตรง หากเป็นเรื่องของการก่อเหตุจากบุคคลที่มีปัญหาทางจิตมากกว่าหมาป่าที่ไม่เคยหยุดล่า !
จากตัวแบบที่กล่าวแล้วในข้างต้น จะเห็นถึงแนวโน้มของการก่อการร้ายในปัจจุบันว่า อาจจะ
ไม่ใช่ในแบบที่เป็นปฏิบัติการของคนในการจัดตั้งขององค์กร แต่โลกกำลังเผชิญกับปฏิบัติการของคนในแบบ “บุกเดี่ยว” โดยมีแรงจูงใจจากข้อมูลข่าวสารและการโฆษณาทางการเมืองที่เกิดขึ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า โจทย์ความมั่นคงชุดนี้ยากกว่าเก่ามาก… การตามหา “หมาป่าตัวเดียว” ในป่าคอนกรีตใหญ่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อาจจะเปรียบได้กับการงมเข็มในมหาสมุทร !