เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท/Onkyo TX-SR393 5.2-Channel AV Receiver

เครื่องเสียง/พิพัฒน์ คคะนาท [email protected]

Onkyo TX-SR393

5.2-Channel AV Receiver

 

กับชื่อ Onkyo ในบ้านเราเป็นที่นิยมในระดับใด, ขออนุญาตไม่ก้าวล่วง

แต่ใคร่เรียนให้ทราบว่ากับชื่อนี้ที่ซีกโลกตะวันตก โดยเฉพาะในดินแดนประชาธิปไตยเฟื่องฟู (แบบกูเป็นศูนย์กลางจักรวาล) อย่างสหรัฐอเมริกา และกล่าวเฉพาะในแง่ของเครื่องที่เป็นหัวใจของระบบภาพและเสียงอย่าง AV Receiver แล้ว ชื่อนี้นับว่าอยู่แถวหน้าๆ ระดับขวัญใจมหาชนของคนแถบนั้น

ชนิดที่หากจะบอกว่าคือตัวจริง เสียงจริง ก็ว่าได้เต็มปากเต็มคำ

และกับที่จ่าหัวเอาไว้ซึ่งใคร่นำมาให้รู้จักกันเที่ยวนี้ เป็นอีกพัฒนาการของเครื่องที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบที่ว่า ซึ่งเพิ่งออกตลาดมาไม่นาน และทราบว่าได้รับความนิยมในกลุ่มนักเล่นมือใหม่บ้านเราแบบเงียบๆ จนดูเหมือนจะกลายเป็นเครื่องระดับ Best Buy ในกลุ่ม Budget ไปแล้วก็ว่าได้

เพราะกับสนนราคาค่าตัวไม่ถึงสองหมื่น (เกินเลยหมื่นกลางๆ ไป ไม่กี่มากน้อยด้วยซ้ำ) เมื่อพิจารณาถึงคุณสมบัติในแง่มุมต่างๆ ที่ผนวกเข้ามาไว้ในเครื่องแล้ว ต้องบอกว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มครับ

ด้วยแม้ว่าเป็นเครื่องรุ่นเล็กสุดในซีรีส์นี้ แต่ใส่อะไรต่อมิอะไรเข้ามาแบบต้องบอกว่าจัดเต็มมากๆ

 

ภาพรวมที่น่าสนใจของเอวี รีซีฟเวอร์ เครื่องนี้ก็คือ สามารถรองรับการเข้ารหัสสัญสัญญาณเสียงที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุดทั้งของ Dolby และ DTS ได้ถึงระดับ Dolby Atmos และ DTS:X

ทั้งยังผนวกระบบการจำลองเสียงจากลำโพงเสมือนระดับที่ว่านั้นได้ หากพื้นที่ที่นำไปใช้งานไม่กว้างพอที่จะตั้งวางลำโพงได้เต็มระบบ เพียงผ่านการเชื่อมต่อกับลำโพง 2.1-Ch. ด้วยฟังก์ชั่น Dolby Atmos Height Virtualizer หรือจะเล่นผ่าน DTS Virtual : X เพื่อรังสรรค์บรรยากาศจำลองเสียงจากลำโพงเสมือนก็ได้เช่นเดียวกัน

ซึ่งไม่ว่าจะเล่นด้วยลำโพงเต็มระบบ หรือจะเล่นผ่านการจำลองเสียงเสมือน พลังเสียงในภาคขยายจะสามารถรังสรรค์อรรถรสของเสียงออกมาให้สัมผัสได้อย่างอิ่มเอม เต็มอารมณ์ ด้วยภาคการทำงานของวรจรที่ออกแบบให้จ่ายกระแสแบบ High-Current Analogue Amp. ด้วยหม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษในลักษณะของ Custom Made ซึ่งหาได้ยากจากเครื่องระดับนี้

ทางด้านระบบภาพนั้น เอวี รีซีฟเวอร์ เครื่องนี้รองรับการทำงานของความละเอียดภาพถึงระดับ 4K/60p และภาค HDR Video เป็นแบบ Pass-Through สามารถรังสรรค์ภาพออกมาด้วยรายละเอียดต่างๆ อย่างสมจริง ทั้งในแง่ของสีสันและแสงเงา ให้ความเป็นธรรมชาติที่เสมือนดูภาพจริงด้วยตาเปล่า

อีกทั้งยังได้ผนวก AccuEQ System ระบบปรับแต่งอัตโนมัติที่เอื้อให้ใช้งานได้อย่างสะดวก และง่ายดาย ทำงานร่วมกับเครื่องเล่น และเครื่องรับโทรทัศน์ ที่นำมาต่อร่วมในซิสเต็มได้อย่างสมบูรณ์ และให้คุณภาพเสียงที่สอดประสานกับเนื้อหา หรือ Content ที่กำลังชมได้อย่างลงตัว อาทิ ฟังก์ชั่น Vocal Enhancer ที่ช่วยให้เสียงสนทนามีความกระจ่างชัดเจนมากขึ้น เป็นต้น ทั้งยังให้ทำงานแบบไร้สายร่วมกับอุปกรณ์อื่น เช่น Wireless Headphones รวมทั้งการใช้งานแบบสตรีมมิงผ่านแอพพลิเคชั่นด้วยเทคโนโลยี Bluetooth ได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่น Advanced Music Optimizer สำหรับมิตรรักนักฟังเพลงโดยเฉพาะ เพื่อจะได้สัมผัสกับสุดยอดของคุณภาพเสียงแบบที่เรียกว่า The Golden Onkyo Sound

ทั้งยังสามารถเพิ่มลำโพงเพื่อใช้งานในแบบ Multi-Room ได้ด้วย

 

ภาพรวมของโครงสร้างตัวถังเครื่องแลดูประกอบมาประณีต เรียบร้อยดี แผงหน้าปัดโดดเด่นด้วยลูกบิดทรงกลม ขนาดใหญ่ ติดตั้งอยู่ทางด้านขวาตอนบนคือ Master Volume และล่างสุดเป็นช่องเสียบแจ๊กสำหรับ Set-Up Microphone เพื่อการปรับแต่งเสียงของลำโพงในระบบ

ไล่จากด้านซ้ายของแผงหน้าปัดมา ด้านบนเป็นปุ่ม On/Standby แบบกด ใต้ลงมาเป็นปุ่มแบบตุ่มกดของฟังก์ชั่น Music Optimizer ระบุกดใช้งานสำหรับเพิ่มคุณภาพเสียงโดยเฉพาะกับ Compressed Audio หรือก็คือใช้กับไฟล์เสียงที่ผ่านการบีบอัดข้อมูลมานั่นแหละครับ ล่างสุดเป็นช่องเสียบสำหรับชุดหูฟังแบบแจ๊กมาตรฐาน ขนาด 1/4 นิ้ว ใกล้ๆ กับช่องเสียบชุดหูฟังเป็นตุ่มกดเล็กๆ แบบเรียงตามแนวนอน 3 ปุ่ม ประกอบไปด้วย Stereo, Movie/TV และ Music

ใต้แผงดิสเพลย์เป็นปุ่มสำหรับเลือกอินพุต รวมทั้งมีปุ่มกดลักษณะเป็นแถบแนวนอนให้อีกสี่ซ้าห้าปุ่มทั้งที่ด้านซ้าย และขวา ซึ่งอยู่ใต้กรอบแผงดิสเพลย์สำหรับเลือกการทำงานต่างๆ อาทิ Set-Up, Zone A/B, Dimmer เป็นต้น ส่วนทางด้านขวาใต้กรอบแผงดิสเพลย์เป็นกลุ่มปุ่มกดต่างๆ ในภาค Tone Control สามชุดด้วยกัน แถวบนเป็นส่วนของ Treble แถวกลางสำหรับควบคุม Vocal และแถวล่างสุดสำหรับ Bass

ที่แผงหลังมีพอร์ต HDMI ให้ 5 ชุด เป็น HDMI Out หนึ่งชุด เป็นแบบ ARC : Audio Return Channel ส่วนอีกสี่ชุดเป็น HDMI In ซึ่งแต่ละชุดมีระบุไว้เสร็จสรรพว่าพอร์ตไหน สำหรับเสียบต่อกับอะไร โดยประกอบไปด้วย BD/DVD, GAME, CBL/SAT และ STRM BOX พร้อมทั้งยังมีพอร์ต USB สำหรับจ่ายกระแสไฟให้อุปกรณ์อื่นจำพวก Streaming Media Player ให้อีกหนึ่งชุด

ในส่วนของ Digital In มีให้เลือกใช้ทั้ง Optical และ Coaxial ในส่วนของ Audio In แบบช่องเสียบ RCA Jack มีให้สามชุด คือ CD, AUX และ PC และมี Line Out สำหรับ Zone B ให้หนึ่งชุด รวมทั้งมี Pre-Out สำหรับเพาเวอร์ สับ-วูฟเฟอร์ ให้สองชุด

ที่เหลือเป็นขั้วต่อลำโพงแบบ 5-แชนเนล โดยขั้วต่อของชุด Front L/R เป็นแบบเกลียวหมุน ส่วนที่เหลือคือ Center หนึ่งชุด และ Surround อีกสองชุดนั้น เป็นขั้วต่อแบบสปริงหนีบ

 

สําหรับคุณสมบัติของเครื่องในแง่ของภาคขยายหรือแอมปลิไปเออร์ ระบุว่าเป็นเครื่องระบบ 5.2-แชนเนล ให้กำลังขับแชนเนลละ 80 วัตต์, ที่โหลด 8 โอห์ม ทำงานตลอดย่านความถี่ 20Hz – 20kHz วัดค่าความเพี้ยนฮาร์โมนิกรวม (THD) ได้ 0.08% ตามมาตรฐาน FTC หากวัดที่โหลด 6 โอห์ม จะได้กำลังขับ 155 วัตต์/แชนเนล (ตามที่ระบุไว้ข้างกล่อง) โดยวัดค่า THD ได้ 10% ที่ 1kHz และมีประสิทธิภาพสามารถทำงานที่โหลด 4 โอห์ม ได้ สำหรับภาคเพาเวอร์ ซัพพลาย เป็นแบบ High Current วงจรของภาคเอาต์พุต สเตจ เป็นแบบ Discrete และลำโพงชุดหน้าสามารถใช้งานแบบ Bi-Amp ได้

ขณะที่คุณสมบัติทางด้าน Processing ระบุว่า ใช้ชุดการทำงานแบบ 32-bit Digital Signal Processing Engine รองรับการถอดรหัสของ Dolby Lab ถึงระดับ Dolby Atmos พร้อมฟังก์ชั่น Dolby Atmos Height Virtualizer และ Dolby Surround Upmixing ทางด้าน DTS รองรับถึงระดับ DTS: X พร้อมฟังก์ชั่น DTS Virtual : X และ DTS Neura l : X Upmixing พร้อมผนวก Cinema FILTER และ AccuEQ Room Calibration รวมทั้งมีฟังก์ชั่น Advanced Music Optimizer เพื่อการฟังเพลงโดยเฉพาะ

ทั้งหมดนั้นก็เป็นภาพรวมพอเป็นสังเขปของเอวี รีซีฟเวอร์ เครื่องนี้ เที่ยวหน้าค่อยมาว่ากันต่อให้จบนะครับ