จับตาทายาท 3 ป. ‘ป.แป๊ะ’ ป.#4 ลงสนามการเมือง กับมิชชั่น ตท.20 และลิขิตฟ้า ‘บิ๊กแดง’ รีเทิร์น? โฟกัส ‘เสธ.หิ-ธรรมนัส’ / รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

จับตาทายาท 3 ป.

‘ป.แป๊ะ’ ป.#4

ลงสนามการเมือง

กับมิชชั่น ตท.20 และลิขิตฟ้า

‘บิ๊กแดง’ รีเทิร์น?

โฟกัส ‘เสธ.หิ-ธรรมนัส’

 

การตัดสินใจลงสู่สนามการเมืองของบิ๊กแป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ชิงผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ครั้งนี้ มีนัยสำคัญ และมีสตอรี่ที่มาที่ไป

แม้จะเป็นการตัดสินใจในช่วงที่ใกล้จะเกษียณราชการ 30 กันยายน 2563 แล้วก็ตาม

แต่ทว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้ตัดสินใจที่จะก้าวสู่เส้นทางการเมืองไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว

ด้วยเหตุที่เป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปีเมื่อพ้นตำแหน่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์จึงคิดที่จะพักผ่อน ดูแลลูกและครอบครัว และทำในสิ่งที่ตั้งใจจะทำไปก่อนในช่วง 2 ปี ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งชิงผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กับ เสธ.หิ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ

จึงเริ่มต้นจากการบวชพระที่วัดหงส์รัตนาราม ก่อน เพราะตั้งใจอยากจะบวชมานานแล้ว เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับคนที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะตำรวจ ตลอดชีวิตราชการที่ผ่านมา รวมถึงเหตุกราดยิงโคราชด้วย

ที่สำคัญคือ อยากบวชให้ภรรยา จึงบวชในวันเกิดของ ดร.บุษกร ชัยจินดา ภรรยา 2 ตุลาคม และตั้งใจสึกในวันเกิดตนเอง 19 ตุลาคม แต่มีฤกษ์สึก 18 ตุลาคม 2563

ก่อนที่ต่อมาบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เพื่อนรัก ตท.20 ที่พ้นจาก ผบ.ทบ. ก็มาบวชวัดเดียวกัน คณะเดียวกัน ก่อนที่จะไปรับหน้าที่รองเลขาธิการสำนักพระราชวัง

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า บวชพระเพื่อสร้างบุญ ก่อนที่จะปฏิบัติการใดกันต่อไปหลังเกษียณหรือไม่ โดยเฉพาะการวางแผนอนาคตทางการเมืองเพื่อปกป้องสถาบัน

แต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ยืนยันว่า ไม่ได้นัดแนะกัน แต่เป็นความตั้งใจที่ตรงกัน เพราะต่างคนก็แยกย้ายกันไปธุดงค์ คนละวัด คนละพื้นที่

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กับ เสธ.หิ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ

เมื่อลาสิกขาออกมาแล้ว ก็เริ่มมีพรรคพวกเพื่อนฝูงมาถามไถ่ และชักชวนให้เล่นการเมือง โดยเฉพาะลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. ที่เป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น ไม่ได้อยู่ในข้อกำหนดเว้นวรรค 2 ปีหลังการพ้น ส.ว.

ในจำนวนนี้มีผู้ใหญ่อย่างบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ชักชวนว่า เกษียณแล้วยังไม่มีอะไรทำ มาสมัครผู้ว่าฯ กทม.มั้ย

พล.ต.อ.จักรทิพย์ยังไม่รับปากในทันที แต่เอามาคิดทบทวน ประกอบกับคำพูดของพรรคพวกที่เห็นในศักยภาพของตนเอง อีกทั้งผลโพลก็มาเป็นอันดับ 2

แม้จะเป็นรอง และออกตัว ออกสตาร์ตช้ากว่าคู่แข่งคนสำคัญอย่างนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็ตาม แต่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็คิดบวก และรวบรวมพลังในตัวเอง เรียกความมั่นใจ ว่าเราต้องทำได้ จึงตัดสินใจจะลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. พร้อมม็อตโต้ที่ว่า “บิ๊กแป๊ะทำได้”

แต่ทว่า จะไม่ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ เพราะหวั่นเกิดปัญหาในข้อกฎหมาย และเพื่อเลี่ยงการถูกมองว่า เป็นคนของ 3 ป. “ป้อม-ป๊อก-ประยุทธ์”

แต่ก็คงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะถูกมองว่า พล.อ.ประวิตรและพรรคพลังประชารัฐสนับสนุน จนอาจจะถูกเรียกว่า นอมินี

“ถามว่า ถ้ามองผมเป็นนอมินีของพรรคพลังประชารัฐ แล้วคนอื่นล่ะ เป็นนอมินีของพรรคอื่นหรือเปล่า ผมถึงบอกว่า พรรคเดียวกันคนละพวกก็เยอะ แต่พวกเดียวกัน คนละพรรคก็มี ผมไม่มีพรรค แต่มีพรรคพวก” พล.ต.อ.จักรทิพย์ระบุ

“ผมเคยเป็นลูกน้อง เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จะให้ผมบอกว่าไม่รู้จักท่านก็คงไม่ได้ ก็คงเป็นพวกเนรคุณ” พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าว

ยิ่งเมื่อมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตรสั่งการให้ผู้กองธรรมนัส ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค มาดูแลสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และให้สนับสนุน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็ยิ่งทำให้ตกเป็นเป้า

แม้ พล.อ.ประวิตรจะปฏิเสธว่าไม่ได้สั่งให้พรรคหนุน พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพราะพรรคไม่ได้ส่งผู้สมัครในนามพรรค

แต่ก็มองว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็ดี เขาตั้งใจทำงาน เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตั้ง 5 ปี ทำงานให้กับประชาชนมาตลอด

เพราะหากมองย้อนไปแล้ว พล.ต.อ.จักรทิพย์ถือเป็นน้องรักสีกากีที่ พล.อ.ประวิตรรักมากมาย และเป็นคนผลักดันให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ในยุค คสช. ทั้งๆ ที่ตอนนั้นมีอายุราชการถึง 5 ปี และคอยประคับประคองเก้าอี้ ผบ.ตร.ให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์นั่งจนเกษียณ สร้างประวัติศาสตร์นั่งยาว 5 ปีโดยไม่ถูกเด้ง

แม้จะมีกระแสข่าวในการเลื่อยขาเก้าอี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์มาตลอด แต่ พล.อ.ประวิตรก็เจรจากับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาได้ตลอด

จนมาระยะหลัง พี่ป้อมกับน้องแป๊ะ มีระยะห่างทางใจกันมากขึ้นๆ เพราะ พล.อ.ประวิตรไปให้ความสำคัญกับบิ๊กโจ๊ก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ตอนนั้นเป็นมือขวาของบิ๊กป้อม โดยเฉพาะในการจัดโผโยกย้ายตำรวจ จนเกิดการกินแหนงแคลงใจกัน

จนทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ถอยห่างจาก พล.อ.ประวิตรไประยะหนึ่ง ประกอบกับในรัฐบาลหลังเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์มาควบ รมว.กลาโหม และคุมตำรวจเอง

ความขัดแย้งของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ กับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ น้องรักของบิ๊กป้อม ทั้งคู่กลายเป็นเรื่องระดับตำนานของกรมปทุมวัน ที่ต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ถูกเด้งพ้นตำรวจ โอนย้ายมาเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ มาประจำทำเนียบรัฐบาล นานกว่า 1 ปี เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์เกษียณ

หลังเกิดความขัดแย้งระหว่างบิ๊กใหม่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. และบิ๊กต่อ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง น้องชาย พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล เลขาธิการพระราชวัง และมีการเคลียร์กันแล้ว หลังเกิดการแฉเรื่องตั๋วช้างในสภา พร้อมเอกสาร

พล.อ.ประยุทธ์ก็ส่ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์กลับมาเป็นตำรวจอีกครั้ง ในตำแหน่งที่ปรึกษา สบ9 เทียบเท่า ผช.ผบ.ตร. กลับเข้าไลน์ลุ้นเป็น ผบ.ตร.

ขณะที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็กลับมาใกล้ชิดสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตรตามเดิม ก่อนที่จะมีการชักชวนให้ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.

ส่งผลให้ ร.อ.ธรรมนัสถูกจับตามองด้วย เพราะที่ผ่านมา นำ พปชร.ชนะศึกเลือกตั้งซ่อมมาตลอด

ร.อ.ธรรมนัสก็ไม่ใช่คนอื่นไกลของ พล.อ.จักรทิพย์ แต่เป็นรุ่นน้อง ตท.25 และเป็นมือขวาของ พล.อ.ประวิตร

จึงไม่แปลกที่ข้างกาย พล.อ.จักรทิพย์ในการหาเสียงเตรียมลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ ก็มี เสธ.หิ ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ มาเป็นเสมือนเลขาฯ ส่วนตัว

เสธ.หิไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.25 ของผู้กองธรรมนัส และเดินมาในสายสีเทาด้วยกัน ตั้งแต่เป็นนายทหารเด็กๆ

แต่เสธ.หิโตมาใน เสธ.แอ๊ว พล.อ.อัครเดช ศศิประภา อดีตรองปลัดกลาโหม นายทหารคนดังของวงการในอดีตผู้ล่วงลับ

ส่วนผู้กองธรรมนัสเติบโตมาในสายของเสธ.ไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต นายทหารม้าผู้กว้างขวางของวงการผู้ล่วงลับ

เรียกได้ว่า ผู้กองธรรมนัสเป็นทายาทของ พล.อ.ไตรรงค์ และขึ้นมาคุมทุกอย่างแทนเมื่อเสธ.ไอซ์เสียชีวิต ส่วนเสธ.หิเป็นทายาทเสธ.แอ๊ว ที่เคยได้ฉายาว่า “มาเฟียอัจฉริยะ” เพราะความฉลาด มีไหวพริบ

เสธ.หิเป็นที่จดจำเพราะชื่อหิมาลัย ที่แปลกไม่เหมือนใคร ซึ่งเดิมตั้งแต่เกิด ชื่อ “ชลาลัย” ที่แปลว่าน้ำ แต่ชื่อนี้โรงเรียนไม่ยอมรับเข้าเรียน เพราะชื่อเหมือนผู้หญิง คุณพ่อที่เป็นนายตำรวจจึงเปลี่ยนมาเป็นหิมาลัย

ความหมายไม่ใช่แต่หมายถึงเทือกเขาหิมาลัยที่หนาวเหน็บ ที่รู้จักกันดีทั่วโลก แต่ทว่ามีความหมายที่ลึกซึ้ง ที่คุณพ่อไม่ได้บอก แต่เขียนเอาไว้ เพื่อเก็บไว้ให้อ่าน ในตอนเติบใหญ่

ที่ระบุว่าหิมาลัย หมายถึงคนที่ยอมเสียสละ ทำเพื่อคนอื่น เสมือนเทือกเขาหิมาลัย ที่ต้องละลายตัวเองเพื่อมาเป็นสายน้ำหล่อเลี้ยงชีวิตผู้อื่น

ที่ทำให้เสธ.หิกลับมาสู้ชีวิตอีกครั้ง เมื่อถูกถอดยศพันโท และออกจากเรือนจำในคดีรื้อบาร์เบียร์ แล้วได้อ่านความหมายในจดหมายนั้น เขาจึงต้องการที่จะช่วยคนอื่น

“ผมจะขอเป็นเส้นทาง เป็นถนนในการให้คนอื่นเดินไปสู่เป้าหมาย โดยที่ไม่ได้ต้องการอะไร” ดร.หิมาลัยระบุ

โดยบุคลิกแล้ว เสธ.หิเป็นคนเงียบๆ ขี้อาย ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยชอบเปิดตัว ออกหน้า ออกสื่อ แต่เมื่อต้องมาเป็นทีมงานบิ๊กแป๊ะ ก็เลยมีภาพออกสื่อไปบ้าง แต่ก็พยายามหลบๆ เพราะอยากเป็นทีมเบื้องหลังมากกว่าอยู่เบื้องหน้า ในการคิดวางแผนต่างๆ

การที่เสธ.หิมาช่วยงาน พล.อ.จักรทิพย์ จึงถูกอย่างเชื่อมโยงกับผู้กองธรรมนัส ที่มีข่าวออกมาตลอดว่า พล.อ.ประวิตรให้มาเตรียมรับมือการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.

แต่ที่มากกว่านั้นคือ เสธ.หิก็ได้ชื่อว่าเป็นอดีตนายทหารที่ พล.อ.ประยุทธ์รู้จัก และใช้งานต่างๆ ในห้วงที่ผ่านมา เพราะถึงอย่างไร แม้จะไม่ได้เป็นทหารแล้ว ไม่มียศแล้ว แต่ก็เป็นรุ่นน้องสายเลือดเตรียมทหาร

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า เสธ.หิกำลังตั้งพรรคการเมืองใหม่ขึ้น โดยจะใช้ชื่อว่า พรรคพลัง แต่ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าจะเป็นพรรคของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ หรือเป็นพรรคในเครือข่าย

หรือว่าจะเป็นพรรคในเครือข่าย ร.อ.ธรรมนัส ที่ก็มีข่าวว่ามีแนวคิดที่จะตั้งพรรค เพราะมี ส.ส.กลุ่มอีสานล้านนาในมือ 30-40 คนใน พปชร. ที่พร้อมจะแยกตัวออกมาหากเกิดปัญหาขัดแย้งหนักในพรรค และกับ พล.อ.ประวิตร จนถูกมองว่าจะตั้งพรรคเพื่อเป็นอำนาจในการต่อรอง

จนมีการปล่อยกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสมีเป้าหมายถึงเก้าอี้นายกฯ เลยทีเดียว แม้จะเคยเป็น “คนเทาๆ” มาก่อนก็ตาม แต่ในเมื่อวันนี้มาทำเพื่อประชาชน มาเป็น รมต. มาช่วยงาน 3 ป. หลังจากที่ได้รับพระราชทานของขวัญเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา

พี่น้อง 3 ป. จำเป็นต้องมองหา เลือกสรร คัดเลือก และสร้างทายาททางการเมืองขึ้นมาสานต่อภารกิจในการยึดครองอำนาจรัฐ และสกัดกั้นฝ่ายตรงข้าม และขบวนการปฏิรูปสถาบัน ไม่ให้ขึ้นมามีอำนาจ

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจจะเป็นนายกรัฐมนตรีแค่ 2 สมัยก่อนเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าจะอยู่ยาว 20 ปี เอาแค่สมัยนี้ให้ครบเทอม และหลังเลือกตั้งครั้งหน้า ที่ยังคงใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ฉบับเดิม ที่ยังมี 250 ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกฯ อยู่ด้วย

รวมเวลาที่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในยุค คสช. 5 ปี และรัฐบาลเลือกตั้งอีก 2 สมัย ราว 8 ปี และพร้อมที่จะวางมือ แล้วส่งต่อให้เป็นทายาทในเจเนอเรชั่นรุ่นต่อไป

แต่ทายาท 3 ป.จะเป็นใคร?

จะเป็น ป.แป๊ะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่กำลังถูกจับตามองว่าจะเป็น ป.ที่ 4 ที่จะมายึด กทม.เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และแผงอำนาจ 3 ป.หรือไม่

เพราะความจริงแล้ว ความตั้งใจเดิมของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ คือจะเล่นการเมืองในสนามใหญ่ หลังเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี

เดิม พล.ต.อ.จักรทิพย์ถูกจับตามองว่าจะเข้าพรรคภูมิใจไทย เพราะมีความสนิทสนมกับทั้งนายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมี และเสี่ยหนู อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค

และมีแนวโน้มว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์จะตั้งพรรคการเมืองเอง และกำลังถูกจับตามองว่า จะเป็นพรรคพันธมิตรของพรรคพลังประชารัฐ และเป็นพรรคที่รองรับการย้ายพรรคของ ส.ส.ฝ่ายค้าน ทั้งพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่เคยเป็นงูเห่ามาตลอด

มีข่าวว่า การตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ของปลัดฉิ่ง นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดมหาดไทยนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพราะทั้งคู่สนิทสนมกันตั้งแต่ยังเป็นนายตำรวจเด็กๆ ส่วนนายฉัตรชัยก็ยังเป็นปลัดอำเภอเลยทีเดียว

แล้วมาปรึกษาหารือเรื่องการตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ โดยจะชวนอดีตข้าราชการตำรวจ ทหาร พลเรือน ที่เป็นคนดี คนเก่ง มาเข้าพรรค และพร้อมที่จะดูด ส.ส.จากพรรคอื่นมาอยู่ด้วย

โดยมีแนวโน้มว่า นายฉัตรชัยจะเป็นเลขาธิการพรรค และ พล.ต.อ.จักรทิพย์นั่งหัวหน้าพรรค ที่คาดว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อจากพรรคเศรษฐกิจไทยเป็นชื่ออื่น

แต่ที่สำคัญคือพรรคของนายฉัตรชัยนี้ไม่ใช่แค่ถูกมองว่าเป็นพรรคของ 3 ป. เพราะความที่นายฉัตรชัยเป็นคนใกล้ชิด มือทำงานของบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย

แต่จะเป็นพรรคทายาทของ 3 ป. ที่มี พล.ต.อ.จักรทิพย์เป็นแกนนำ แต่ทว่ามีเป้าหมายที่จะเป็นนายกฯ เองในอนาคต หรือว่าเตรียมสนับสนุนใครเป็นนายกฯ

เพราะในมุมหนึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็สนิทสนมกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย การตั้งพรรคร่วมกับปลัดฉิ่ง ก็อาจถูกมองได้ว่าพร้อมหนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ เพราะปลัดฉิ่งก็ถือว่าสนิทสนมกับทั้งนายเนวินและนายอนุทิน

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อมีชื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ออกมาโลดแล่นทางการเมือง ก็ทำให้ชื่อบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ เพื่อนรัก ตท.20 ถูกจับตามองด้วย

แม้วันนี้ พล.อ.อภิรัชต์จะเป็นรองเลขาธิการพระราชวัง ที่ไม่มีวันเกษียณราชการ แต่ก็ยังถูกมองว่า ในอนาคตอาจจะได้กลับออกมาเพื่อสู่สนามการเมืองเมื่อถึงเวลา เพราะยังถูกโฟกัสว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และเป็นทายาทของ พล.อ.ประยุทธ์

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้ พล.อ.อภิรัชต์จะลดบทบาท เก็บเนื้อเก็บตัวก็ตาม แต่ก็ยังถูกจับตามองทุกความเคลื่อนไหว

ในบทบาทและอิทธิพลในกองทัพ ที่ยังมีเพื่อน ตท.20 เป็น ผบ.เหล่าทัพ ทั้ง พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เป็นผู้บัญชาการทหารเรือ และบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็น ผบ.ตร.

และที่สำคัญยังมีบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ น้องรัก ตท.22 เป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

พล.อ.อภิรัชต์ยังคงเข้ามาที่ พล.1 รอ. ถิ่นเก่า ที่ตนเองเคยพัฒนา และสร้างหน่วยไว้อยู่เนืองๆ เพราะอยู่ใกล้พระราชวังดุสิต

ที่สำคัญคือ พล.อ.อภิรัชต์ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านขบวนการล้มเจ้า หมิ่นสถาบัน

ยิ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ กับ พล.อ.อภิรัชต์ สนิทสนมซี้ปึ้กกันเท่าไหร่ ความเคลื่อนไหวของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ก็ยิ่งถูกเกี่ยวโยงเชื่อมโยงกับอนาคตทางการเมืองของ พล.อ.อภิรัชต์มากขึ้นเท่านั้น

แต่ทว่าชะตาชีวิตของ พล.ต.อ.จักรทิพย์จะเป็นอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ด้วย ว่าจะอยู่สนามเล็ก หรือจะไปรอเล่นเต็มที่ในสนามใหญ่เลย

จึงไม่แปลกที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์จะเปรยๆ ว่า “ชะตาชีวิตคน ไม่อาจฝืนลิขิตฟ้า”

อีกไม่นานเกินรอ!!